ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “พบแล้ว 13 ชีวิตทีมหมูป่าติดถ้ำหลวงหาวิธีพาออก-สลด อดีตซีลเสียชีวิตขณะช่วยเหลือ” และ “ประหารเจ้าลัทธิโอมชินริเกียว พร้อม 6 สาวก”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “พบแล้ว 13 ชีวิตทีมหมูป่าติดถ้ำหลวงหาวิธีพาออก-สลด อดีตซีลเสียชีวิตขณะช่วยเหลือ” และ “ประหารเจ้าลัทธิโอมชินริเกียว พร้อม 6 สาวก”

7 กรกฎาคม 2018


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 30 มิ.ย. – 6 ก.ค. 2561

  • พบแล้ว 13 ชีวิตทีมหมูป่าติดถ้ำหลวงหาวิธีพาออก-สลด อดีตซีลเสียชีวิตขณะช่วยเหลือ
  • บีทีเอสเคาะชดเชย “คืนเงิน-เพิ่มเที่ยว” เพิ่มมาตรการดูแลเผื่อขัดข้องอีก
  • เครื่องบินกองทัพบกตก ตาย 3 เจ็บ 1
  • พณ. เปิดทาง โชห่วยรับบัตรสวัสดิการได้
  • ประหารเจ้าลัทธิโอมชินริเกียว พร้อม 6 สาวก
  • พบแล้ว 13 ชีวิตทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง-จ่อหาวิธีพาออก-สลด อดีตซีลเสียชีวิตขณะช่วยเหลือ


    วินาทีเจอทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 ชีวิต
    ที่มา : ช่องยูทูบ เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร (https://www.youtube.com/watch?v=f89dSnwL8Vw)

    หลังจากนักฟุตบอลเด็กทีมหมูป่าอะดาเดมี จ.เชียงราย อายุตั้งแต่ 11-16 ปี 12 คน และโค้ชอายุ 25 ปี 1 คน หายตัวไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2561 และทางเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งของไทยและจากทั่วโลกไกด้ร่วมกันปฏิบัติการค้นหาเป็นเวลานานกว่า 10 วัน ในที่สุด ในช่วงเวลาห้าทุ่มของวันที่ 2 ก.ค. 2561 นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เปิดเผยว่า ทีมกู้ภัยค้นพบทั้ง 13 ชีวิตแล้ว โดยจุดที่เจอนั้นอยู่เลยจากพื้นที่ “พัทยาบีช” ภายในถ้ำไป 400 เมตร

    อนึ่ง ผู้ที่พบทั้ง 13 ชีวิตนั้นคือ ริชาร์ด สแตนตัน และจอห์น โวลันเทน ซึ่งการพบโค้ชและเด็กๆ ของทีมหมูป่าอะคาเดมีที่ติดอยู่ในถ้ำนั้นเป็นไปโดยบังเอิญ เนื่องจากหน้าที่หลักของสแตนตันและโวลันเทนนั้นไม่ใช่การค้นหา แต่เป็นการลำเลียงเชือกเข้าไปปักในถ้ำเพื่อเป็นการนำทางให้แก่หน่วยที่ทำหน้าที่ค้นหา ซึ่งในขณะนั้น เชือกที่โวลันเทนนำมาหมดพอดี เขาจึงเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำแล้วพบกับทั้ง 13 ชีวิตที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ โวลันเทนบอกว่า หากเชือกที่เขานำมาสั้นหรือยาวกว่านั้นไป 15 ฟุต เขาก็คงจะขึ้นเหนือน้ำในจุดอื่น และคงไม่ได้พบกับทุกคนอย่างแน่นอน

    [ดูเบน เรย์เมนันต์ส นักดำน้ำชาวเบลเยียม ให้สัมภาษณ์รายการนิวส์ไนท์ของบีบีซีเมื่อคืนวันที่ 2 ก.ค. ถึงแผนการนำทั้ง 13 ชีวิตออกจากในถ้ำ ที่มา : เว็บไซต์บีบีซีไทย https://www.bbc.com/thai/international-44697907]

    อย่างไรก็ดี แม้โดยรวมแล้วทั้ง 13 ชีวิตจะยังมีกำลังใจที่ดี แต่ตัวนายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก และเด็กอีกสองคนยังมีสภาพอิดโรย แม้ทางทีมกู้ภัยจะให้รับประทานพาวเวอร์เจลซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานอย่างรวดเร็วแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นนัก และยิ่งไปกว่านั้น การจะพาทั้ง 13 ชีวิตออกมาจากถ้ำก็ยังเป็นเรื่องยาก เนื่องจากระดับน้ำในถ้ำยังลดลงไม่มากเพียงพอ และหากจะรอให้ระดับน้ำลดลงเพียงพอก็อาจต้องใช้เวลา 3-4 เดือน นอกจากนี้ หากจะพาดำน้ำออกมา ในความเห็นชองผู้เชี่ยวชาญนั้น การจะฝึกฝนให้ทั้ง 13 ชีวิตดำน้ำแล้วพากันดำน้ำออกมาเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะปรกติการดำน้ำในถ้ำก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์อย่างสูงอยู่แล้ว

    ดังนั้น แม้จะพบแล้ว แต่ภารกิจในการลำเลียงออกมาก็ยังคงดำเนินต่อไป

    อนึ่ง ล่าสุด จ.อ. สมาน กุนัน นักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ ซึ่งอาสามาร่วมทำภารกิจช่วยเหลือ ได้หมดสติขณะกำลังดำน้ำและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

    บีทีเอสชดเชย “คืนเงิน-เพิ่มเที่ยว” เพิ่มมาตรการดูแลเผื่อขัดข้องอีก

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เนชั่นทีวี (http://www.nationtv.tv/main/content/378638618/)

    เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 กรกฎาคม 2561 นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยมาตรการดูแลผู้โดยสารกรณีรถไฟฟ้าขัดข้อง โดยระบุว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มมาตรการในกรณีมีการประกาศเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องทำให้เกิดความล่าช้าเกิน 30 นาที ซึ่งไม่ได้เกิดจากเหตุสุดวิสัย โดยผู้ใช้บัตรโดยสารประเภทตั๋วเที่ยวเดียว (Single Journey Ticket) สามารถนำบัตรโดยสารมาขอคืนเงินค่าโดยสารได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วภายในวันเดียวกัน หรือขอรับบัตรโดยสารกลับไป โดยสามารถนำมาใช้เดินทางได้ภายใน 14 วันนับจากวันที่ออกบัตร

    ส่วนกรณีที่เป็นบัตรโดยสารประเภทเติมเงิน สำหรับบุคคลทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษา หรือผู้สูงอายุ (Rabbit Card) บัตรโดยสารจะไม่ถูกตัดเงินค่าโดยสารในกรณีที่เกิดความล่าช้า โดยผู้โดยสารจะต้องออกประตูที่เจ้าหน้าที่สถานีกำหนด สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารบีทีเอสประเภทเที่ยวเดินทาง 30 วัน สำหรับบุคคลทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษา (30-day Pass) บัตรโดยสารจะไม่ถูกตัดเที่ยวเดินทาง โดยผู้โดยสารจะต้องออกประตูที่เจ้าหน้าที่สถานีกำหนด และจะเพิ่มเที่ยวเดินทางพิเศษให้จำนวน 2 เที่ยวต่อวันที่เกิดความล่าช้า

    สำหรับมาตรการคืนค่าโดยสารให้กับผู้ใช้บริการกรณีเกิดความล่าช้าเมื่อวันที่ 25-27 มิถุนายน 2561 บีทีเอสกำหนดให้ผู้ใช้บัตรโดยสารประเภทตั๋วเที่ยวเดียวสามารถนำกลับมาใช้ได้ภายใน 14 วัน แต่หากไม่ต้องการเดินทางสามารถขอคืนเงินได้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 สำหรับบัตรโดยสารประเภทแบบเติมเงิน สำหรับบุคคลทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษา หรือผู้สูงอายุ (Rabbit Card) ผู้ใช้บัตรในช่วงที่มีความล่าช้า สามารถมาขอรับเที่ยวเดินทางพิเศษ จำนวน 3 เที่ยว

    และสำหรับผู้ถือบัตรโดยสารประเภทเที่ยวเดินทาง 30 วัน สำหรับบุคคลทั่วไป หรือนักเรียน นักศึกษา (30-day Pass) ที่มีเที่ยวเดินทางคงเหลือในช่วงที่เกิดความล่าช้า สามารถมาขอรับเที่ยวเดินทางพิเศษ จำนวน 6 เที่ยว โดยผู้โดยสารสามารถนำบัตรโดยสารมาติดต่อขอรับการเติมเที่ยวเดินทางพิเศษได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารสถานีบีทีเอสทุกสถานี ตั้งแต่ วันที่ 7-31 กรกฎาคม 2561 และสามารถใช้เดินทางได้ภายใน 45 วันนับจากวันที่มาเติมเที่ยวพิเศษ และจะมีอายุการใช้งานอีก 30 วันนับจากการใช้เที่ยวพิเศษเดินทางครั้งแรก

    และในโอกาสนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดช่องทางใหม่ในการแจ้งข้อมูลการให้บริการโดยจะมี Application ในชื่อ BTS SkyTrain ให้ดาวน์โหลดทั้งใน Apple App Store และ Google Play Store ซึ่งบริษัทฯ จัดทำขึ้นโดยมีจุดเด่นที่สุดอยู่ที่การแจ้งเหตุการณ์รถไฟฟ้าขัดข้อง และการแจ้งความหนาแน่นของแต่ละสถานีแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับทราบข้อมูลก่อนใช้บริการ โดยคาดว่าแอพลิเคชันนี้จะพร้อมใช้งานในวันที่ 1 สิงหาคม 2561

    เครื่องบินกองทัพบกตก ตาย 3 เจ็บ 1

    ที่มาภาพ : เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://www.dailynews.co.th/politics/653276)

    วันที่ 5 ก.ค. 2561 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่ามีเครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพบกขาดการติดต่อจากหอบังคับการบิน โดยเหตุเกิดที่บริเวณเขตใต้บ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน  มีนักบินจำนวน 2 นาย คือ ร.ท. ณฤพล พุกทอง และร.ท.วโรจน์ แปลงกระโทก พร้อมผู้โดยสาร จำนวน 2 นาย คือ ร.ท. เขมราช ดวงแก้ว และ จ.ส.อ. นัฐชนันท์ เขื่อนแก้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ทหาร จากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 (ฉก.ร.17) เดินเท้าเข้าไปค้นหา

    ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุดพบว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 นาย และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย โดย ร.ท. ณฤพล พุกทอง นักบินสังกัด พัน บ.21 และ ร.ท. วโรจน์ แปลงกระโทก นักบินสังกัด พัน บ.21 ซึ่งเป็นนักบินเสียชีวิตทั้งคู่ ส่วนผู้โดยสาร จำนวน 2 นายนั้น พบว่าเสียชีวิต 1 นาย คือ ร.ท. เขมราช ดวงแก้ว ตำแหน่ง ผบ.มว.ปล.ที่ 1 ร้อย.ร.1743 ฉก.ร.17 ฐานฯ ห้วยผึ้ง  ส่วน จ.ส.อ. นัฐชนันท์ เขื่อนแก้ว  ตำแหน่ง ส.ส่งกำลัง ร้อย.ร.1743 ฉก.ร.17 ฐานฯกุงไม้สัก ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลถูกไหม้บริเวณลำตัว แต่ก็รู้สึกตัวดีสามารถพูดคุย และได้มีการนำตัวส่งโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ก่อนเกิดอุบัติเหตุทุกคน ได้ร่วมกันปฏิบัติการลาดตระเวนทางอากาศตามวงรอบปกติ ก่อนที่จะขาดการติดต่อกับหอบังคับการบิน จ.แม่ฮ่องสอน

    พณ. เปิดทาง โชห่วยรับบัตรสวัสดิการได้

    ที่มาภาพ : เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/finance/news-184701)

    วันที่ 4 ก.ค. 2561 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่ากระทรวงพาณิชย์ได้เริ่มเปิดให้ร้านค้าขนาดเล็กตามหมู่บ้าน หรือในตลาดสด สามารถรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการชำระค่าสินค้าได้ ซึ่งจะกำหนดประเภทสินค้าเน้นเฉพาะสินค้าที่เป็นปัจจัย 4 เช่น อาหาร ที่อาจจะเป็นของสด หรือเป็นกับข้าวถุงก็ได้ รวมทั้งเสื้อผ้า ยารักษาโรค ฯลฯ จากเดิมที่ต้องเป็นร้านธงฟ้าที่ติดตั้งเครื่อง EDC เท่านั้น โดยจะให้สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมรับบัตรมาใช้ได้ ซึ่งจะเหมาะกับร้านค้าที่มียอดขายไม่มาก ที่ไม่คุ้มค่าที่จะติดตั้งเครื่อง EDC

    “ก่อนนี้บ่นกันมากว่า ร้านเล็กๆ ตามหมู่บ้านขายของไม่ได้ เพราะคนไปซื้อแต่ร้านธงฟ้า ดังนั้นตอนนี้เราจึงให้ร้านเหล่านั้นสามารถรับบัตรได้ โดยให้ร้านเหล่านี้ใช้สมาร์ทโฟนแทน EDC ได้ ซึ่งร้านที่จะร่วมต้องไปสมัครกับทางกระทรวงพาณิชย์ เมื่อกระทรวงพาณิชย์ให้เข้าร่วมได้ ก็จะสามารถไปโหลดโปรแกรมรับบัตรกับธนาคารกรุงไทยได้” นายอภิศักดิ์กล่าว

    ทั้งนี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วมโครงการประมาณ 2 แสนราย สำหรับวงเงินที่เติมในบัตรสวัสดิการนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า จะยังคงเป็นไปตามเดิม ไม่ได้มีการเกลี่ยวงเงินแต่อย่างใด

    ประหารเจ้าลัทธิโอมชินริเกียว พร้อม 6 สาวก

    ที่มาภาพ : เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ (https://www.thairath.co.th/content/1328706)

    เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า วันที่ 6 ก.ค.61 2561 สื่อญี่ปุ่น และสำนักข่าวต่างประเทศรายงานครึกโครมไปทั่วโลก ทางการญี่ปุ่นดำเนินการประหารชีวิต นายโชโก อาซาฮาระ อดีตเจ้าลัทธิ หัวหน้ากลุ่มโอมชินริเกียว ที่เคยลือลั่นในอดีต และอดีตสมาชิกของกลุ่มโอมชินริเกียว อีก 6 คน ด้วยการแขวนคอแล้ว เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 6 ก.ค. 2561 หลังจากนักโทษประหารทั้ง 7 ถูกตัดสินกระทำความผิดในคดีก่อเหตุโจมตีสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวด้วยก๊าซพิษซาริน ในปี 2538 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ บาดเจ็บอย่างน้อย 5,800 ราย

    เว็บไซต์ NHK รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ยืนยัน นายอาซาฮาระ อดีตหัวหน้ากลุ่มโอมชินริเกียว วัย 63 ปีถูกประหารชีวิตแล้ว ส่วนอดีตสมาชิกกลุ่มโอมชินริเกียวอีกคน 6 รายที่ถูกแขวนคอประหารชีวิตได้แก่ นายคิโยฮิเดะ ฮายาคาวะ อายุ 68 ปี, นายโยชิฮิโร อิโนอูเอะ วัย 48 ปี, นายโทโมมิสึ นิอิมิ อายุ 54 ปี, นายมาซามิ ทสึชิยะ อายุ 53 ปี, นายโทโมมาสะ นากางาวะ อายุ 55ปี และนายเซอิจิ เอนโดะ อายุ 58 ปี

    บีบีซีระบุว่า การประหารชีวิตนักโทษอดีตเจ้าลัทธิและสมาชิกกลุ่มโอมชินริเกียว ทั้ง 7 ราย เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 6 ก.ค. 2561 หลังจากการประหารชีวิตได้ถูกเลื่อนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งกระบวนการยุติธรรมยุติลง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ ลัทธิโอมชินริเกียว ก่อตั้งโดยนายโชโก อาซาฮาระ หรือชื่อจริง มัตซึโม ชิซูโอะ เมื่อปี พ.ศ. 2530 และมีสาวกนับหมื่นคนทั้งในญี่ปุ่นและรัสเซีย โดยมีการสอนให้ใช้การฝึกจิต การเข้าสมาธิและโยคะ เพื่อให้รู้แจ้ง ขณะที่นายโชโก อาซาฮาระ อดีตเจ้าลัทธิ ยังมีความเชื่อเรื่องโลกาวินาศ กระทั่ง ลัทธิโอมชินริเกียว เป็นที่รู้จักของชาวโลก หลังจากถูกกล่าวหาเป็นตัวการปล่อยแก๊สพิษซาริน โจมตีสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538 ตาย 13 ศพ เจ็บเกือบ 6,000 คน