ThaiPublica > เกาะกระแส > LGT ธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งแห่งราชวงศ์ลิกเตนสไตน์ เปิดสำนักงานในไทยจับกลุ่มเศรษฐี

LGT ธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งแห่งราชวงศ์ลิกเตนสไตน์ เปิดสำนักงานในไทยจับกลุ่มเศรษฐี

6 มีนาคม 2019


เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 LGT กลุ่มบริษัทด้านการบริการไพรเวทแบงค์และการจัดการสินทรัพย์จากประเทศลิกเตนสไตน์ ได้เปิดสำนักงานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อบริษัทหลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด โดยเจ้าชายฟิลลิพ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ (H.S.H. Prince Philipp von und zu Liechtenstein) ประธานบริษัท LGT เจ้าชายฮูเบอร์ตัส อลอยซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์(H.S.H. Prince Hubertus Alois von und zu Liechtenstein ) กรรมการบริหาร LGT ได้ทรงร่วมในพิธีเปิดบริษัทหลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการ พร้อมด้วย ดร.เฮนรี ไลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LGT Private Banking Asia และคณะผู้บริหารของสำนักงานแห่งใหม่ในประเทศไทย ได้แก่ นายกานต์ คฤหเดช กรรมการผู้จัดการและสมาชิกคณะกรรมบริหาร LGT Bank ประจำภูมิภาคเอเชีย และนายเอกภพ เมฆกัลจาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด

เพื่อให้บริการด้านการลงทุน และการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกแก่กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (high net worth individuals) และลูกค้าระดับองค์กรในประเทศไทย พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านไพรเวทแบงค์ของ LGT ในฮ่องกงและสิงคโปร์อีกด้วย

หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด เจ้าชายฟิลลิพ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตน์ ดร. เฮนรี ไลเมอร์ และนายเอกภพ เมฆกัลจาย ร่วมกันแถลงข่าว
เจ้าชายฟิลลิพ ทรงแนะนำ LGT ว่า เป็นกลุ่มบริษัทด้านการบริการไพรเวทแบงค์และการจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองวาดุซ ประเทศลิกเตนสไตน์ โดยมีราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ (Princely House of Liechtenstein) เป็นเจ้าของและบริหารงาน โดยในช่วงกลางปี พ.ศ. 2561 LGT ได้บริหารสินทรัพย์รวมมูลค่าถึง 2.075 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 6.5 ล้านล้านบาท) สำหรับในเอเชีย LGT เป็นไพรเวทแบงค์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์ที่บริหารมากกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 1.9 ล้านล้านบาท)

เจ้าชายฟิลลิพทรงให้ข้อมูลประเทศลิกเตนสไตน์ว่า เป็นประเทศเล็กปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่กว่า 900 ปีในยุโรป เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งโดยมีรายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุดในโลก ไม่มีภาระหนี้สาธารณะ มีอันดับความน่าเชื่อถือ(Credit Rating)ระดับ AAA มีกฎหมายการเงินมากว่า 150 ปี ที่สำคัญยังเป็นศูนย์กลางการเงินโลกในอันดับต้นๆ

ลิกเตนสไตน์มีประชากรราว 37,000 คน โดยที่ 38% ของประชากรอยู่ในภาคอุตสาหกรรมและการค้า

เจ้าชายฟิลลิพ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตน์

ราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์มีธุรกิจของครอบครัวคือ ธุรกิจธนาคารคือ ธนาคาร LGT ที่ก่อตั้งในปี 1920 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรมและป่าไม้

ดร.เฮนรี ไลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LGT Private Banking Asia ซึ่งร่วมงานกับ LGT Group มา 25 ปี กล่าวว่า การเปิดสำนักงานของเราในกรุงเทพฯ นับเป็นก้าวสำคัญทางกลยุทธ์ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเราในทวีปเอเชีย

“เราได้เติบโตได้อย่างน่าพอใจในช่วงปีที่ผ่านมาในภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังมีการขยายตัวอย่างเห็นได้ชัดของสินทรัพย์ที่เราบริหารจัดการ ประเทศไทยเป็นตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีโอกาสที่น่าสนใจมากมาย การมีสำนักงานประจำในกรุงเทพฯ จะเปิดโอกาสให้เราสามารถให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าชาวไทยของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ดร.เฮนรีกล่าวว่า โดยทั่วไปนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลกจะลงทุนในธุรกิจของตัวเองเป็นหลักและเป็นอันดับแรก ต่อมาจะขยายการลงทุนในไปในอสังหาริมทรัพย์ และเห็นได้ว่ามีการนำเงินมาลงทุนในตลาดเงินตลาดทุนมากขึ้น ที่สำคัญยังได้ขยายการลงทุนไปต่างประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนในประเทศตัวเอง จึงเป็นโอกาสให้ LGT นำความเชี่ยวชาญในการบริหารความมั่งคั่งมานำเสนอเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ

สำหรับสำนักงานในไทยเป็นแห่งที่ 3 ในเอเชียหลังจากที่เปิดให้บริการในฮ่องกงเป็นแห่งแรกในเอเชีย เมื่อกว่า 30 ปีก่อน และเปิดสำนักงานในสิงคโปร์ปี 2001 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารของ LGT เอเชียมีมูลค่ากว่า 60 พันล้านดอลลาร์

LGT ยังบริหารทรัพย์สินให้กับราชวงศ์ลิกเตนสไตน์ ดังนั้นบริการที่นำเสนอต่อราชวงศ์ก็นำมาให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไปด้วย

อันดับความน่าเชื่อถือของ LGT Bank อยู่ที่ Aa2 จากการจัดอันดับของมูดี้ส์ และ A+ จากแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส มีเงินกองทุนขั้นที่ 1 ในระดับ 18.7% มีฐานะการเงินมั่นคง LGT เป็นกลุ่มธุรกิจบริการบริการไพรเวทแบงค์และการจัดการสินทรัพย์เอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก(Privately Owned) ได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์ลิกเตนสไตน์ ทำให้มีความเชื่อมั่นในองค์กร

ในเอกสารข่าวสำหรับการประกาศเปิดตัวการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เจ้าชายแมกซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตล์ (H.S.H. Prince Max von und zu Liechtenstein) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LGT ตรัสว่า “เรามีความยินดีที่จะเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและมุ่งหวังที่จะให้บริการด้านการไพรเวทแบงค์อย่างเต็มรูปแบบแก่นักลงทุนรายใหญ่ ครอบครัวของพวกเขา และลูกค้าระดับองค์กร เราเล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่สำคัญ ทั้งนี้ การเปิดสำนักงานที่นี่ถือเป็นการสะท้อนความตั้งใจของเราในการขยายการเติบโตในเอเชีย”

เจ้าชายแมกซ์ ตรัสเพิ่มเติมว่า “โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มั่นคงของเรา เครือข่ายระหว่างประเทศที่ครอบคลุม แนวทางการดำเนินงานที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล รวมถึงประสบการณ์ที่ครอบคลุมของที่ปรึกษาด้านการดูแลสินทรัพย์ของเราคือสิ่งที่ทำให้ LGT แตกต่าง ลูกค้าของเราสามารถลงทุนได้ดั่งสมาชิกราชวงศ์ และได้รับผลประโยชน์ผ่านความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนของเรา ทั้งหมดนี้มีผลให้เกิดความต้องการระหว่างเราและลูกค้าดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน”

นายเอกภพกล่าวว่า การเปิดสำนักงานในไทยเพราะตลาดบริหารความมั่งคั่งในไทยเติบโต มีฐานกุล่มลูกค้า รวมทั้งการออมของนักลงทุนไทยอยู่ในระดับสูง ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลเปิดโอกาสให้นักลงทุนขยายการลงทุนไปทั่วโลกลงทุน จึงเชื่อว่าสามารถนำบริการระดับโลก และคำแนะนำการลงทุนมาให้นักลงทุนไทยได้

บริษัทย่อยของ LGT ในประเทศไทยจะเป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อบริษัทหลักทรัพย์แอลจีที (ประเทศไทย) จำกัด หรือ LGT Securities (Thailand) Limited โดยมีทีมที่ปรึกษาด้านการลงทุนและนักวางแผนการลงทุนและการจัดการความมั่งคั่งพร้อมให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าชาวไทยผ่านสำนักงานที่กรุงเทพฯ และยังจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานด้านไพรเวทแบงค์ของ LGT ในฮ่องกงและสิงคโปร์อีกด้วย

การขับเคลื่อนและขยายตัวทางการตลาดของ LGT ในประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การดูแลโดยนายกานต์ คฤหเดช ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ในด้านไพรเวทแบงค์กิ้ง และมีนายเอกภพ เมฆกัลจาย ที่มีประสบการณ์มากกว่า 16 ปี ในด้านธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน และธนบดีธนกิจดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

LGT มีพนักงานมากกว่า 3,000 คน ในสำนักงานมากกว่า 20 แห่งในยุโรป เอเชีย อเมริกา และเอเชียตะวันออกกลาง โดยเป็นพนักงานในเอเชีย 800 คน