ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “4 หมูป่าได้สัญชาติไทย ด้าน ‘หม่อง ทองดี’ รอ จบ ป.ตรี หรือรัฐรับรองทำคุณประโยชน์” และ “ดูแตร์เต ขู่จะฆ่าตำรวจทุจริตกว่าร้อยนายหากทำผิดอีก”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “4 หมูป่าได้สัญชาติไทย ด้าน ‘หม่อง ทองดี’ รอ จบ ป.ตรี หรือรัฐรับรองทำคุณประโยชน์” และ “ดูแตร์เต ขู่จะฆ่าตำรวจทุจริตกว่าร้อยนายหากทำผิดอีก”

11 สิงหาคม 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 ส.ค. 2561

  • 4 หมูป่าได้สัญชาติไทย ด้าน “หม่อง ทองดี” รอ จบ ป.ตรี หรือรัฐรับรอง “ทำคุณประโยชน์”
  • “เขาดิน” ให้บริการถึงสิ้นเดือนสิงหาฯ ย้ายไปสร้างใหม่บนที่ดินพระราชทานย่านคลอง 6
  • ราชบัณฑิตยสภา ชี้แจง สามารถใช้ “ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี” ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้
  • กทม. ยอมถอย ผ่อนผันให้ขายของทางเท้าถนนข้าวสารได้
  • ดูแตร์เต ขู่จะฆ่าตำรวจทุจริตกว่าร้อยนายหากทำผิดอีก
  • 4 หมูป่าได้สัญชาติไทย ด้าน “หม่อง ทองดี” รอ จบ ป.ตรี หรือรัฐรับรอง “ทำคุณประโยชน์”

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/809791)

    เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2561 ที่ทำการที่ว่าการอำเภอแม่สาย นายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย ได้ทำพิธีให้คำสัตย์ปฏิญาณตนเป็นพลเมืองคนไทย และการมอบบัตรประชาชนให้กับผู้ที่ได้รับสัญชาติไทย จำนวนทั้งสิ้น 30 ราย โดยมอบสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ จำนวน 28 ราย และมาตรา 23 พ.ร.บ.สัญชาติฯ จำนวน 2 ราย

    ในจำนวนนี้มี 4 คน ที่เป็นนักเตะและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี ประกอบด้วย 1. นายอดุลย์ สามอ่อน 2. นายมงคล บุญเปี่ยม 3. นายพรชัย คำหลวง ซึ่งได้สัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ และ 4. นายเอกพล จันทะวงค์ หรือ โค้ชเอก ที่ได้รับสัญชาติไทยตามมาตรา 23 พ.ร.บ.สัญชาติฯ ซึ่งตรงตามเกณฑ์คือ เกิดที่โรงพยาบาลแม่สาย หรือพ่อหรือแม่เกิดในไทย มีหลักฐานการเกิดและหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดตามมาตรา 23 พ.ร.บ.สัญชาติฯ

    ทว่า การได้สัญชาติไทยอย่างรวดเร็วของสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้งสี่คนก็ทำให้สังคมเกิดความสงสัยถึงมาตรฐานของการให้สัญชาติ เนื่องจากนำไปเทียบเคียงกับกรณีของ หม่อง ทองดี เด็กนักเรียนไร้สัญชาติที่ไปคว้าแชมป์การแข่งขันร่อนเครื่องบินกระดาษถึงประเทศญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2552 ซึ่งจนบัดนี้ เวลาผ่านมา 9 ปี จนน้องหม่องกลายเป็นนายหม่องที่อายุล่วงเข้า 21 ปีแล้วก็ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยแต่อย่างใด

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า นายวีนัส ศรีสุข ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีสังคมมีความสงสัยถึงมาตรฐานการให้สัญชาติไทยแก่ 4 หมูป่าอะคาเดมี แต่นายหม่อง ทองดี อดีตแชมป์ร่อนเครื่องบินกระดาษที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยยังไม่ได้สัญชาติไทย โดยชี้แจงว่า กรณีของ 4 หมูป่าอะคาเดมี โดยผลของกฎหมายสัญชาติ จากมติ ครม. ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์การให้สัญชาติในปัจจุบันคือมติเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2559 กำหนดไว้ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เด็กที่เกิดในประเทศไทยโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น จีนฮ้อ ไทลื้อ ชาวเขา เป็นต้น ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้ามาในประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 ปี ซึ่ง ด.ช.พรชัย คำหลวง กับ ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม มีแม่เป็นกลุ่มไทลื้อที่อพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งเกิน 15 ปี ฉะนั้น ด.ช.พรชัย กับ ด.ช.มงคลก็ได้สัญชาติ 

    กรณีของ ด.ช.อดุลย์ สามอ่อน ไม่สามารถเข้ากลุ่มที่ 1 ได้เพราะถูกพ่อแม่ทอดทิ้งแม้เกิดในประเทศไทย ซึ่งตามหาพ่อแม่ไม่ได้ ด.ช.อดุลย์ อยู่ในการดูแลของคริสต์จักร อ.เเม่สาย จ.เชียงราย ซึ่ง ด.ช.อดุลย์เข้าเกณฑ์ในคุณสมบัติกลุ่มที่ 2 คือเด็กไร้รากเหง้าที่พ่อแม่ทอดทิ้งไป โดยจะได้สัญชาติไทยต่อเมื่อเกิดประเทศไทยเรียนหนังสือในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 10 ปี มีหนังสือรับรองความเป็นคนไร้รากเหง้าออกให้โดยหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ซึ่ง ด.ช.อดุลย์เกิดในประเทศไทยอายุย่าง 14 ปี มีหนังสือรับรองความเป็นบุคคลไร้รากเหง้าออกโดยพม.จ.เชียงราย จึงได้สัญชาติ 

    นายหม่อง ทองดี
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://www.dailynews.co.th/politics/659699)

    สำหรับกรณีของนายหม่อง เกิดในประเทศไทย แต่พ่อแม่ของนายหม่องไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยเพราะพ่อแม่เขาเป็นแรงงานต่างด้าวและเป็นแรงงานที่พิสูจน์สัญชาติกับประเทศเมียนมาร์แล้ว ถือพาสปอร์ตเมียนมาร์ทั้งสองคน จึงเป็นสาเหตุที่นายหม่องขอสัญชาติไม่ได้ เพราะพ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าวและไม่ใช่เด็กไร้รากเหง้าซึ่งส่วนนี้ถือเป็นปัญหา นายหม่องถือเป็นกลุ่มที่ 3 ของมติ ครม. เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2559 คือบุตรของคนต่างด้าวอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อย ต้องเรียนจบปริญญาตรีในประเทศไทย ถึงมีโจทย์ให้นายหม่องไปเรียนจบปริญญาตรี ซึ่งเมื่อจบปริญญาตรีก็สามารถนำปริญญาบัตร ทรานสคริปต์ขอสัญชาติได้ โดยไม่ต้องสนใจเรื่องพ่อแม่ ซึ่งเมื่อรอให้จบปริญญาตรีก็จะนาน จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มที่ 3 ว่าถ้าคนที่ยังเรียนไม่จบปริญญาตรีแต่เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศก็สามารถขอสัญชาติ 7 ทวิได้ แต่มีเงื่อนไขต้องยื่นคำร้องว่าทำคุณประโยชน์ ซึ่งต้องมีหลักฐานการทำคุณประโยชน์โดยมีหนังสือรับรองจากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เมื่อมีหลักฐานอธิบดีกรมการปกครองจะเป็นผู้พิจารณา เมื่อนายหม่องมีหนังสือรับรองการทำคุณประโยชน์จากส่วนราชการมาที่อธิบดีกรมการปกครอง ก็จะทำหนังสือกรมการปกครองตอบไปยัง จ.เชียงใหม่ ว่าเป็นคนที่ทำประโยชน์ให้ประเทศ นายหม่องก็จะเอาหนังสือการรับรองจากอธิบดีกรมการปกครองไปขอสัญชาติ

    ปัจจุบันนายหม่องมีหนังสือรับรองหรือยัง ก็ต้องเรียนว่าตั้งแต่ไปแข่งเครื่องบินกระดาษพับตั้งแต่ปี 2552 ก็ยังไม่มีหนังสือรับรองจากหน่วยงานไหน ซึ่งขณะนี้ทราบว่านายหม่องติดต่อประสานขอหนังสือรับรองไปยังกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว และทางกระทรวงก็จะออกหนังสือรับรองให้ นอกจากนี้จะมีกรมอุทยาน ที่นายหม่องไปสอนเรื่องโดรน รวมถึงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่ถือว่าเป็นหน่วยงานของรัฐก็จะออกหนังสือรับรองให้ ซึ่งขณะนี้ทางกรมรอเอกสารจากส่วนราชการอยู่

    “เขาดิน” ให้บริการถึงสิ้นเดือนสิงหาฯ ย้ายไปสร้างใหม่บนที่ดินพระราชทานย่านคลอง 6

    วันที่ 7 ส.ค. 2561 เฟซบุ๊กสวนสัตว์ดุสิต Dusit zoo ได้โพสต์ข้อความชี้แจงเรื่องกระแสข่าวที่ว่าสวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดินวนา จะยุติการให้บริการในสิ้นเดือนสิงหาคม 2561 และจะย้ายไปอยู่ในที่ใหม่ ดังนี้

    จากกรณีมีผู้แชร์ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่า “สวนสัตว์ดุสิต” จะปิดตัวในสิ้นเดือนสิงหาคม 2561 ล่าสุด วันที่ 7 สิงหาคม 2561 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สวนสัตว์ดุสิต ขอเรียนให้ทราบว่า ในส่วนของแผนการปิดและย้าย สวนสัตว์ดุสิตนั้น ทางหน่วยงานผู้รับผิดชอบได้เตรียมความพร้อมและดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานมาโดยลำดับ ดังที่เคยเป็นข่าวปรากฎมาโดยตลอด

    สำหรับพื้นที่แห่งใหม่ บริเวณคลอง 6 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ต่อประชาชนชาวไทยและชาวองค์การสวนสัตว์ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานโฉนดที่ดิน จำนวน 300 ไร่ให้กับองค์การสวนสัตว์ เพื่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ จัดว่ามีขนาดใหญ่กว่าสวนสัตว์ดุสิตเดิมถึง 3 เท่า ทำให้สัตว์มีพื้นที่ที่อยู่อย่างสบาย มีอากาศที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาสำรวจข้อมูลในด้านต่างๆ แล้วเพื่อให้สภาพแวดล้อมสวนสัตว์ใหม่ออกมาอย่างดีที่สุดถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากล

    ตามแผนปฏิบัติงาน ทางสวนสัตว์ดุสิตจะเปิดให้บริการจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2561 เพื่อทยอยดำเนินการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกไปจัดแสดง ณ สวนสัตว์ต่าง ๆ ภายใต้การบริหารขององค์การสวนสัตว์ จำนวน 6 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา สวนสัตว์อุบลราชธานี และสวนสัตว์ขอนแก่น โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

    ในส่วนของประชาชนที่จะเดินทางมาเที่ยวชมสวนสัตว์ดุสิตในช่วงนี้ ทางสวนสัตว์ดุสิตได้เตรียมความพร้อมในการให้บริการต่างๆไว้แล้ว โดยขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่านด้วยว่า ให้เข้าชมด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่านสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจhttps://facebook.com/DusitzooThailand หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณภาวนา วงศ์มณีวรรณ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-281-2000 และ 02-280-7698 ทุกวันในเวลาราชการ

    ราชบัณฑิตยสภาแจงใช้ “ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี” ได้

    ที่มาภาพ: เฟซบุ๊ก THE STANDARD (https://www.facebook.com/thestandardth/posts/1942915639334652)

    วันที่ 10 ส.ค. 2561 เฟซบุ๊ก THE STANDARD รายงานคำชี้แจงจากสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ถึงการใช้ถ้อยคำ “ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี” ถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ดังนี้

    สำนักงานราชบัณฑิตยสภา เผยแพร่ข้อมูลถึงการใช้ ‘ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี’ ว่า จากการที่มีข้อมูลส่งเผยแพร่ต่อกันทางไลน์ อ้างว่าไม่ให้ใช้ ‘ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี’ โดยอ้างพระราชสำนักบ้าง หรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับการสื่อสารมวลชนบ้าง ซึ่งส่งต่อกันโดยไม่อ้างอิงที่มาของผู้ให้ข้อมูลก็มี การอ้างดังกล่าวเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่อาจนำมาอ้างอิงอย่างเป็นทางการได้ การใช้ถ้อยคำถวายพระพรอย่างสั้นที่ใช้ในการถวายพระพรแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ใช้มาตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ 9 จวบจนปัจจุบันว่า ‘ทรงพระเจริญ’ หรือ ‘ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี’ เป็นต้น

    ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี มีความหมายว่า ขอให้องค์มหาราชินีมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปัจจุบันสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมราชินีนาถ การถวายพระพรชัยมงคลให้พระองค์มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ไม่น่าจะมีเหตุผลใดที่จะใช้ไม่ได้

    การใช้ถ้อยคำในการสื่อความหมายต้องอาศัยบริบทหรือข้อความแวดล้อมประกอบด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น การทำป้ายถวายพระพรหรือการออกแบบหน้าเว็บถวายพระพร จึงต้องมีองค์ประกอบทั้งพระบรมฉายาลักษณ์ ถ้อยคำราชาศัพท์ที่ถูกต้องเหมาะสม และหากระบุหลังคำว่า ‘สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ’ ว่า ‘ในรัชกาลที่ 9’ หรือ ‘ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร’ จะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น

    ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร 12 สิงหาคม 2561 ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก กรรมการวิชาการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

    หรือ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 12 สิงหาคม 2561 ทีฆายุกา โหตุ มหาราชินี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก กรรมการวิชาการ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

    กทม. ยอมถอย ผ่อนผันให้ขายของทางเท้าถนนข้าวสารไ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/general/news-203187)

    เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่าhttps://www.prachachat.net/general/news-203187 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 สิงหาคม นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อหาข้อยุติสำหรับแนวทางการจัดระเบียบถนนข้าวสาร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายหลังยังไม่มีความชัดเจนถึงรูปแบบการจัดระเบียบถนนข้าวสารว่าจะให้ผู้ค้าบนทางเท้าลงมาทำการค้าบนผิวจราจร ระหว่างเวลา 18.00-24.00 น. นั้น ใช้เวลาประชุมเกือบ 3 ชั่วโมง

    นายสกลธีกล่าวว่า ในที่ประชุมร่วมกันพิจารณาเงื่อนไข โดยมีความเห็นให้ผู้ค้าสามารถขายของบนทางเท้าได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะถนนข้าวสารถือเป็นพื้นที่ที่มีอัตลักษณ์และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ เห็นร่วมกันให้ดำเนินการตามมาตรา 20 ของพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 กำหนดให้ กทม. สามารถพิจารณาจุดผ่อนผันในการซื้อขายหาบเร่แผงลอยได้ หลังจากนี้ กทม. จะร่างประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การกำหนดจุดผ่อนผัน เพื่อให้จุดดังกล่าวสามารถค้าขายบนทางเท้าได้ ภายใต้เงื่อนไขการจัดระเบียบผู้ค้าตามบัญชีที่สำนักงานเขตพระนครเคยจัดทำไว้ ซึ่งมีผู้ค้าขึ้นบัญชีประมาณ 200 ราย ขณะเดียวกัน ให้สำนักงานเขตพระนครพิสูจน์ทราบผู้ค้าที่แท้จริง โดยกำหนดให้ 1 คน ต้องมีสิทธิในแผงค้า 1 แผงเท่านั้น เพื่อความเป็นธรรมของผู้ค้าในพื้นที่ พร้อมกำหนดขนาดแผงค้าต้องความกว้าง 1.50 x 1 ม. และเปิดการค้าช่วงเวลา 16.00-24.00 น. เท่านั้น โดย กทม. จะเร่งรัดร่างประกาศและบังคับใช้ไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งประกาศดังกล่าวยังครอบคลุมไปยังถนนบริเวณโดยรอบ ได้แก่ ถนนจักรพงษ์ ถนนรามบุตรี ถนนไกรสีห์ และถนนสิบสามห้าง

    ดูแตร์เต ขู่จะฆ่าตำรวจทุจริตกว่าร้อยนายหากทำผิดอีก

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://www.dailynews.co.th/foreign/659826)

    วันที่ 10 ส.ค. 2561 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานข่าวของสำนักข่าวเอพี จากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต กล่าวในการแถลงซึ่งถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เมื่อวันอังคาร ขู่จะฆ่าตำรวจทุจริตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอาชญากรรมอื่นๆ รายงานระบุว่า ตำรวจกว่า 100 นาย ซึ่งบางส่วนถูกร้องเรียนทั้งด้านวินัยและอาญา เกี่ยวกับการข่มขืน ลักพาตัว และปล้นทรัพย์ ถูกนำตัวไปยังทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อเข้าพบนายดูแตร์เต

    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้นายดูแตร์เตเคยประณามถึงเรื่องการทุจริตที่หยั่งรากลึก กำลังเผชิญกับการกวาดล้างภายในองค์กร นับตั้งแต่มีคำสั่งถอดออกจากปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดของประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้วถึง 2 ครั้ง เนื่องจากมีรายงานเกี่ยวกับการใช้ละเมิดและใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ ซึ่งประธานาธิบดีได้สั่งให้กลับเข้าร่วมภารกิจอีกครั้งเนื่องจากขาดแคลนบุคลากร 

    นายดูแตร์เตกล่าวเตือนว่า จะกำจัดพวกเขาหากยังมีการกระทำผิดเกิดขึ้นอยู่เช่นนี้ โดยย้ำเตือนว่า เขามีหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่จะเฝ้าจับตาพฤติกรรมของตำรวจเหล่านี้ไปจนชั่วชีวิต และจะมีคำสั่งฆ่าทันทีที่พวกเขาทำความผิดแม้เพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังส่งข้อความไปถึงครอบครัวของบรรดาตำรวจ ว่าเมื่อใดที่เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น จงอย่าได้มาคร่ำครวญถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน เพราะเขาได้เตือนไปแล้ว

    นับแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อกลางปี 2559 สงครามกวาดล้างยาเสพติดคือหนึ่งในนโยบายหลักของประธานาธิบดีดูแตร์เต ซึ่งมีรายงานว่าผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดกว่า 4,500 คน ถูกสังหารในการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ก่อให้เกิดบรรยากาศแห่งความไม่ปลอดภัย ไม่เพียงจากกลุ่มคนร้าย แต่ยังมาจากการใช้อำนาจอย่างล้นเหลือของเจ้าหน้าที่ด้วย โดยดูแตร์เตประกาศชัดเจนว่าจะเดินหน้านโยบายนี้ต่อไปจนถึงวันสุดท้ายแห่งความเป็นผู้นำของเขาซึ่งมีวาระ 6 ปี โดยไม่สนคำติติงและประท้วงจากทั้งชาติตะวันตกและกลุ่มสิทธิมนุษยชน