ThaiPublica > เกาะกระแส > กลุ่มเทสโก้ เซ็น MOU กับกระทรวงพาณิชย์ หนุนสินค้าเกษตร-เอสเอ็มอีไทย เชื่อมค้าปลีกระดับโลก

กลุ่มเทสโก้ เซ็น MOU กับกระทรวงพาณิชย์ หนุนสินค้าเกษตร-เอสเอ็มอีไทย เชื่อมค้าปลีกระดับโลก

26 มิถุนายน 2018


นางอลิสัน ฮอร์เนอร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเทสโก้ประจำทวีปเอเชีย ร่วมลงนาม MOU กับ นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาร่วมงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในการตกลงร่วมมือพัฒนาสินค้าประเภทอาหารจากผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของไทยจากเกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอี บูรณาการกระบวนการสร้างคุณค่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของเศรษฐกิจไทย โดยภายใต้ข้อตกลงนี้ กลุ่มเทสโก้จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตโดยให้ราคาที่เป็นธรรมและยั่งยืนต่อผู้ผลิต สินค้าที่พัฒนาขึ้นจะนำมาจำหน่ายภายในประเทศไทย และกลุ่มสินค้าที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก จะได้รับการสนับสนุนเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหราชอาณาจักร ในอนาคต

ด้านนางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ล่าสุดทาง เทสโก้ โลตัส ได้เน้นการพัฒนาเกษตรกรและเอสเอ็มอีไทยอย่างยั่งยืนนับตั้งแต่ปี 2553 ด้วยการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรในประเทศไทยโดยไม่ผ่านคนกลาง โดยวางแผนรับซื้อผลผลิตล่วงหน้าร่วมกัน จนในปี 2560 ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้รับซื้อผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์โดยตรงจากเกษตรกรเป็นปริมาณรวมมากกว่า 200,000 ตัน สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มเทสโก้ในสหราชอาณาจักรและร้านค้าเครือข่ายอีก 10 ประเทศในยุโรปและเอเชีย ที่มีความมุ่งสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า เพื่อนพนักงาน ชุมชน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมท้องถิ่น จนนำมาซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มเทสโก้

“เป็นการตกลงร่วมมือในการพัฒนาสินค้าประเภทอาหาร จากผลิตผลทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นเกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอีไทย โดยการบูรณาการกระบวนการสร้างคุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผลักดันให้เกิดการพัฒนาเกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนจากการค้าขายกับกลุ่มเทสโก้ ในขณะที่ผู้บริโภคและประชาชนก็จะสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้”

ทั้งนี้ ข้อตกลงในการพัฒนาผลผลิตจากเกษตรกรและเอสเอ็มอีไทยสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและโอกาสส่งออกไปสู่ตลาดสหราชอาณาจักร และเครือข่ายกลุ่มเทสโก้ 10 ประเทศ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจของกลุ่มเทสโก้ในประเทศไทย จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรคุณภาพสูงโดยตรงจากเกษตรกร และ/หรือธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต และให้ราคาที่เป็นธรรมต่อผู้ผลิต
  • กลุ่มเทสโก้ จะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีจริยธรรมเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและธำรงไว้ซึ่งมาตรฐาน
  • กลุ่มเทสโก้ จะใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากล
  • ธุรกิจของกลุ่มเทสโก้ในประเทศไทย จะใช้ “ศูนย์นวัตกรรม” (Innovation Centre) ซึ่งตั้งขึ้นตามแนวคิดเดียวกันกับศูนย์นวัตกรรมในสหราชอาณาจักร เพื่อพัฒนาสินค้าประเภทอาหารของไทย ให้มีคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง
  • สินค้าที่พัฒนาขึ้นจะนำมาจำหน่ายภายในประเทศไทย และกลุ่มสินค้าที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก จะได้รับการสนับสนุนเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหราชอาณาจักร ในอนาคต
  • ร้านค้าของกลุ่มเทสโก้ในทวีปเอเชีย ยุโรป และสหราชอาณาจักร จะให้การสนับสนุนพื้นที่จำหน่ายสินค้าและจัดกิจกรรมสนับสนุนการขาย สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารของไทยที่ได้รับการพัฒนาร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและทีมงานของเทสโก้

สอดคล้องอย่างยิ่งกับ การผลักดันยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” ของกระทรวงพาณิชย์ ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งการลงนามข้อตกลงดังกล่าวเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในการเชื่อมโยงศักยภาพของกลุ่มเทสโก้กับการพัฒนาสินค้าเกษตรและเอสเอ็มอีไทย และการขยายตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคใน 10 ประเทศ ทั้งในยุโรปและเอเชีย

ที่ผ่านมา เทสโก้ โลตัส ได้ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดต่างประเทศมาโดยตลอด โดยส่งสินค้าไทยไปจำหน่ายร้านค้าของเทสโก้ที่ตั้งอยู่ใน 10 ประเทศทั่วโลก เช่น ผลไม้ เนื้อไก่ เนื้อกุ้ง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ เครื่องเขียน ของเล่นเด็ก เป็นต้น โดยในปี 2559 สินค้าไทยที่ส่งออกไปจำหน่ายที่ร้านเทสโก้ในประเทศอังกฤษ มีมูลค่า 7,700 ล้านบาท

ปัจจุบันเทสโก้ โลตัส มีสาขากว่า 1,950 สาขาทั่วประเทศ โดยมีร้านค้า 5 ฟอร์แมตเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า ได้แก่ พลัส มอลล์, เอ็กซ์ตร้า, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, ตลาด และ เอ็กซ์เพรส โดยให้บริการลูกค้ามากกว่า 15 ล้านคนในแต่ละสัปดาห์ รวมทั้งช่องทางจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มดิจิทัล 2 ช่องทางหลัก คือ เทสโก้ โลตัส ช้อป ออนไลน์ ซึ่งมีสินค้ามากกว่า 20,000 รายการ รวมถึงอาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภค และร้านค้าของเทสโก้ โลตัส บนเว็บไซต์ลาซาด้า ซึ่งมีสินค้ามากกว่า 12,000 รายการ เช่น ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม