ThaiPublica > คอลัมน์ > 89 ปี หนังสือ “สร้างมิตร”

89 ปี หนังสือ “สร้างมิตร”

28 มีนาคม 2019


วรากรณ์ สามโกเศศ

ที่มาภาพ : https://www.amazon.ca/How-Win-Friends-Influence-People/dp/0671027034

หนังสือเล่มหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อพฤติกรรมของมนุษย์ในรอบหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาคือ How to Win Friends and Influence People โดย Dale Carnegie ขายได้มากกว่า 50 ล้านเล่ม มีการแปลเป็น 38 ภาษา หนังสือเล่มนี้มีดีอะไรหรือจึงขายดีขนาดนี้ สมควรลองกลับไปดูกันในปีที่หนังสือมีอายุครบ 89 ปี

ผู้เขียนขอนำเนื้อหาของหนังสือเล่มเล็กชื่อ Dale Carnegie’s Golden Book ซึ่งสรุปเนื้อหาของหนังสือ How To Win Friends ไว้เป็นข้อๆ อย่างน่าสนใจมาสื่อสารต่อ

หนังสือ How To Win Friends เป็นที่รู้จักกันกว้างขวางในประเทศไทยกว่า 60 ปีแล้ว มีการแปลถึง 2 เวอร์ชัน ถึงแม้เนื้อหาอาจดูไม่หวือหวาด้วยศัพท์แสงเหมือนปัจจุบันแต่ก็ยังคงเป็นความจริงไม่เสื่อมคลาย

Dale Carnegie เป็นนักสื่อสาร เป็นเซลส์แมน เป็นนักแสดง ฯลฯ เขียน How To Win Friends ในปี ค.ศ. 1930 และเขียนหนังสือขายดีมากอีกเล่มหนึ่งคือ How To Stop Worrying and Start Living เขาเป็นชาวอเมริกัน (ค.ศ. 1888-1955) เรียนจบปริญญาตรีจาก Warrensburg State Teachers College ในรัฐ Missouri ตลอดชีวิตเขารักการสอน และการสร้างผู้คนให้ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยการปลุกเร้า จุดไฟแห่งความต้องการความสำเร็จและเขาทำได้จริง ความคิดหลักในหนังสือหลายเล่มของเขาก็คือมันเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้อื่นด้วยการปรับเปลี่ยนปฏิกิริยาของตนเองที่มีต่อพฤติกรรมเหล่านี้ ข้อความสำคัญที่เขาทิ้งไว้ก็คือ “หากเชื่อว่าคุณจะประสบความสำเร็จแล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จ” และ “จงเรียนรู้ที่จะรัก นับถือ และมีความสนุกกับผู้คนอื่นๆ”

บทสรุปของ How To Win Friends แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ (ก) เป็นคนที่เป็นมิตรมากขึ้น (ข) โน้มน้าวให้ผู้คนคิดอย่างที่เราต้องการ (ค) เป็นผู้นำ

ในการ “เป็นคนที่เป็นมิตรมากขึ้น” มีหลักดังนี้

    (1) อย่าวิจารณ์ กล่าวโทษ และบ่นว่า เนื่องจากจะทำให้เป็นคนที่ดูไม่ดี ดูคุกคาม และน่าเบื่อหน่าย
    (2) จงให้การชื่นชมที่ซื่อสัตย์และจริงใจเสมอ มนุษย์ทุกคนต้องการความมีตัวตนเสมอด้วยคำชื่นชมก็จริงอยู่ แต่ไม่ชอบการเสแสร้ง
    (3) ปลุกเร้าในตัวผู้อื่นให้เกิดความต้องการ การตำหนิลูกที่สูบบุหรี่ไม่เกิดประโยชน์เท่ากับการปลุกเร้าให้เกิดความต้องการในบางสิ่ง เช่น ชนะเลิศการวิ่ง ซึ่งการสูบบุหรี่เป็นอุปสรรค
    (4) จงสนใจผู้อื่นอย่างจริงใจ หากปรารถนาให้ผู้อื่นสนใจตนเอง ตนเองก็ต้องสนใจผู้อื่นเสียก่อน เพราะไม่มีใครสนใจคนที่สนใจและพูดแต่เรื่องของตัวเอง เราชอบกินพิซซ่าแต่หากต้องการตกปลาให้ได้ปลาก็ต้องเอาหนอนที่ปลาชอบเป็นเหยื่อ ไม่ใช่พิซซ่าที่เราชอบ
    (5) ยิ้มเสมอ
    (6) สำหรับบุคคลหนึ่งชื่อของเขาเป็นสิ่งที่ไพเราะและสำคัญที่สุดสำหรับตัวเขา
    (7) เป็นนักฟังที่ดี พยายามสนับสนุนให้คนอื่นพูดถึงเรื่องของเขา
    (8) พูดในลักษณะที่เป็นผลประโยชน์ของตัวเขา หากขายสิ่งใดก็ตามต้องพยายามทำให้เห็นว่าการซื้อนั้นเป็นประโยชน์แก่ตัวเขามิใช่ของผู้ขาย (การที่เขารักเรานั้นเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา)
    (9) กระทำอย่างจริงใจเพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าเขามีความสำคัญ

ในเรื่องการโน้มน้าวผู้คนให้คิดอย่างที่เราต้องการนั้นมีหลักดังต่อไปนี้

    (10) จงหลีกเลี่ยงการถกเถียง
    (11) แสดงความนับถือความเห็นของผู้อื่นด้วยการไม่พูดว่า “คุณผิด” “ไม่ใช่” อย่างเด็ดขาด
    (12) ถ้าคุณผิด จงรับผิดโดยเร็วและอย่างหนักแน่น
    (13) เริ่มต้นทุกครั้งด้วยความเป็นมิตร
    (14) พยายามให้ผู้อื่นพูดกับเราว่า “ใช่ ใช่” อย่างทันที
    (15) ยอมให้ผู้อื่นได้พูดมากๆ
    (16) ยอมให้ผู้อื่นรู้สึกว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไอเดียของเขา
    (17) พยายามอย่างซื่อสัตย์ต่อตนเองในการมองสิ่งต่างๆ จากแง่มุมของผู้อื่น การมองเห็นจากแง่มุมของคนอื่นจะทำให้เราเป็นคนน่าคบหามากขึ้น
    (18) เห็นอกเห็นใจการมีไอเดียและความปรารถนาของผู้อื่น
    (19) เรียกร้องให้ผู้คนนึกถึงแรงผลักดันที่สูงส่งของชีวิต เช่น ความดี ความเป็นธรรม ความยุติธรรม ฯลฯ
    (20) สร้างดราม่าให้ไอเดียของตนเอง อย่าเสนอไอเดียอย่างจ๋องๆ ควรประกอบด้วยเรื่องเล่าและตัวอย่าง
    (21) สู้กับสิ่งท้าทายอย่างไม่ท้อถอย

ในเรื่องการเป็นผู้นำมีหลักดังนี้

    (22) เริ่มต้นด้วยการกล่าวชื่นชมและแสดงความซาบซึ้งอย่างจริงใจ
    (23) ชี้ให้เห็นความผิดของผู้อื่นอย่างอ้อมค้อม
    (24) กล่าวถึงความผิดพลาดของตนเองก่อนวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
    (25) ถามคำถามแทนที่จะใช้คำสั่งตรงๆ
    (26) ให้คนอื่นมีโอกาส “รักษาหน้า” ตนเอง
    (27) กล่าวชื่นชมสิ่งที่ดีขึ้นแม้แต่เล็กน้อย และทุกสิ่งที่ดีขึ้น
    (28) กล่าวถึงชื่อเสียงที่ดีของเขาเพื่อเขาจะได้พยายามมีชีวิตที่สอดคล้องกับชื่อเสียง
    (29) ใช้การให้แรงจูงใจและการสนับสนุนเพื่อให้เห็นว่าการแก้ไขข้อบกพร่องเป็นเรื่องไม่ยาก
    (30) ทำให้ลูกน้องรู้สึกมีความสุขเมื่อได้กระทำทำสิ่งที่ท่านแนะนำ

มนุษย์ทุกวัฒนธรรมมีจิตวิทยาที่ไม่แตกต่างกันในเรื่องการชอบคน ในสมัยใหม่อาจเรียกสิ่งสำคัญที่ Dale Carnegie เน้นในการทำให้มีคนชอบและมีเพื่อนว่า civility ซึ่งหมายถึงการให้เกียรติคนอื่น การมีกิริยามารยาทที่สุภาพ และอ่อนโยน ตลอดจนอ่อนน้อม ไม่คุยโม้โอ้อวด ยกตนข่มท่าน

ในเรื่องการเป็นผู้นำนั้นอาจมีเนื้อหาแตกต่างจากปัจจุบันที่มีการศึกษากันลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเมื่อเกือบ 90 ปีก่อน แต่ในเรื่องการทำให้ผู้อื่นชอบเราและรู้สึกว่าตัวเราเองเป็นมิตรแล้ว หนังสือของเขามิได้ล้าสมัยเลย ปัจจุบันนักขายและนักการตลาดระดับโลกอ่านหนังสือของเขาและมีหลักสูตรอบรมตามเนื้อหาของหนังสือมาอย่างยาวนานและอย่างได้ผล

หนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นตำนานและตำราสำหรับการสร้างบางทักษะมนุษย์ (ทักษะการสื่อสาร ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น) ในศตวรรษที่ 21 ไปแล้ว หนังสือเล่มนี้นอกจากได้สร้างเศรษฐีจำนวนมากแล้ว ยังสร้างความสุขให้แก่ผู้คนในการมีเพื่อนโดยการใช้ศิลปะในการคบหาสมาคมอีกด้วย

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรกคอลัมน์ “อาหารสมอง” นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 26 มี.ค. 2562