ThaiPublica > เกาะกระแส > สื่อนอกรายงานผลพลังประชารัฐชนะเลือกตั้ง ชี้รัฐธรรมนูญเอื้อรัฐบาลทหาร – การเมืองไทยแบ่งขั้วหนุนอนาคตใหม่

สื่อนอกรายงานผลพลังประชารัฐชนะเลือกตั้ง ชี้รัฐธรรมนูญเอื้อรัฐบาลทหาร – การเมืองไทยแบ่งขั้วหนุนอนาคตใหม่

25 มีนาคม 2019


ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กพรรคพลังประชารัฐ (https://www.facebook.com/PPRPThailand/photos/rpp.493026767870664/568534033653270/?type=3&theater)

การเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยที่จัดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 เป็นที่จับตาของชาวโลก เพราะเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปี เนื่องจากศาลตัดสินให้การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายปี 2557 เป็นโมฆะ และหลังจากนั้นประเทศตกอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลทหาร โดยมีหลายองค์กรส่งตัวแทนเข้าสังเกตการณ์ ขณะที่สำนักข่าวต่างชาติทั้งในประเทศเพื่อนบ้านและจากภูมิภาคอื่นจำนวนมากเกาะติดเพื่อรายงานข่าวอย่างใกล้ชิด

หลังปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. และมีการเริ่มนับคะแนนเมื่อวานนี้ หลายสำนักข่าวได้รายงานพร้อมวิเคราะห์ทิศทางประเทศไทยโดยอ้างอิงจากรายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยส่วนใหญ่นำเสนอประเด็นว่า พรรคพลังประชารัฐที่มีสนับสนุนทหารมีคะแนนนำ และผิดความคาดหมาย แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า พรรคไหนจะได้เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล

นิวยอร์กไทม์ชี้วุฒิสมาชิกฐานพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล

นิวยอร์กไทม์รายงานว่า พรรคพลังประชารัฐที่มีความสัมพันธ์กับทหารมีคะแนนนำในการเลือกตั้งอย่างเกินคาด ซึ่งยิ่งตอกย้ำสถานะทหารที่กำหนดทิศทางการเมืองไทย โดยผลการนับคะแนนเบื้องต้นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความคืบหน้า 90% พรรคพลังประชารัฐ หรือตัวแทนทหาร มีคะแนน 7.5 ล้านคะแนน

รายงานระบุว่า ในประเทศไทยทหารประสบความสำเร็จในการปฏิวัติมากกว่า 12 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดในปี 2014 (พ.ศ. 2557) และปกครองประเทศมาตั้งแต่นั้น

พรรคเพื่อไทยซึ่งได้รับความนิยมถูกคาดหมายว่าจะได้คะแนนนำเป็นอันดับหนึ่งจากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนหลายครั้ง กลับได้คะแนนมาเป็นอันดับสอง ด้วยคะแนน 7 ล้านคะแนน

พรรคเพื่อไทยนับว่าเป็นพรรคประชานิยมใหม่ล่าสุดที่ได้รับผลจากการรัฐประหารใน 2 ครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ในอีกขั้วการเมืองหนึ่ง ที่นำพันธมิตรชนะการเลือกตั้งปี 2001

ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย

การนับคะแนนเมื่อวานนี้ เพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าสภา อาจจะเป็นการสิ้นสุดชัยชนะที่ต่อเนื่องของทักษิณ และแม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนมากที่สุดและมากกว่าพรรคอื่นๆ ก็ยังมีอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่เขียนโดยรัฐบาลทหารเปิดทางให้ทหารแต่งตั้งวุฒิสมาชิกจำนวน 250 คนได้ ซึ่งหมายความว่า พรรคการเมืองที่มีความสัมพันธ์กับทหารอยู่ในฐานะที่จะกุมเสียงข้างมากในรัฐสภา เว้นเสียแต่ว่าพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบถล่มทลาย

เมื่อคืนวันอาทิตย์ คณะกรรมการเลือกตั้งประกาศว่าจะเปิดเผยผลการนับคะแนนในช่วงเช้า รวมทั้งมีการนับคะแนนต่อเนื่องโดยหยุดพัก ต่อมาได้ประกาศเลื่อนออกเป็นช่วงบ่าย

ทั้งนี้ กกต. รายงานว่า มีผู้มาใช้สิทธิราว 66% ต่ำกว่า 80% ที่คาดไว้ และมีบัตรเสียราว 6% ทำให้เกิดความสงสัยต่อการนับคะแนน

รายงานนิวยอร์กไทม์ อ้าง น.ส.ณัฏฐา มหัทธนาหรือ “โบว์” นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่ถูกกล่าวหาถึง 4 ข้อหา ซึ่งกล่าวว่า ความผิดปกติของบัตรเลือกตั้งดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับความไม่เท่าเทียมที่มีการสร้างขึ้นในระบบการเมืองของไทยโดยรัฐธรรมนูญที่เขียนโดยรัฐบาลทหาร และการเลือกตั้งถูกโกงตั้งแต่มีการร่างรัฐธรรมนูญ

พรรคการเมืองที่ถือเป็นตัวแทนทหารรณรงค์การเลือกตั้งในประเด็นความสงบและการปกป้องสถาบันกษัตริย์ และเสนอ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่นำการปฏิวัติปี 2014 ให้เป็นนายกรัฐมนตรี

นิวยอร์กไทม์ได้สัมภาษณ์อาจารย์สุรัตน์ โหราชัยกุล ผู้อำนวยการแห่งศูนย์อินเดียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้ให้ความเห็นว่า ทหาร โดยเฉพาะตั้งแต่ พล.อ. ประยุทธ์ ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ได้ควบคุมทุกด้านของสังคมไทยและการเมือง และการที่จะถอยห่างจากการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย

นอกจากนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังละเลยแนวทางประชาธิปไตย โดยการเลื่อนเลือกตั้งหลายครั้งหลายครา และยังจำกัดความมีอิสระทางการเมืองลง นักเคลื่อนไหวหลายคนถูกจับและคุมขังหรือส่งไปปรับทัศนคติ ขณะเดียวกันก็มีการกล่าวหาและการฟ้องร้องการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มากขึ้น

แม้แต่ก่อนการเลือกตั้ง กติกาการเลือกตั้งยังเอื้อต่อกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม มีการขู่ยุบพรรคหรือคุมขังผู้นำจากพรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วย รวมทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ซึ่งเป็นพรรคจุดประกายคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิออกเสียงเป็นครั้งแรก จนมีคะแนนนำเป็นอันดับสาม

ด้วยระบบเลือกตั้งที่ซับซ้อนของไทยซึ่งนับที่นั่งจากคะแนนเสียง หมายถึงว่า พรรคเพื่อไทยยังคงมีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรในจำนวนที่เท่าๆ กับพรรคพลังประชารัฐจากจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง แต่ด้วยจำนวนวุฒิสมาชิกที่อยู่ในมือ ทำให้โอกาสที่พรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหมดไป

ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวในการแถลงข่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ ได้โทรศัพท์มาชื่นชมในผลงานของพรรค

ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

คณะกรรมการเลือกตั้งจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในต้นเดือนพฤษภาคม และโดยที่พรรคการเมืองที่มีทหารหนุนได้รับการเลือกตั้งเกินคาด จึงทำให้คาดว่า สถานการณ์การเมืองยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีความคืบหน้า และตึงเครียด โดยที่รัฐบาลที่ทหารสนับสนุนยังคุมอำนาจ ทำให้ผู้ที่ออกมาใช้สิทธิที่คาดหวังการเปลี่ยนแปลงมีความหงุดหงิด

ผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียจำนวนหนึ่งพากันติดแฮชแท็กว่า #prayforthailand

นับตั้งแต่พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตเศรษฐีเทเลคอมจากภาคเหนือของไทย กวาดที่นั่งในการเลือกตั้งปี 2001 ด้วยการสนับสนุนของเกษตรกรชาวนา ประเทศไทยได้แบ่งแยกอย่างเห็นได้ชัดระหว่างกลุ่มอำนาจเก่ากับกลุ่มประชานิยม อีกทั้งไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีความเหลื่อมล้ำสูง มีช่องว่างรายได้ที่กว้างขึ้นในช่วง 5 ปีที่รัฐบาลทหารทำหน้าที่

นิวยอร์กไทม์ยังได้สัมภาษณ์ประชาชนที่ได้ออกไปเลือกตั้ง โดย”นงนุช วารี” ซึ่งลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนเคียงข้างประชาชนเสมอ และพรรคเข้าถึงประชาชนทุกระดับโดยเฉพาะกลุ่มระดับล่าง

ในการเลือกตั้งแต่ละครั้งมีประชาชนเทคะแนนเสียงให้พรรคที่เป็นพันธมิตรกับทักษิณมากขึ้น โดยยังชื่นชอบนโยบายประกันสุขภาพและโครงการรับจำนำข้าว และเป็นไปตามคาดหมายที่รัฐประหารครั้งแรกเพื่อจัดการกับรัฐบาลทักษิณและครั้งที่สองกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นิวยอร์กไทม์รายงานอีกว่า 15% ของผู้ที่มีสิทธิออกเสียงเป็นคนที่มีสิทธิออกเสียงเป็นครั้งแรก โดยมีอายุ 18-25 ปี

สำหรับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ วัย 40 ปี ทายาทธุรกิจอะไหล่รถยนต์ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งได้ประกาศแนวทางใหม่ให้กับพลังทางการเมืองไทยที่ครอบงำและสร้างความแตกแยกมาเกือบ 2 ทศวรรษ ได้รณรงค์หาเสียงผ่านทั้งโซเชียลมีเดียและลงพื้นที่

“นพการ แสงแดง” วัย 21 ปี จบการศึกษาวิชาบัญชีจากวิทยาลัยอาชีวะ ให้ความเห็นว่า ไม่รู้ว่านายธนาธรจะดีหรือไม่ แต่ให้โอกาสแสดงความสามารถ

นายธนาธรอาจจะถูกตัดสินจำคุกด้วยการกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในอีก 2-3 สัปดาห์นี้ กล่าวว่า ไม่มีการเลือกตั้งหรือระบบการเมืองใดที่เป็นอิสระและเป็นธรรม และผู้นำทหาร เขียนรัฐธรรมนูญควบคุมการเลือกตั้ง เพื่อคุมเกมด้วยตัวเอง แต่ก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะเล่นตามเกม

ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า การกล่าวหาธนาธรมาจากเหตุทางการเมือง

ชัยชนะของพรรคอนาคตใหม่มาพร้อมกับความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เก่าแก่สุดของไทย นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประกาศลาออกเมื่อคืนนี้ และยอมรับพรรคมีปัญหาภายในและแพ้พรรคการเมืองหน้าใหม่

สำหรับประชาชนคนไทย การเลือกตั้งครั้งนี้มีข้อผิดพลาดมากมาย ทั้งๆ ที่สามารถเรียกคืนความน่าเชื่อถือของไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยเก่าแก่ประเทศหนึ่งในเอเชีย

นายณัฐพงษ์ เกษมสันต์ ผู้บริหารธนาคารรายหนึ่งให้ความเห็นว่า การเลือกตั้งมีความสำคัญไม่เฉพาะกับประเทศเท่านั้น แต่มีความสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับสหรัฐอเมริกาและจีน เราต้องการรัฐบาลที่รักษาความสมดุลระหว่างสองประเทศ และไม่ใช่เป็นประเด็นภายในเท่านั้น แต่เป็นสถานะของไทยในเวทีโลกด้วย

บีบีซีมองพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล

ทางด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานไม่ต่างจากนิวยอร์กไทม์ โดยระบุว่า พรรคพลังประชารัฐมีคะแนนนำอย่างเกินคาดในการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่ คสช. บริหารประเทศมา 5 ปี เพราะก่อนหน้านี้ประเมินกันว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีคะแนนนำอันดับสาม แต่จากผลการนับคะแนนที่ลุล่วงไปได้ 90% พรรคพลังประชารัฐได้ 7.6 ล้านคะแนน มากกว่าเพื่อไทย 0.5 ล้านคะแนน ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีความสัมพันธ์กับทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กวาดคะแนนเสียงในการเลือกตั้งปี 2001

แม้ กกต. เลื่อนประกาศผลเลือกตั้งไปเป็นบ่ายวันนี้ แต่มีความเป็นไปได้ที่พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุนทหารอยู่ในสถานะที่จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ภายใต้ผู้นำเดิม คือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำ คสช. ที่ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในปี 2014

ผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนทั้งหมดมี 51 ล้านคน แต่มาใช้สิทธิ 64%

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้าสภาจำนวน 500 ที่นั่ง แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญต้องมีการแต่งตั้งวุฒสมาชิกอีก 250 ที่นั่ง ซึ่งเป็นการแต่งตั้งจากทหาร ทั้งสองสภาจะทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรี โดยที่ผู้ที่ถูกเสนอรายชื่อจะได้รับคะแนนเกินครึ่งหนึ่งขึ้นไป 1 เสียง ดังนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมี ส.ส. จำนวน 126 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลผสมสามารถแต่งตั้งบุคคลภายนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้

รัฐธรรมนูญใหม่ยังจำกัดจำนวนที่นั่งที่แต่ละพรรคได้ไว้อีกด้วย ไม่ว่าจะได้คะแนนเสียงเท่าไร และรัฐบาลใหม่ต้องทำตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปีที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ที่มาภาพ : เฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ – Future Forward Party

เดอะการ์เดียนระบุการเมืองแบ่งขั้วหนุนอนาคตใหม่

เดอะการ์เดียนรายงานว่า ผลการนับคะแนนเบื้องต้น ยังไม่มีพรรคใดมีคะแนนทิ้งห่างเป็นเสียงส่วนใหญ่ และยังแสดงให้เห็นว่า การเมืองไทยยังแบ่งออกเป็นขั้วมากกว่าเดิมในการเลือกตั้งครองแรกในรอบ 8 ปี ท่ามกลางการแข่งขันขนิดหายใจรดต้นคอระหว่างพรรคที่สนับสนุนทหารกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย

ผลการนับคะแนนเบื้องต้น 93% พรรคเพื่อไทยได้ 129 ที่นั่ง นำพรรคพลังประชารัฐที่ได้ 117 ที่นั่งไม่มากนัก ซึ่งหมายความว่าไม่มีพรรคไหนได้ 250 ที่นั่งที่เป็นกติกากำหนดในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องแข่งกันฟอร์มรัฐบาลด้วยการจับมือกับพรรคเล็ก

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งดีกว่าคาดสำหรับทหาร และสร้างความผิดหวังให้กับผู้ที่หวังว่าการเมืองไทยจะเข้าสู่ยุคใหม่

ในช่วง 5 ปีของรัฐบาล คสช. เศรษฐกิจไทยเติบโตไม่มากนัก ช่องว่างคนจนคนรวยกว้างขึ้น และค่าแรงยังไม่เพิ่ม แม้จะดูเหมือนว่า ความต้องการที่จะเห็นประเทศมีความสงบและไม่มีการประท้วงที่รุนแรงจะเป็นประเด็นหลักที่คนไทยให้ความสำคัญอันดับแรก

“เพิร์ล สมบูรณ์ประกร” ผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐให้ความเห็นว่า ชอบสถานการณ์ของไทยในขณะนี้ ไม่มีการต่อสู้ จึงเห็นการออกมาเลือกตั้งมีความสำคัญ และไม่คิดว่าต้องการมีเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องรักษาประเทศและปกป้องสถาบันกษัตริย์ให้คงอยู่

ความสำเร็จของพรรคพลังประชารัฐอาจจะทำให้พรรคร่วมที่สนับสนุนทหารจัดตั้งรัฐบาล และ พล.อ. ประยุทธ์ กลับมาแป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ประกอบกับระบบที่บิดเบี้ยว ด้วยรัฐธรรมนูญที่เขียนโดยรัฐบาลทหาร ให้อำนาจทหารแต่งตั้งวุฒิสมาชิกจำนวน 250 ที่นั่ง ที่ออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้

ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้ความเห็นต่อการร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้จนกว่าผลการเลือกตั้งจะประกาศอย่างเป็นทางการ

การแบ่งออกเป็นขั้วของการเมืองยังส่งต่อผลมายังคนรุ่นใหม่ ซึ่งเห็นได้ชัดจากความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ที่หาเสียงด้วยนโยบายปฏิรูปทหารและแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคที่วิจารณ์รัฐบาลทหารต่อเนื่อง

“ฟลิ้นท์” วัย 21 ปี ซึ่งออกเสียงลงคะแนนครั้งแรก เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า แม้จะตื่นเต้นกับการได้ใช้สิทธิครั้งแรก แต่ก็ไม่หวังว่าการเลือกตั้งจะเป็นสัญญานการปลี่ยนแปลงของประเทศไทยได้ แม้คิดว่าคนรุ่นใหม่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการรัฐบาลใหม่ และการเมืองใหม่ แต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่และคนสูงอายุต้องการแบบเดิมและให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ดังนั้นจึงมีช่องว่างระหว่างวัยมากในไทย โดยเฉพาะในทางการเมือง

โบรกเกอร์นอกชี้ได้รัฐบาลผสมรอความชัดเจนอีก 3 วัน

โกลด์แมน แซคส์ ระบุในบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2562 ว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าพรรคใดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว พรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดจะเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่โดยที่วุฒิสมาชิกจำนวน 250 ที่นั่งสามารถออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วย จึงคาดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แม้ไม่ได้ที่นั่งจำนวนมากในสภาผู้แทนราษฎร

บทวิเคราะห์คาดว่าการเจรจาต่อรองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลจะเริ่มขึ้นทันที เนื่องจากไม่มีพรรคใดที่ได้เสียงข้างมากในสภาที่มีที่นั่ง 500 ที่นั่ง พรรคใดที่เริ่มการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ไม่ว่าพลังประชารัฐหรือเพื่อไทย ก็ต้องรวมกับพรรคอื่น เพื่อให้ได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพราะหากไม่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะให้การผ่านกฎหมายยากขึ้น รวมทั้งการจัดทำงบประมาณ และที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีเองมีความเปราะบางในการลงมติไม่ไว้วางใจ

นอกจากนี้บทวิเคราะห์ระบุว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายและประชาชนทั่วไปยอมรับ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและค่าเงินบาท

ทางด้านบทวิเคราะห์ของมอร์แกนสแตนเล่ย์ ระบุว่า ขณะนี้จากการผลการนับคะแนนเบื้องต้น ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดที่ได้คะแนนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องจับตาว่าจะมีพรรคใดเข้าร่วมในอีก 72 ชั่วโมง แต่ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะประกาศวันที่ 9 พฤษภาคม