ThaiPublica > เกาะกระแส > 6 พรรคการเมืองลงสัตยาบัน “หยุดการสืบทอดอำนาจ – สร้างรัฐบาลประชาธิปไตย”

6 พรรคการเมืองลงสัตยาบัน “หยุดการสืบทอดอำนาจ – สร้างรัฐบาลประชาธิปไตย”

27 มีนาคม 2019


วันที่ 27 มีนาคม 2562 แกนนำ 6 พรรคการเมืองแถลงข่าวลงสัตยาบันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์
ที่มาภาพ: พรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2562  เวลา 10.45 น. แกนนำ 6 พรรคการเมือง ซึ่งประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย แถลงข่าว ณ โรงแรมแลงคาสเตอร์ โดยมีสาระสำคัญคือการลงสัตยาบันร่วมกันเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ทั้งนี้ เนื้อหาสัตยาบันระบุว่า ตามที่ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562  และได้รับทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วนั้น บัดนี้พรรคการเมืองตามรายชื่อท้ายแถลงการณ์นี้ ซึ่งยืนยันว่าได้รวบรวมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเกินกว่า 255 เสียง ได้ลงสัตยาบันร่วมกันในการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. จึงแสดงเจตนารมณ์ไว้ร่วมกัน

สำหรับผู้ลงชื่อสัตยาบัน ได้แก่ พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ, และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย แต่ไม่มีการปรากฏตัวของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะมาร่วมแถลงข่าวด้วย

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคฝ่ายประชาธิปไตย 6 พรรค จำนวน 255 คน ต้องการให้ประเทศเดินไปในระบอบประชาธิปไตย ส่วนพรรคที่ 7 คือพรรคเศรษฐกิจใหม่ ตนได้คุยกับนายมิ่งขวัญเมื่อคืนวันที่ 26 มีนาคม โดยยืนยันคำกล่าวก่อนที่จะลงคะแนนเสียงว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ และอยากเห็นระบอบประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า ขอยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย

“และได้มีการออกคำแถลงที่ยืนยันชัดเจนว่าเขา (นายมิ่งขวัญ) เป็นพรรคที่รักษาคำพูด เพราะฉะนั้นก็ให้ผมสามารถบอกไปได้ วันนี้เขาติดภารกิจ ก็จะเป็นอีกหนึ่งพรรคที่จะร่วมกันเดินไปข้างหน้า นอกจากนี้ทุกพรรคการเมืองที่ลงสัตยาบันยืนยันชัดเจนว่าไม่ยินยอมให้มีการสืบทอดอำนาจต่อไป จะยืนยันรักษารัฐบาลที่มาจากกระบวนการประชาธิปไตยและกลไกที่ถูกต้อง อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงให้มีชีวิตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกว่า 5 ปีที่ผ่านมา คืนประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชนอย่างแท้จริงโดยเร็ว ” นายภูมิธรรมกล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ 7 พรรคการเมืองได้พูดคุยกันและยืนยันว่า จะร่วมกันทำตามสัญญาประชาคมและเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไว้วางใจเลือกพรรคในฝั่งประชาธิปไตยมามากที่สุด แม้ตัวเลขจะยังไม่นิ่ง แต่ก็ไม่ต่ำกว่า 255 เสียง และยังมีแนวร่วมที่ต้องพูดคุยกันอีก

พร้อมกันนี้อยากเชิญชวนและเรียกร้องพรรคต่างๆ ที่ไม่ได้ประกาศตัวต่อท่อสืบทอดอำนาจ คสช. ให้มาช่วยกันหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ สร้างประชาธิปไตยของไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขให้มั่นคงแข็งแกร่ง เกิดผลดีต่อการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ

“เราจะเดินหน้าในการพูดคุยแสวงหาความร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่นบนพื้นฐานว่า เราไม่ได้มองว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล หรือเป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้สิ่งที่สำคัญมากกว่าการแสวงหาอำนาจคือการนำพาประเทศกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างแข็งแรง และยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. ให้ได้  ส่วนการคุยกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลไว้เป็นสเตปต่อไป”

“เราหวังว่าจะมีพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เห็นแก่บ้านเมือง เห็นกับประชาชน ว่าบ้านเมืองต้องกลับคืนสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เห็นกับพี่น้องประชาชนว่าเจตนารมณ์ประชาชนนั้นต้องการอย่างไร แล้วหันหน้าเข้ามาร่วมมือกันมากกว่านี้อีก  วันนี้เป็นพรรคที่ได้ประกาศก่อนการเลือกตั้งว่าจะอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่ยังมีอีกหลายพรรคที่ประกาศใกล้เคียงกัน ซึ่งจากวันนี้เราจะเริ่มพูดคุยกันกับพรรคอื่นด้วย” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า การยืนยันเจตนารมณ์โดยการร่วมลงนามเป็นสัตยาบันครั้งนี้เพื่อจะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ และเป็นสัตยาบันที่จะรักษาและสร้างให้เกิดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของประเทศไทย ให้แข็งแกร่ง แข็งแรง และยุติขบวนการที่ต่อเนื่องเป็นวงจรอุบาทว์ในการสืบทอดอำนาจให้ได้ และในฐานะพรรคการเมือง จะทำในวิถีทางตามประชาธิปไตย ตามกติกาอย่างมีมารยาท และสร้างวัฒนธรรมการเมืองที่สร้างสรรค์ในการรวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล จะไม่ทำอะไรนอกกติกา ไม่ทำอะไรที่ไร้มารยาท และจะไม่ทำอะไรที่เป็นการสร้างบรรทัดฐานการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์

“ขณะนี้มีอีกฝั่งพยายามทำทุกวิถีทางในการจัดตั้งรัฐบาลแม้เสียงน้อยกว่า มีความพยายามจะดึงตัวอย่างถึงที่สุดให้เกิดงูเห่า หรือจะเรียกให้ทันสมัยว่าพยายามจะทำให้เกิดการย้ายค่ายเบอร์เดิมเกิดขึ้น ซึ่งเราจะไม่ทำ เราจะทำอะไรตรงไปตรงมา เพราะเป้าหมายของเราต้องการที่จะหยุดยั้งขบวนการสืบทอดอำนาจ สร้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขอย่างแข็งแรง” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวย้ำ

ที่มาภาพ: พรรคอนาคตใหม่

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองปัจจุบันอยู่ในภาวะที่อำนาจไม่เป็นประชาธิปไตยพยายามเข้ามามีบทบาทหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว ดังนั้นพรรคการเมืองบนเวทีนี้ต้องการจะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ตามเจตจำนงที่ได้รับฉันทามติเสียงข้างมากจากประชาชน ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่เสนอจุดยืน 5 ข้อ คือ

    1. ยืนยันว่าจะร่วมกับพรรคการเมืองที่แถลงข่าวร่วมกันวันนี้สกัดกั้นการสืบทอดอำนาจของ คสช. ให้ถึงที่สุด แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็พร้อมจะร่วมและทำงานด้วยกันเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ให้ได้

    2. พรรคอนาคตใหม่อยากเชิญชวนให้พรรคการเมืองอื่นที่เคยสัญญากับประชาชนไว้ในระหว่างหาเสียงว่าจะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. ให้มาร่วมกันสร้างรัฐบาลประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือร่วมรัฐบาลกันก็ตาม

    3. พรรคอนาคตใหม่ยืนยันเหมือนเดิมว่านายกรัฐมนตรีควรจะต้องมาจากพรรคที่ได้ ส.ส. เป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับที่หนึ่งของพรรคเพื่อไทย นั่นก็คือคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เราเห็นว่านายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุดในวันนี้คือคุณหญิงสุดารัตน์

    4. พรรคอนาคตใหม่ขอเรียกร้องต่อพรรคการเมืองที่พยายามจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่าการดึงดันที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยใช้กลไก ส.ว. เป็นตัวสนับสนุนจะรังแต่ให้เกิดความวุ่นวายต่อสังคม ทำให้สังคมเดินไปสู่ทางตัน และจะทำให้การพัฒนาการเมืองของประเทศไทยเป็นไปไม่ได้

    5. ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ขอให้ กกต. เปิดผลของการนับคะแนน ผู้มาใช้สิทธิ  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกหน่วยเลือกตั้งในประเทศไทย เพื่อให้สาธารณะนำตัวเลขดังกล่าวไปตรวจสอบความถูกต้องให้ได้

นายธนาธรกล่าวย้ำว่า “ภารกิจเบื้องต้นขณะนี้คือสร้างแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจที่ 250 บวกให้ได้ก่อน หลังจากนี้ก็คงคุยกันในเรื่องรายละเอียดว่าถ้าจะเปลี่ยนจากแนวร่วมเป็นการร่วมรัฐบาลก็คงมีรายละเอียดมากมายที่ต้องคุยกันว่าจะบริหารร่วมกันอย่างไร จะชูนโยบายอะไร จะผลักดันเรื่องอะไร เรื่องใดเป็นวาระเร่งด่วน ใครเป็นนายกรัฐมนตรี”

“เรื่องพวกนี้อยู่ในสเตปต่อไป โดยต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่ได้ ส.ส. อันดับหนึ่งในการที่จะไปคุยและรวมบรวมเสียงอื่นๆ ที่อาจจะอยากเข้ามาร่วมกับเรา ซึ่งคงไม่ได้ใช้เวลาเร็วนักในการคุยกันเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล” นายธนาธรกล่าว

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรคเสรีรวมไทยยังยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตยไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม และขอให้พรรคการเมืองต่างๆ ยืนหยัดในหลักการนี้เช่นกัน รวมทั้งเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

“ผมขอเรียกร้องให้คุณประยุทธ์เสียสละลาออกไปซะ อย่าสืบทอดอำนาจต่อไปเลย เพราะถ้าผมเป็นคุณประยุทธ์ ผมเรียนตรงๆ ว่า เมื่อยึดอำนาจไปแล้วมันผิดกฎหมาย แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นกรรมการ ออกระเบียบ ออกคำสั่งต่างๆ ที่ถูกต้อง จัดการเลือกตั้งที่ดี ให้ได้คนดีเข้ามาเป็นผู้แทนฯ เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อบริหารบ้านเมืองต่อไป และคุณก็ลาไปซะ ผมว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อย ใครเห็นด้วยปรบมือดังๆ จะได้เอาคุณประยุทธ์ออกไปซะที”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคประชาชาติอยากเห็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย เคารพประชาชน และมีเสถียรภาพ อย่างน้อยที่สุดต้องมีเสียงในสภามากกว่า 251 เสียง และคาดหวังให้ กกต. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางอย่างแท้จริง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้จะมีเสียงครหาจำนวนมากหลังเลือกตั้ง แต่ก็ยังมีเวลาที่จะแก้ไขให้เกิดความเชื่อมั่นต่อคนไทยทั่วประเทศ

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า  การลงสัตยาบันร่วมกันครั้งนี้เพราะแต่ละพรรคมีจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ทั้งยังฝากให้ พล.อ. ประยุทธ์คิดไตร่ตรองให้ดีว่าจะสืบทอดอำนาจอีกหรือไม่ รวมถึงถึง กกต. ให้ประกาศผลการเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่ต้องรอจนถึงวันสุดท้าย เนื่องจากไม่มีอะไรซับซ้อนแต่อย่างใด ขอให้ กกต. ทำหน้าที่โดยคำนึงถึงศักดิ์ศรีของตนเองและศักดิ์ศรีของประเทศไทย

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า แม้จะเป็นพรรคน้องใหม่มี 1 คะแนน แต่ได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมาโดยตลอด และตัดสินใจตั้งแต่ก่อตั้งพรรคว่าต้องการอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยตลอดไป อย่างไรก็ตาม ฝากสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบเรื่องคะแนนเสียงที่หายไปอย่างไม่โปร่งใสด้วย เพราะเชื่อว่าหากมีการนับคะแนนครบอย่างเป็นทางการ ฝ่ายประชาธิปไตยน่าจะมีคะแนนเพิ่มขึ้นมากกว่านี้

ที่มาภาพ: พรรคอนาคตใหม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคภูมิใจไทยไม่รับดีลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ตอบว่า “เรายังไม่เคยเสนอให้คุณอนุทิน (ชาญวีรกูล) เป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้พูดมาตลอดก็คือว่า เราขอเอาเป้าหมายการร่วมรัฐบาลโดยยึดเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ออกจากความขัดแย้งในสภาพที่เป็นอยู่ 5 ปีที่ผ่านมา และคืนความเป็นประชาธิปไตยกลับมา นั่นคือเป้าหมายของการร่วมมือกันเพื่อทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า”

“ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่พรรคร่วมจะมาหารือพูดคุยกัน เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวว่าใครจะรับหรือไม่รับ เพียงแต่พรรคเพื่อไทยพูดว่าเงื่อนไขนี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่เราใช้ในการต่อรองกับใคร เรากำลังจะให้สังคมเดินหน้ามากกว่าที่จะมาพูดเรื่องความทะยานอยาก หรือความต้องการอะไรของคน พรรคเพื่อไทยไม่ได้ใช้ตรงนี้เป็นเงื่อนไข”

ผู้สื่อข่าวถามว่า 6-7 พรรคการเมืองจำนวน 255 เสียง  มั่นใจแค่ไหนว่าจะอยู่ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม และไม่ติดใจแล้วใช่หรือไม่ที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็น ส.ส.  นายภูมิธรรมกล่าวว่า “การเมืองวันนี้ต้องยืนอยู่บนจุดที่ยึดมั่นและเชื่อมั่นในความเป็นประชาธิปไตย เชื่อมั่นในเจตนารมณ์ที่พี่น้องประชาชนได้ตัดสินใจเลือกเรามา สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดวันนี้ ผมเชื่อว่าหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคได้จับมือกันมั่น และยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่ให้การสืบทอดอำนาจเกิดขึ้น ตรงนี้คือหัวใจสำคัญ”

“เราจะไม่ยินยอมให้ใครก็ตามใช้กลไกทุกอย่างเพื่อตอบสนองความทะยานอยากทางการเมืองของตน เราเชื่อมั่นว่าการที่เราได้รับการตัดสินใจสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราจะเดินไปข้างหน้าได้พร้อมกันอย่างหนักแน่นและมั่นคง”  นายภูมิธรรมกล่าว

ที่มาภาพ: พรรคเพื่อไทย