ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ (archive) > เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าโรดโชว์ทั่วโลกในดีลไอพีโอครั้งประวัติศาสตร์

เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าโรดโชว์ทั่วโลกในดีลไอพีโอครั้งประวัติศาสตร์

29 มกราคม 2020


ข่าวประชาสัมพันธ์

(จากซ้ายไปขวา):นายวรารัตน์ ชุติมิต กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน),นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน),นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน),นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)และนายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

เซ็นทรัล รีเทล เดินหน้าโรดโชว์ทั่วโลกในดีลไอพีโอครั้งประวัติศาสตร์ ประกาศแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายพร้อมเปิดจองซื้อหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 29 – 31 มกราคม และ 3 กุมภาพันธ์นี้

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และนายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ผู้นำธุรกิจค้าปลีกไทยในระดับโลก ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายสำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก ซึ่งจะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 29 – 31 มกราคม และ 3 กุมภาพันธ์ 2563 (สำหรับบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือ นักลงทุนรายย่อย) โดยหุ้นสามัญที่จะเสนอขายมีจำนวนไม่เกิน 1,691,000,000 ล้านหุ้น โดยแบ่งออกเป็น

1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,331,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 22.1 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO (ไม่รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน หากมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) ซึ่งประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ROBINS’ ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ CRC เพื่อแลกกับหุ้นของ ROBINS (Share Swap) และหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายและจัดสรรให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก

2) หุ้นสามัญที่เสนอขายโดย Hawthorn Resources Limited (ผู้ถือหุ้นเดิม) จำนวนไม่เกิน 360,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 6.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO (ไม่รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน หากมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และอาจพิจารณาให้มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Option หรือ Greenshoe) จำนวนไม่เกิน 169,100,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 10.0 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับราคาหุ้น (Stabilization) เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพของราคาหุ้นในช่วงไม่เกิน 30 วันแรกหลังหุ้นของ CRC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

พร้อมกันนี้ ยังได้แต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 1 บริษัท ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญของ CRC ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนสถาบัน โดย CRC ได้ลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น (Cornerstone Placing Agreement) กับนักลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 11 ราย ได้แก่ กองทุนต่าง ๆ ภายใต้คำแนะนำของ Capital Research Management Company, GIC Private Limited, Avanda Investment Management บลจ. ไทยพาณิชย์ บลจ. บัวหลวง บลจ. กสิกรไทย บลจ. อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) บลจ. ทิสโก้ บลจ. ธนชาติ เป็นต้น โดยมีการจัดสรรหุ้นสามัญให้กับ Cornerstone Investors ดังกล่าวรวมจำนวนทั้งสิ้น 560.6 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ (ไม่รวมจำนวนหุ้นเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ROBINS ที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ และจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน หากมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

นอกจากนี้มีกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากการทำโรดโชว์กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ อาทิ ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ที่ให้ความสนใจอย่างเป็นที่น่าพอใจ พร้อมทั้งแสดงความต้องการจองซื้อหลักทรัพย์จากกระบวนการทำ Bookbuilding จำนวนมาก ตอกย้ำความมั่นใจของนักลงทุนในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของเซ็นทรัล รีเทล

การระดมทุนครั้งนี้ของ CRC มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงสาขาต่าง ๆ อาทิ 1. การขยายสาขาใหม่ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน และ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ 2. การขยายสาขาของไทวัสดุ 3. การขยายสาขาของบิ๊กซี/GO! ในประเทศเวียดนาม 4. การปรับปรุงสาขาต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ และเพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมุ่งขยายความสำเร็จในระดับโลกอย่างมั่นคงในระยะยาว