ThaiPublica > เกาะกระแส > กรมศุลฯ จับมือกรมโรงงาน X-Ray ตู้คอนเทนเนอร์ ขน“ขยะอิเล็กทรอนิกส์” 5 เดือนกว่า 2.6 แสนตัน

กรมศุลฯ จับมือกรมโรงงาน X-Ray ตู้คอนเทนเนอร์ ขน“ขยะอิเล็กทรอนิกส์” 5 เดือนกว่า 2.6 แสนตัน

13 มิถุนายน 2018


เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมผู้บริหารระดับสูงกรมศุลกากร แถลงข่าวสถานการณ์และมาตรการการนำเข้า-ส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก ณ ศูนย์แถลงข่าวกรมศุลกากร ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2561 นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกรมศุลกากร แถลงข่าวสถานการณ์และมาตรการการนำเข้า-ส่งออกขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก ว่า จากข้อมูลสถิติตามใบขนที่มีการขออนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรณีนำเข้าเศษพลาสติก ตามพิกัด 3915 พบว่า ในปี 2560 มีปริมาณการนำเข้า 145,764.98 ตัน เฉพาะในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2561 มีปริมาณการนำเข้า 212,051.72 ตัน ส่วนสถิติการนำเข้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ ตามพิกัด 84 และ 85 พบว่า ในปี 2560 มีปริมาณการนำเข้า 64,436.71 ตัน และในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2561 มีปริมาณการนำเข้า 52,221.46 ตัน

นายชัยยุทธกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าของเสียอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้อนุสัญญาบาเซลในช่วงปี 2557-2560 พบว่ามีปริมาณนำเข้าเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากในปี 2560 ประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าขยะ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2561 จึงทำให้มีสัดส่วนการนำเข้าและมีการจับกุมการกระทำความผิดในปริมาณมากที่สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง (สทบ.), สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ (สทก.), สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ (สกท.) และสำนักงานตรวจสินค้าลาดกระบัง (สสล.) ตามลำดับ ซึ่งสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมกรรม ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม

นายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และนายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมคณะ ได้ประชุมหารือการทำงานร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นปัญหาการนำเข้า-ส่งออกเศษอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

    1. จัดทำฐานข้อมูลร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม (big data) เพื่อทำการแลกเปลี่ยนข้อมูล และนำมาวิเคราะห์บริหารความเสี่ยง (risk management)

    2. กรมศุลกากรจะนำระบบควบคุมทางศุลกากร โดยใช้ระบบเอกซเรย์ (x-ray) เข้ามาตรวจสอบตู้สินค้าทุกตู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะทำงานร่วมกัน โดยจะทำการเปิดตรวจตู้สินค้าดังกล่าว หากท่าเรือมีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกในปริมาณมาก กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำ ณ ท่าหรือดังกล่าว (contact person/contact point) เช่น สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง, สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ, สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าลาดกระบัง

    3. เมื่อพบการกระทำความผิดจะทำการผลักดันสินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกออกไป และให้ผู้นำเข้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

    4. ทำการตรวจสอบย้อนกลับ (traceability) สำหรับบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตในการนำเข้า เมื่อผ่านพิธีการศุลกากรตรวจปล่อยของออกจากอารักขาของศุลกากรแล้ว กรมศุลกากรจะทำการแจ้งไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมให้ไปทำการตรวจสอบ ณ โรงงานต่อไป

    5. ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในประเด็นข้อกฎหมาย เพื่อกำหนดมาตรการอุดช่องโหว่ในการนำเข้า, นำส่ง, นำผ่านไปยังปลายทาง และกำหนดมาตรการเพิ่มโทษในกรณีที่มีการกระทำความผิด

    6. กรณีบริษัทกระทำความผิด ทางกรมศุลกากรจะส่งข้อมูลให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อยกเลิกใบอนุญาตต่อไป

นอกจากเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์แล้ว นายกรีชายังได้แถลงถึงผลการปราบปรามสินค้าเกษตรประเภทกระเทียมในปีงบประมาณ 2561 ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีการกำหนดสินค้ากระเทียมเป็นสินค้าควบคุมในปี 2561 โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้ออกประกาศควบคุมการขนย้ายกระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศปี 2561 ตั้งแต่ 400 กก. ขึ้นไปโดยทางบกหรือทางทะเลเข้าหรือออกจากจังหวัดที่กำหนด 52 จังหวัด ต้องขออนุญาตขนย้าย และให้มีการแจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ และจัดทำบัญชีคุมสินค้ากระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศในปี 2561 โดยคณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาด กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง มอบหมายให้กรมศุลกากรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขันและให้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ และปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้ากระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ซึ่งกรมศุลกากรได้ดำเนินการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้ากระเทียมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม 2561 ได้จับกุมผู้กระทำผิด 56 ราย ยึดกระเทียมเป็นของกลางน้ำหนัก 118,315 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 4,151,218 บาท

ส่วนกรณีที่มีการโฆษณาขายสินค้าแบรนด์เนมบนโลกออนไลน์ รวมทั้งแอบอ้างด้วยการนำภาพของผู้บริหารกรมศุลกากรหรือภาพเหตุการณ์การจับกุมำมาใช้เพื่อการโฆษณาสินค้าเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือนั้น นายชัยยุทธชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการแอบอ้างหลอกลวงโดยมิจฉาชีพ ทำให้เกิดความเสียต่อประชาชนและกรมศุลกากร ซึ่งกรมศุลกากรจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดต่อไป ทั้งนี้ กรมศุลกากรขอยืนยันว่าการจำหน่ายสินค้าของกลางกรมศุลกากรโดยวิธีที่ถูกต้องจะเป็นการลงประกาศขายทอดตลาดอย่างเป็นทางการเพียงวิธีเดียว และจะรับชำระเงิน ณ ที่ทำการศุลกากรโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรเท่านั้น หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจเกี่ยวกับการดำเนินการใดๆ ทางศุลกากร สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Customs Call Center 1164 หรือ e-mail: [email protected]/

นอกจากนี้ กรมศุลกากรได้จัดทำ “โครงการพันธมิตรศุลกากร” (Customs Alliances) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางในการสื่อสารระหว่างภาคเอกชนกับกรมศุลกากร ในการให้คำแนะนำติดต่อประสานงาน แก้ไขปัญหาและสร้างความชัดเจน ลดข้อโต้แย้งที่จะเกิดขึ้นในด้านต่างๆ ทั้งปัญหาเชิงนโยบายและปัญหาหน้างานปกติ เช่น พิธีการศุลกากร พิกัดอัตราศุลกากร ราคา ถิ่นกำเนิด กฎหมายศุลกากร สิทธิประโยชน์ และปัญหาอื่นๆ โดยมอบหมายเจ้าหน้าที่ศุลกากรจากส่วนกลาง (account officer center: AOC) ทำหน้าที่ติดต่อประสานกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทุกพื้นที่ (account officer expert) แก้ปัญหาและให้คำปรึกษาอย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ประหยัดเวลา และลดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินพิธีการทางศุลกากร ซึ่งกรมศุลกากรได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับปีงบประมาณ 2561 นี้ กรมศุลกากรจะยังคงดำเนินการโครงการพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ได้เปิดรับสมาชิกใหม่ในระยะที่ 2 แล้ว ซึ่งจะปิดรับสมัครในวันที่ 15 มิถุนายน 2561 และจะประกาศรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้เป็นสมาชิกพันธมิตรศุลกากร ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 นี้ สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิกโครงการพันธมิตรศุลกากร สามารถสมัครด้วยตนเองที่โครงการพันธมิตรศุลกากรสมัครสมาชิก