ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ (archive) > กรุงไทยเปิด Krungthai Innovation Lab ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง ยกระดับบริการดิจิทัลครบวงจร หนุนสังคมไร้เงินสด

กรุงไทยเปิด Krungthai Innovation Lab ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง ยกระดับบริการดิจิทัลครบวงจร หนุนสังคมไร้เงินสด

21 มีนาคม 2019


ข่าวประชาสัมพันธ์

ในวันนี้ (21 มีนาคม 2562) นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)พร้อมด้วยผู้บริหาร แขกรับเชิญ และสื่อมวลชน ได้ร่วมกันเปิด Krungthai Innovation Lab ศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง แหล่งรวมคนรุ่นใหม่ที่ร่วมคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ยกระดับการให้บริการแบบครบวงจร เพื่อก้าวสู่ Invisible Banking ด้วย 4 แกนสำคัญ สนับสนุน Digital Payment Platform ของภาครัฐ ร่วมผลักดันการเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบ

นายผยง ศรีวณิช เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้ประกาศยุทธศาสตร์ดิจิทัล สู่การเป็น Invisible Banking ผ่านกลยุทธ์ 5 P โดยสร้าง Platform ที่แข็งแกร่งเพื่อเชื่อมโยง 5 Ecosystems ได้แก่ กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มการชำระเงิน กลุ่มสุขภาพและการรักษาพยาบาล กลุ่มมหาวิทยาลัยและการศึกษา และกลุ่มระบบขนส่งมวลชน นอกเหนือจากความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership) พัฒนาบุคลากรให้มีทักษะที่เหมาะสม (People) นำเทคโนโลยีมาช่วยปรับกระบวนการทำงานให้รวดเร็วขึ้น (Process) รวมทั้งเร่งยกระดับการให้บริการไปสู่ดิจิทัลผ่านทุกช่องทาง (Performance)

ธนาคารได้ทำควบคู่กับการสร้าง Krungthai Innovation Lab เพื่อเป็นศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง ตอบโจทย์กลยุทธ์ 5 P

Krungthai Innovation Lab ประกอบด้วย 4 แกนสำคัญได้แก่ 1.Business Innovation 2.Data Innovation 3.Product & Process Innovation และ 4.IT Innovation โดยแต่ละแกนมีการจัดตั้งทีมงานดูแล รวมทั้งธนาคารได้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้มีความสะดวก ทันสมัย เหมาะสมกับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

การสร้าง Krungthai Innovation Lab ในครั้งนี้ สอดคล้องกับความต้องการของธนาคารในการพัฒนาบุคลากร กระบวนการทำงาน และทักษะที่ทันสมัย รวมทั้งเป็นต้นแบบในการพัฒนา Software ด้วยแนวคิดแบบ Agile ซึ่งมุ่งเน้นการส่งมอบ Software ที่ยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ธนาคารสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ โดยแต่ละแกนได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ดังนี้

แอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT มีศูนย์สั่งการด้วยจออัจฉริยะ ติดตามทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น มีระบบแจ้งเตือนแบบ Real time เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงจุดและทันท่วงที และล่าสุดได้พัฒนา 5 ฟีเจอร์ใหม่ของแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT ได้แก่ บริการถอนเงินไม่ใช้บัตร ผ่านเครื่องเอทีเอ็มกรุงไทยกว่า 8,800 เครื่องทั่วประเทศ เปิดบัญชีออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ ไม่เสียค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี บริการตรวจสอบเครดิตบูโรออนไลน์ ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง Krungthai Connext รู้ทุกความเคลื่อนไหวทางการเงินผ่าน LINE สมัครง่าย ไม่มีค่าใช้จ่าย และ สมาร์ท AI ระบบอัจฉริยะที่รู้ใจ แนะนำรายการธุรกรรมที่สำคัญ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะผู้ใช้งานแต่ละท่าน ทั้งนี้ กรุงไทย NEXT ประสบความสำเร็จอย่างสูง มียอดผู้ใช้งานถึง 5 ล้านคน และมียอดธุรกรรมสูงกว่า 500 ล้านครั้ง หลังเปิดตัวได้เพียง 5 เดือน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน)

AI Innovation แบ่งเป็น 3 ด้านคือ 1.Visual ด้วยระบบ Face Recognition สแกนใบหน้า เพื่อระบุตัวตนของลูกค้า ป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบ ระบบ Smart Document ให้ลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรม เช่น ขอสินเชื่อ เปิดบัญชีผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถส่งหลักฐานสำคัญ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน รายการเดินบัญชี ผ่านระบบออนไลน์ ทำให้กระบวนการยื่นเอกสาร และขออนุมัติรายการต่างๆ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยขึ้น ระบบ Object Detection ซึ่งเป็น Security Alert ที่สามารถแยกแยะและจับสังเกตบุคคลหรือวัตถุเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตราย รวมทั้งใช้ในการจัด Traffic ภายในสาขาได้อีกด้วย 2.Voice เป็น Smart AI รองรับการแปลภาษาถึง 9 ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส สามารถแปลงเสียงเป็นอักษร และแปลงอักษรกลับเป็นเสียง โดยจะนำมาใช้ใน Krungthai Call Center และ Booth Exchange รวมทั้งสาขา 3.Chat Bot ระบบให้ข้อมูลอัจฉริยะ ให้คำแนะนำลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ

สาขารูปแบบดิจิทัล นำเทคโนโลยีที่สามารถรับมือกับอาชญากรรมยุคใหม่ โดยได้ทยอยติดตั้งเครื่องตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมข้อมูลกับทะเบียนราษฎร์ กระทรวงมหาดไทย และใช้เทคโนโลยี e-Signature เพื่อตรวจสอบลายเซ็นที่สามารถตรวจจับความถูกต้องและการกดน้ำหนักของลายเซ็นได้แม่นยำ สำหรับใช้ในการทำรายการต่างๆ ที่เคาน์เตอร์สาขา ครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังสามารถรับหลักฐานการทำธุรกรรมผ่านทางอีเมลและ SMS ได้ด้วย โดยมีแผนติดตั้งระบบ e-Onboarding ซึ่งสามารถตรวจสอบบัตรประชาชนพร้อมถ่ายรูปลูกค้าที่มาทำรายการ เพื่อเปรียบเทียบยืนยันตัวตนได้อย่างแม่นยำสูงสุด

เชื่อมโยง 5 Ecosystems เช่น กลุ่มระบบขนส่งมวลชน ปัจจุบันผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐประเภทบัตรแมงมุม เวอร์ชั่น 2.0, 2.5 และประเภทบัตร Contactless (EMV 4.0) สามารถนำบัตรไปซื้อบัตรโดยสารรถไฟฟ้า BTS ขสมก. รถไฟฟ้ามหานคร MRT รวมถึงจ่ายค่าผ่านทางพิเศษผ่านเครื่อง EDC ของธนาคาร โดยในอนาคตเตรียมนำเทคโนโลยี Face Access เพื่อจดจำใบหน้าของผู้ใช้บริการมาแทนตั๋วโดยสาร อีกทั้งสามารถตัดยอดเงินเพื่อชำระค่าบริการได้ด้วย กลุ่มมหาวิทยาลัยและการศึกษา พัฒนา U App อำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เช่น การชำระเงินค่าเทอม การเช็คตารางเรียน การยืมหนังสือในห้องสมุด เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมีระบบกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาแบบดิจิทัล (DSL) เพื่อตอบสนองการปฏิบัติงานของกองทุนฯ ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำในรูปแบบ Paperless และ Digital ID กลุ่มการชำระเงิน พัฒนาแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แอปพลิเคชั่น เป๋าตุง และแอปพลิเคชั่น ถุงเงินประชารัฐ เพื่อให้บริการแก่ร้านค้า รวมทั้งติดตั้ง QR Code ในร้านค้า รถโดยสารประจำทาง เพื่อการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดอย่างแท้จริง

เทคโนโลยี Blockchain ช่วยให้การทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย และยกระดับความปลอดภัย ป้องกันมิจฉาชีพสวมสิทธิ์ลูกค้า ซึ่งมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่ถูกแก้ไข ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ โดยธนาคารได้นำ Digital ID Platform ซึ่งเป็นระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านการสแกนใบหน้า (Face Recognition) สำหรับเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชั่น กรุงไทย NEXT นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (TFEX) และ KT ZMICO ทำโครงการ Joint Exchange Development Initiative (JEDI) เพื่อให้บริการแลกเปลี่ยนสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contract) เป็นเงินสกุลดอลลาร์หรือบาท ภายใน 3 ชั่วโมง จากเดิม 30 วัน

นายผยง ศรีวณิช กล่าวว่า ที่ผ่านมา ธนาคารได้สนับสนุนภาครัฐในการขับเคลื่อน Digital Payment Platform อย่างเต็มที่ โดยเริ่มจากโครงการ National e-Payment การวางระบบ Digital Payment Super Highway เพื่อสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินแก่คนไทยในทุกภาคส่วนทั่วประเทศ สำหรับ Krungthai Innovation Lab คือ ก้าวต่อไปที่สำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมที่ทันสมัยและปลอดภัย เหมาะกับการใช้งาน ง่ายต่อการขยายตัว สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยเน้นให้เกิดการทำงานแบบร่วมมือในทุกภาคส่วน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานการบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ เชื่อมโยงธนาคารกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในทุกมิติ