ThaiPublica > เกาะกระแส > สำรวจตลาดกัญชาต่างประเทศ ธุรกิจถูกกฎหมายมูลค่าหลายพันดอลลาร์ สหรัฐฯ ยังคุมเข้มครอบคลุมธนาคาร

สำรวจตลาดกัญชาต่างประเทศ ธุรกิจถูกกฎหมายมูลค่าหลายพันดอลลาร์ สหรัฐฯ ยังคุมเข้มครอบคลุมธนาคาร

21 เมษายน 2019


จังหวัดบุรีรัมย์จัดงาน ” พันธุ์บุรีรัมย์” ให้ความรู้เกี่ยวกับกัญชากับผู้สนใจตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การสกัด การนำไปใช้เพื่อรักษาโรค ฯลฯเมื่อ 19-21 เมษายน 2562

เมื่อวันที่ 19-21 เมษายน 2562 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนราชการในจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน และภาคเอกชน จัดงานเผยแพร่ความรู้ในการนำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่นำเสนอนโยบายกัญชาเสรี และนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ร่วมงาน

ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 หลายพรรคการเมืองได้นำเสนอนโนบายส่งเสริมการปลูกกัญชา โดยพรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนมากกว่าพรรคอื่น เพราะนำเสนอในแนวคิดพืชแก้จน พืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ กัญชาเสรี เป็นนโยบายสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยอิงต้นแบบจากสหรัฐอเมริกา

สำหรับในประเทศไทยปี 2562 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 โดยให้ตราเป็นกฎหมายใหม่ ซึ่งมีผลให้พืชกระท่อมและกัญชาสามารถใช้ในทางการแพทย์หรือการสันทนาการได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายประเทศในโลกได้ผ่อนปรนให้ประชาชนใช้กัญชาในทางการแพทย์และการสันทนาการ และมีผลงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากกัญชาสามารถรักษาโรคได้

ต่อมาวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 7 พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลให้กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562

  • “เนวิน”ชี้กัญชายิ่งกว่าบัตรทอง เป็นยาแก้จนให้คนไทย แนะรัฐบาลจะออก ม.44 เพื่อปลดล็อกกัญชาใช้กัญชารักษาโรคได้
  • 15 ปี กองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร “แลปกลาง” พัฒนามาตรฐานสารสกัด – พร้อมผลิตกัญชาเพื่อการแพทย์
  • หมอนักวิจัยหนุนปลดล็อก “กัญชา” เพื่อการแพทย์ ผู้ป่วยไทยใช้รักษาโรคจำนวนมาก แต่นำเข้าราคาแพง – ซื้อขายผิดกฎหมาย
  • วาระแห่งชาติด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ : จากการค้นคว้าวิชาการ สู่การวิจัยสร้างยารักษาโรค
  • กัญชาถูกกฎหมายในโคโลราโด
  • สหรัฐฯ ยังไม่เสรีทั่วประเทศ

    ในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามีการใช้กัญชากันอย่างแพร่หลายและขยายตัวมากขึ้น ตั้งแต่ปี 2555 ที่รัฐโคโลราโดและวอชิงตันเป็น 2 รัฐแรกที่ได้อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย จากนั้นมีอีก 8 รัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแคลิฟอร์เนีย ออริกอน และมิชิแกน

    การใช้กัญชาในทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมายได้รับอนุญาตจาก 2 ใน 3 ของรัฐทั้งหมด ซึ่งล่าสุดรัฐยูทาห์และรัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นรัฐที่อนุรักษนิยมอย่างมาก ก็ได้อนุญาตให้อย่างถูกกฎหมายแล้ว

    ปัจจุบันมี 10 รัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการได้ในผู้ใหญ่ และมี 30 รัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ แต่ปี 2562 นี้มีหลายรัฐของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้ใช้กัญชาได้มากขึ้น

    โดยที่นิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐ แอนดรูว์ คัวโม หันกลับมาสนับสนุนหลังจากรายงานกระทรวงสาธารณสุขมีข้อเสนอแนะให้ทำกัญชาเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย เพราะตลาดกัญชาที่มีการกำดับดูแลให้ผลต่อรัฐนิวยอร์กมากกว่าผลเสีย พร้อมกับประกาศว่า ปีนี้จะให้ความสำคัญกับการทำกัญชาให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย

    ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ในปี 2561 ไม่ประสบความสำเร็จในการอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย แต่ผู้ว่าการรัฐ ฟิล เมอร์ฟี ขับเคลื่อนอีกครั้งในปีนี้ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ภาษี อย่างไรก็ตาม การดำเนินการมีความคืบหน้าและนิวเจอร์ซีย์น่าจะเป็นรัฐแรกของปีนี้ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย

    สำหรับรัฐอื่นๆ คาดว่าเริ่มดำเนินการด้านนี้บ้างแล้วตั้งแต่ต้นปี เช่น คอนเนตทิคัต เพนซิลเวเนีย มินนิโซตา

    ปัจจุบันมี 40 ประเทศที่อนุญาตให้แพทย์ใช้กัญชาเพื่อการรักษาได้ในบางกรณี

    แม้ผลการสำรวจชาวอเมริกัน 66% เห็นด้วยที่จะให้ทำกัญชาให้ถูกต้องตามกฎหมายทั่วประเทศ แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก เนื่องจากกัญชายังคงจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 (Schedule I) ภายใต้กฎหมาย และยังไม่มีการถอนออก จึงมีผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาไม่ได้รับอนุญาตให้หักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 280 ในกฎหมายภาษี แต่สามารถนำต้นทุนขายมาหักออกจากรายได้ ธุรกิจกัญชาที่มีรายได้สูงจึงเสียภาษีจำนวนมาก แต่หากกัญชาถูกกฎหมายจะทำให้รัฐบาลสูญรายได้ภาษีราว 5 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

    ที่มาภาพ: https://www. foodmatters.com/article/7-health-benefits-of-cannabis-oil

    หลายแบรนด์ดังโยงกัญชาทำการตลาดสินค้า

    ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมาผู้เสพกัญชาได้ใช้วันที่ 20 เมษายนของทุกปีเฉลิมฉลองความชื่นชอบในกัญชา ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นการขัดต่อวัฒนธรรมอันดีงามของสังคม แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นเสมือนวันหยุดประจำปีและเป็นกระแสที่วงการธุรกิจของสหรัฐฯ ไม่ยอมตกขบวน

    หลายบริษัททั้งที่อยู่ในอุตสาหกรรมกัญชาและไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมกัญชาต่างพากันใช้ตัวเลข 420 หรือ 4/20 ในการทำการตลาดและโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค ยิ่งมีผลให้ตลาดกัญชาขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    ตัวอย่างเช่น บริษัทลิฟท์ (Lyft) จัดโปรโมชันพิเศษราคา 4.20 ดอลลาร์สำหรับตั๋วเดินทางเที่ยวเดียวไปโคโลราโด เมืองบางเมืองในสหรัฐฯ และแคนาดา ขณะที่แฮมเบอร์เกอร์ชื่อดัง คาร์ส จูเนียร์ เปิดตัวแฮมเบอร์เกอร์ที่มีสารสกัด cannabidiol หรือ CBD จากกัญชา (สารสกัด CBD มีผลให้ประสาทผ่อนคลายแต่ไม่เมาและเชื่อว่ามีผลดีต่อสุขภาพ)

    ตลาด CBD ขยายตัวอย่างมาก น้ำมันสกัด CBD ยังได้นำไปใช้ในลูกอม กาแฟ และอาหารประเภทอื่น เครื่องดื่ม และอาหารเสริม ไปจนถึงน้ำหอม โลชั่น ครีม และสบู่ ซึ่งฝ่ายสนับสนุนระบุว่า สาร CBD ช่วยในเรื่องลดความเจ็บปวด ความเครียด และแผลอักเสบ แม้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประเด็นเหล่านี้ยังมีไม่มาก

    Arcview Group บริษัทวิจัยการตลาดและการลงทุนในกัญชาให้ข้อมูลว่า ในปี 2561 ยอดขายปลีกสินค้าที่มีส่วนผสมของกัญชาเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2560 โดยมีมูลค่ารวม 10.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่รวมสินค้าที่ผสมสารสกัด CBD จากกัญชง (hemp)

    เบนแอนด์เจอร์รีส์ (Ben&Jerry’s) แบรนด์ไอศกรีมชื่อดังจากเวอร์มอนต์ เป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่ผนวกวัฒนธรรมกัญชาเข้ากับการตลาด โดยผลิตไอศกรีมรส เชอร์รี การ์เซีย (Cherry Garcia) และรสฟิช ฟู้ด (Phish Food) เพื่อยกย่อง เจอร์รี การ์เซีย สมาชิกวงดนตรีชื่อดัง เกรตฟูลเดด (Grateful Dead) และวง Phish Food ซึ่งทั้งสองวงขึ้นชื่อในเรื่องเสพกัญชา

    เบนแอนด์เจอร์รีส์ได้โยงการใช้กัญชาเข้าการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง และการฉลองโอกาส 420 ในปีนี้ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ในปีที่แล้วได้เรียกร้องให้ผู้บริโภคกดดันให้นิรโทษกรรม หรือยกเลิกการลงโทษแก่ผู้ที่ถูกจับกุมจากการเสพกัญชา

    นอกจากนี้ ยังมีการโฆษณาการตลาดที่เกี่ยวกับกัญชา หรือสินค้าที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชาในออนไลน์ อีเมล การส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย ร้านค้าเองก็ให้ส่วนลดแก่ผู้ซื้อ บางรายจัดปาร์ตี้ และมีการกิจกรรมที่ดึงคนจำนวนมาก เช่น วีราโน โฮลดิงส์ ซึ่งมีธุรกิจร้านกัญชา ได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมซึ่งภายในงานมีการแสดงดนตรีพร้อมอาหารรองรับขึ้นที่ชิคาโก ทัลซา และโอคลาโฮมา เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว คาดว่าในปีนี้จะมีคนเข้าร่วม 4,000 คน จาก 1,500 คนในปีก่อน

    ในสวนสาธารณะโกลเดนเกต ที่ซานฟรานซิสโก จะมีการจัดงานขึ้นที่ฮิปปีฮิลล์ เพื่อฉลองวันหยุด 420 อีกครั้งในปีนี้ ในปีที่ผ่านมามีคนมาร่วมงานถึง 15,000 กว่าคน ทำให้งานเล็กๆ กลายเป็นเทศกาลที่มีสปอนเซอร์สนับสนุนและมีการออกบูทจำหน่ายสินค้า

    อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้วันหยุด 420 เป็นเครื่องมือทางการตลาด โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และสถาบันการเงิน

    ธุรกิจที่ถูกกฎหมายมูลค่านับพันล้านดอลลาร์

    แม้ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการใช้วันที่ 20 เมษายนของทุกปีเป็นวันหยุดอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองการใช้กัญชาในกลุ่มผู้เสพกัญชา แต่การที่มีการจัดงานมาต่อเนื่องหลายสิบปี แสดงให้เห็นว่ากัญชาซึ่งเคยเป็นสิ่งผิดกฎหมายได้กลายเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายและมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

    ในแคนาดาเองแม้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายตั้งแต่ปีก่อน แต่ตลาดกลับเล็กกว่าสหรัฐฯ ที่กัญชายังไม่เปิดเสรีทั่วประเทศ โดย Greenwave Advisors ให้ข้อมูลว่า ตลาดกัญชาสหรัฐฯ ปี 2561 มีมูลค่า 9.6 พันล้านดอลลาร์ และจะสูงขึ้นเป็น 35 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 ขณะที่ CIBC ประเมินว่า ในปี 2565 มูลค่าตลาดกัญชาในแคนาดาจะมีเพียง 6.8 พันล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 5.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    หุ้นธุรกิจกัญชาปรับตัวเพิ่มขึ้นและอุตสาหกรรมกัญชามีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมาก บริษัทกัญชาที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งนับตั้งแต่แคนาดาอนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในเดือนตุลาคมปีก่อน และหลายรัฐในสหรัฐฯ ให้ความเห็นชอบในการใช้กัญชาทางการแพทย์และเพื่อสันทนาการ

    อุตสาหกรรมกัญชากลายเป็นกระแสหลัก เป็นผลจากการลงทุนอย่างมากและจากความร่วมมือของผู้ขายกัญชากับบริษัทอุปโภคบริโภคชั้นนำ โดยบริษัท คอนสเตลเลชั่น แบรนด์ส อิงค์ (Constellation Brands, Inc.) ผู้ผลิตเบียร์โคโรน่า ปัจจุบันถือหุ้น 35% ในบริษัท คาโนปี โกรท (Canopy Growth) ผู้ผลิตกัญชาในแคนาดา ประกาศเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ที่จะเพิ่มการถือหุ้นเพิ่มเป็น 50%

    บริษัท Canopy Growth เป็นผู้ปลูกกัญชารายใหญ่สุดของอุตสาหกรรมมีมูลค่าราว 14 พันล้านดอลลาร์ มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายในชื่อ Tweed, Spectrum, DNA Genetics, CraftGrow

    สำหรับบริษัทอื่นที่ลงทุนในธุรกิจกัญชาได้แก่ อัลเทรีย (Altria) ผู้ผลิตบุหรี่มาร์ลโบโล ซึ่งลงทุน 1.8 พันล้านดอลลาร์ในโครโนส กรุ๊ป (Cronos Group) ผู้ผลิตกัญชาอีกราย ส่วน ทิลเรย์ อิงค์ (Tilray, Inc.) ผู้ผลิตกัญชาทางการแพทย์รายใหญ่กำลังร่วมมือกับเบียร์บัดไวเซอร์ (Budweiser) เพื่อผลิตเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา

    ที่มาภาพ: https://www. canopygrowth.com/brands

    หุ้นกัญชาขึ้นสวนทางราคาผลิตภัณฑ์กัญชาลง

    ตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้นของหลายบริษัทกัญชาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น Cronos ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 60% ส่วน Canopy เพิ่มขึ้น 70% ซึ่งเกิดคำถามว่าเกิดจากแรงเก็งกำไรเหมือนกับหุ้นในยุคดอตคอมหรือจากแรงซื้อเก็บ

    แดน อาห์เรนส์ จากบริษัท AdvisorShares ให้ความเห็นว่า ธุรกิจนี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังมีการเติบโตอีกมาก นักลงทุนต้องอดทนและต้องเลือกลงทุน แต่ก็เชื่อว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี หากเลือกตัวถูก เพราะมีบริษัทใหม่เกิดขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นจะผันผวน

    AdvisorShares เพิ่งเปิดตัวกองทุนอีทีเอฟ Pure Cannabis ซึ่งลงทุนในหุ้นกัญชา

    ขณะที่ ร็อบ อัลไมดา MFS Investment Management ให้ความเห็นว่า การลงทุนในหุ้นกัญชา อาจจะเป็นแฟชั่นเหมือนกับการลงทุนในธุรกิจ 3D printing และธุรกิจบล็อกเชน

    ประเด็นหนึ่งที่กังวล เป็นผลจากที่หลายรัฐได้อนุญาตให้การใช้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ราคากัญชาจึงลดลง เพราะการแข่งขันเพิ่มขึ้น บริษัทวิจัย BDS Analytics ซึ่งคำนวณดัชนีราคากัญชาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมกัญชาในสหรัฐฯ รายงานว่า ราคาสินค้าโดยรวมในเดือนกุมภาพันธ์ เช่น กลุ่มที่ใช้รับประทาน กลุ่มที่ใช้ภายนอก บ้องสำหรับสูบ (vape pen) และชนิดมวนสำเร็จรูป ลดลง 2.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และราคาลดลงราว 2% จากเดือนก่อน

    นอกจากนี้ บริษัทกัญชาจดทะเบียนหลายแห่งรายงานราคาขายปลีกลดลงในแคนาดานับตั้งแต่กัญชาถูกกฎหมายในเดือนตุลาคม เห็นได้จากบริษัท Aphria ที่รายงานยอดขายสัปดาห์ก่อนต่ำกว่าเป้า

    แนวโน้มควบกิจการมากขึ้นรับการแข่งขัน

    เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2562 ที่ผ่านมาบริษัท Canopy Growth ประกาศแผนซื้อกิจการกัญชา Acreage Holdings ในสหรัฐฯ ในมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ แต่การซื้อกิจการจะมีผลเมื่อกฎหมายที่อนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในสหรัฐฯมีผลบังคับใช้

    Acreage Holdings ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ก เป็นผู้ผลิตกัญชารายใหญ่แห่งหนึ่งในสหรัฐฯ มีฐานธุรกิจใน 20 รัฐทั่วประเทศ ให้คำจำกัดความบริษัทว่าเป็นผู้พัฒนาสินค้ากัญชาที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ Acreage Holdings ยังมีจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาคองเกรสเข้าร่วมเป็นกรรมการในปีก่อนและเป็นผู้ถือหุ้นในจำนวน 625,000 หุ้น

    ในเดือนมีนาคม 2562 บริษัท Canopy Growth ได้เข้าซื้อ AgriNextUSA ผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ซึ่งมีทั้งโรงผลิตเส้นใยกัญชงและโรงงานสกัดสาร CBD ในเพนซิลเวเนีย เพื่อขยายฐานธุรกิจในสหรัฐฯ ซึ่ง บริษัท AgriNextUSA มีมูลค่าตลาด 15.7 พันล้านดอลลาร์

    บริษัท Canopy Growth มีแผนที่จะซื้อสวนอุตสาหกรรมกัญชงทั่วสหรัฐฯ และเมื่อเร็วๆ นี้ได้ประกาศความร่วมือกับมาทาร์ สจ๊วต กูรูไลฟ์สไตล์ และเซท โรเกน นักแสดงตลกชื่อดัง

    ตลาดยังคาดว่าแนวโน้มการซื้อและควบรวมกิจการรวมทั้งหาพันธมิตรยังเพิ่มขึ้น โดยบริษัท Aurora Cannabis จากแคนาดาอีกรายประกาศแต่งตั้ง เนลสัน เพลทซ์ นักลงทุนและดีลเมกเกอร์มือฉมัง เป็นที่ปรึกษา ซึ่งทำให้คาดกันว่าเพลทซ์จะช่วยหาพันธมิตรในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและบริษัทเฮลท์แคร์

    ส่วน Tilray ผู้ผลิตกัญชาทางการแพทย์รายใหญ่ เป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตยา Sandoz ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโนวาร์ติส (Novartis)

    การควบรวมกิจการของ Canopy Growth กับ Acreage Holdings เป็นปัจจัยกระตุ้นให้บริษัทกัญชาต้องรวมกิจการเพื่อการแข่งขัน และจากนี้บริษัทใหม่จะเข้ามาในตลาดได้ยากขึ้น และประสบกับการแข่งขันที่สูงขึ้น

    ที่มาภาพ: https://edition. cnn.com/2019/04/19/investing/cannabis-stocks-420/index.html

    กฎหมายยังคุมเข้มครอบคลุมถึงสถาบันการเงิน

    แม้หลายรัฐในสหรัฐฯ อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย แต่กฎหมายระดับประเทศยังไม่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการบริโภคทั่วไป และการที่ธนาคารในรัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการนั้น สามารถรับเงินฝากหรือให้เงินกู้แก่ธุรกิจกัญชาได้ แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องจากกระทรวงยุติธรรม และสร้างความไม่พอใจต่อสำนักงานอาหารและยา (Food and Drug Administration – FDA) และ FDA ยังห้ามไม่ให้นำสารสกัดจากกัญชาอีกตัวหนึ่งคือ THC ในอาหารและเครื่องดื่ม (THC เป็นสารสกัดที่มีผลให้ผ่อนคลาย แต่มีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง กระหายน้ำ หัวใจเต้นเร็ว ตอบสนองช้า)

    ในปีที่แล้วกฎหมาย Farm Bill ผ่านความเห็นชอบของสภา ซึ่งมีผลให้กัญชงพ้นออกจากรายชื่อสารที่อยู่ภายใต้การควบคุม และทำให้ตลาด CBD มีโอกาสเติบโตมากขึ้น แต่ก็ยังมีคำถามในการปฏิบัติว่า ผู้ขายกัญชาจะฝากเงินที่ได้จากธุรกิจกัญชากับธนาคารได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันกฎหมายห้ามธนาคารทำงานร่วมกับร้านขายยาถูกกฎหมายในสหรัฐฯ และกำหนดให้ธนาคารและสถาบันการเงินอื่นต้องรายงานรายการที่น่าสงสัย เพื่อป้องกันการฟอกเงิน

    ปัจจุบันธุรกิจกัญชาจึงยังไม่สามารถใช้บริการทางการเงินได้มากนัก ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อ การจ่ายเงินเดือนพนักงาน หรือบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงบัตรเครดิต เพราะกัญชายังคงจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ตามกฎหมาย ซึ่งหมายความว่าธนาคารยังต้องระมัดระวังในการที่จะสนับสนุนทางการเงินให้กับธุรกิจกัญชา และกฎหมายนี้นอกจากมีผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาโดยตรงแล้วยังมีผลต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกัญชาทางอ้อมอีกด้วย และมีความเสี่ยงที่จะถูกธนาคารตัดการให้บริการหากมีรายได้ส่วนหนึ่งจากกัญชา

    ดังนั้น ความสำเร็จของการซื้อกิจการกัญชา Acreage Holdings ในสหรัฐฯ ในมูลค่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ของบริษัท Canopy Growth จึงขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายหรือไม่ และเมื่อไร

    ไม่เพียงบริการทางการเงินจากธนาคารเท่านั้น แต่ธุรกิจกัญชายังไม่สามารถใช้บริการจากธุรกิจประกันภัยได้อีกด้วย โดยไบรอัน โบม ซีอีโอของ Cannovia ผู้ผลิตสาร CBD ที่ต้องการซื้อประกันภัยความรับผิดของผู้บริหาร ได้ติดต่อไปบริษัทประกันภัย 23 แห่ง ปรากฏว่า 21 แห่งปฏิเสธตั้งแต่ต้น

    ธุรกิจกัญชาจึงหันไปหาแหล่งเงินอื่นคือสหกรณ์ ในรัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และสันทนาการอย่างถูกกฎหมาย มิฉะนั้นแล้วธุรกิจเหล่านี้ต้องใช้เงินสดในการดำเนินกิจการ

    ในเดือนที่ผ่านมาร่างกฎหมาย Secure And Fair Enforcement (SAFE) Banking Act ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมาธิการด้านบริการทางการเงิน ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงิน รวมธนาคารในรัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายสามารถให้บริการแก่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาอย่างถูกกฎหมายได้ และยังให้ความคุ้มครองไม่ให้มีการฟ้องร้องจากรัฐกรณีรับเงินจากการทำธุรกรรมที่รัฐห้ามวัตถุออกฤทธิ์ ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้จะนำเสนอสภาเพื่อพิจารณาต่อไป

    ขณะเดียวกันร่างกฎหมายอีกฉบับคือ Strengthening the Tenth Amendment Through Entrusting States Act หรือ STATES Act ที่ได้นำเสนอเมื่อเร็วๆ นี้ จะเป็นการแก้ไขกฎหมาย Controlled Substances Act (CSA) ปี 1970 (ซึ่งกำหนดให้กัญชาเป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1) มีผลจำกัดการบังคับใช้กฎหมาย CSA ของรัฐต่อกับบุคคลหรือธุรกิจใดที่ปฏิบัติตามกฎหมายในรัฐที่อนุญาตให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย

    แม้ธุรกิจธนาคารขานรับกับร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้เพราะมีความชัดเจนทางกฎหมายสำหรับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความขัดแย้งของกฎหมายประเทศกับกฎหมายของรัฐ แต่ธุรกิจกัญชาเองมองว่ายังแก้ไขไม่ตรงจุด เนื่องจากต้องการให้ยกเลิกข้อกำหนดที่ว่ากัญชาเป็นวัตถุออกฤทธ์ประเภท 1 เพราะเป็นข้อห้ามที่ทำให้ธนาคารมีความระมัดระวัง

    ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกัญชายังประเมินว่า โอกาสที่ร่างกฎหมายสองฉบับจะผ่านความเห็นชอบของสภาในปีนี้มีน้อย และยิ่งไม่มีโอกาสในปีหน้าเพราะการเมืองจะร้อนแรงขึ้นก่อนการเลือกตั้งในปี 2563

    นอกจากนี้ยังมีบางประเด็นที่ร่างกฎหมายยังไม่ชัดเจน เช่น ในร่างกฎหมาย SAFE ว่าธนาคารจะสามารถยึดทรัพย์หรือยึดหลักประกันได้หรือไม่ หากทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาโดยไม่มีใบอนุญาต เช่น ร้านขายยา

    การที่กฎหมายยังไม่ยกเลิกข้อกำหนดว่า กัญชาเป็นวัตถุออกฤทธ์ประเภท 1 ทำให้บริษัทกัญชาสหรัฐฯ เองยังสามารรถระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ได้ ขณะที่บริษัท Tilray ซึ่งเป็นธุรกิจจากแคนาดาได้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กแล้วด้วยการเสนอขายหุ้น IPO มูลค่า 153 ล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคมปีก่อน

    เรียบเรียงจาก fortune,apnews,cnbc