ThaiPublica > ข่าวประชาสัมพันธ์ (archive) > เมืองไทยประกันชีวิต เปิดแผนปี 2562 ชูกลยุทธ์ “MTL Everyday Life Partner” ตอบโจทย์ความต่างในทุกไลฟ์สไตล์

เมืองไทยประกันชีวิต เปิดแผนปี 2562 ชูกลยุทธ์ “MTL Everyday Life Partner” ตอบโจทย์ความต่างในทุกไลฟ์สไตล์

28 มกราคม 2019


นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2562 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม (Innovation) พร้อมก้าวเคียงคู่ไปกับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ผ่านนโยบาย “MTL Everyday Life Partner” เดินหน้าออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ผ่านนวัตกรรม และแนวคิดแบบ Outside In ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัว (Segment of One) และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน และมุ่งเน้นการปลดล็อคข้อจำกัดในการทำประกันชีวิตและสุขภาพ (Health Revolution) ที่มอบความคุ้มครองและสร้างความอุ่นใจที่มากขึ้น ทั้งในแง่ของการเพิ่มเติมสวัสดิการที่ลูกค้ามีอยู่แล้ว หรือการดูแลในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงค่าเบี้ยประกันภัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในการดูแลเรื่องสุขภาพของลูกค้าแต่ละคน (Dynamic Pricing)

ด้านผลการดำเนินงานของเมืองไทยประกันชีวิต ในปี 2561 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 94,467 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 22,773 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 71,694 ล้านบาท ได้รับประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (Insurer Financial Strength: IFS) จากสถาบัน Fitch Rating และ S&P ของบริษัทฯ โดยมีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ที่ ‘AAA(tha)’ และอันดับความแข็งแกร่งที่ ‘BBB+’ (หรืออยู่ในระดับ “ดี”) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ เมื่อช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา และได้รับรางวัล Life Insurance Company of the Year ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 แห่งภูมิภาคเอเชียของการได้รับรางวัลดังกล่าว จากการประกวด Asia Insurance Industry Awards 2018 ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตจากประเทศไทยเพียงรายเดียวที่ได้รับคัดเลือกและได้รับรางวัลทั้งนี้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2561 ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงระบบการบริหารจัดการที่ดี ประสิทธิภาพของทีมงานที่มีคุณภาพ รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

นายสาระ กล่าวว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เมืองไทยประกันชีวิตได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างเหมาะสม ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันชีวิตควบการลงทุน รวมถึงบริการใหม่ที่โดดเด่นเข้าถึงลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ “เบาหวานเบทเทอร์แคร์” ที่เป็นแบบประกันภัยสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 “สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ แบบอีลิท เฮลท์” ที่มอบความคุ้มครองแบบเหนือระดับด้วยความคุ้มครองที่สูงขึ้น ประกันชีวิตควบการลงทุน “mDesign” แบบประกันภัยที่รวมประกันชีวิตและการลงทุนในกองทุนรวมเข้าไว้ด้วยกัน โดยได้คัดสรรกองทุนรวมคุณภาพชั้นนำ มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองและรูปแบบการลงทุนเพื่อให้ตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตได้ตามต้องการ คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายงวด และบริการ “MTL Smile Service” บริการรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานการดูแลลูกค้าผ่านทีมงานคุณภาพและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ด้านการบริการที่ครบวงจร

ปีนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดแบบหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channel) เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนที่มุ่งสู่การเป็นผู้ออกแบบทางการเงิน (Life Planner) ที่สามารถออกแบบ ให้คำปรึกษา และวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย การขายผ่านช่องทางธนาคาร โบรกเกอร์ รวมไปถึงการขายแบบประกันออนไลน์ ที่มุ่งขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น KPlus, Line Pay และ Shopee ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ (Digital Insurer) รวมทั้งยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง (Regional Company) พร้อมมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในต่างประเทศ อาทิ บริการ MTL Global Connect ซึ่งลูกค้าที่เจ็บป่วยในต่างประเทศนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลในต่างประเทศทั่วโลกได้ตามสิทธิ์โดยไม่ต้องสำรองจ่าย และบริการ Health at Home บริการสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มีความต้องการในการรักษาหรือดูแลอย่างต่อเนื่องที่บ้านโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Health at Home ที่มีความน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้เตรียมยกระดับของการให้บริการภายใต้โครงการ “MTL Smile Service” ที่ครอบคลุมการให้บริการแก่ลูกค้าในทุกด้าน ประกอบด้วย MTL Smile Care, MTL Smile Tech, MTL Smile Touch และ เมืองไทย Smile Club เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านการบริการที่ครบวงจรและเหนือระดับ (Excellence Service) พร้อมก้าวเดินเคียงข้างลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ (Ecosystem Partner) เพื่อดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายสถานพยาบาล พันธมิตรในกลุ่มที่เป็นสตาร์ทอัพด้าน Insure Tech หรือ Health Tech ที่มาจาก Fuchsia Innovation Centre และ Fuchsia Venture Capital ซึ่งจะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ มาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเข้าถึง

“รูปแบบการดำเนินธุรกิจสำหรับยุคนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นยุคที่ท้าท้ายองค์กรเป็นอย่างมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรจะต้องปรับตัวในมุมนโยบายเชิงกลยุทธ์ในทุกระดับทั้งองค์กร ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหาร ไปจนถึงบุคลากรทุกหน่วยงาน จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติ แนวคิด และวิธีการทำงานใหม่ทั้งหมด (Disruptive Ourselves) ให้สามารถทันต่อโอกาสที่เกิดขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ที่เป็นระบบและมีชั้นเชิง อีกทั้งองค์กรยังส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานภายในองค์กรรูปแบบใหม่ๆ กล้าที่จะลองผิดลองถูก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาได้อยู่เสมอ”

“โดยหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจของเรายังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมใหม่ๆ เมืองไทยประกันชีวิตจึงได้ปรับตัวให้สอดรับ พร้อมปรับภาพลักษณ์สู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่คิดค้นผลิตภัณฑ์บริการ ที่สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงทุกวัย พร้อมเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว เราจะเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า ด้วยความยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล” นายสาระกล่าว