ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 จนเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงการณ์ เรื่องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 สั่งปิดพื้นที่เสี่ยง สั่งห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง
นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้สั่งปิด 26 สถานที่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว ซึ่งครอบคลุมห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ตลาดและตลาดนัด สนามกีฬา เป็นต้นไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563
ธนาคารพาณิชย์ส่วนหนึ่งได้ประกาศปิดให้บริการสาขาในห้างสรรพสินค้านห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัดปริมณฑล ประกอบด้วย สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี และปทุมธานี เป็นการชั่วคราวเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ตามประกาศของกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด แม้สมาคมธนาคารไทยด้วยความเห็นชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศว่า ธนาคารสมาชิกจะยังคงเปิดดำเนินงานและให้บริการที่สาขาของธนาคารที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าและในพื้นที่อื่นตามปกติ ทั้งนี้ การเปิดให้บริการของสาขาธนาคารจะเป็นไปตามประกาศของทางการ นโยบายและแนวทางปฏิบัติของห้างสรรพสินค้าและพื้นที่อื่นๆ ตามที่กำหนด
ในวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2563 ธนาคารพาณิชย์เกือบทุกรายประกาศปิดให้บริการทุกสาขาทั่วประเทศเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 28-29 มีนาคม 2563 เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกำหนดการบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้ามชุมนุมและรวมตัวกันในสถานที่แออัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความปลอดภัยในสุขอนามัยของผู้มาใช้บริการ
โดยธนาคารพาณิชย์ที่ประกาศปิดบริการได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรี ธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ธนาคารยูโอบี ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารเกียรตินาคิน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
นอกจากนี้ธนาคารของรัฐก็ปิดให้บริการจากสาขาทั่วประเทศ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ลูกค้าสามารถใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ เช่น เครื่องรับฝาก(CDM)หรือถอนเงินสดอัตโนมัติ(ATM) ที่อยู่ด้านหน้าสาขาของธนาคารหรือพื้นที่อื่นที่สะดวก รวมถึงการทำธุรกรรมผ่าน Online Banking ครอบคลุม Mobile Banking, Internet Banking ได้ตลอด 24 ชั่วโมง