เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ เป็นประธานการประชุม เพื่อมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากร ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาคีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพมหานคร พร้อมกับถ่ายทอดสดผ่านระบบ Telepresence ให้ข้าราชการของกรมสรรพากรกว่า 20,000 คน ได้รับฟังพร้อมกัน
ดร.เอกนิติ กล่าวว่า ขณะนี้กรมสรรพากรมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล และตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำงานของกรมสรรพากรทุกกระบวนการ หรือ ที่เรียกว่า “Digital Transformation” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษี ควบคู่ไปกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้เสียภาษี เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการเป็น “กรมสรรพากรดิจิทัล” หรือ “Digital RD” ภายในปี 2563 ได้แก่ การยื่นแบบแสดงรายการในระบบ Digital เช่น การนำระบบ e-filing มาใช้ยื่นแบบแสดงรายการในระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งนำระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt มาใช้ในการออกใบกำกับภาษี หรือ ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ตามนโยบายของรัฐบาล
“สำหรับเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีในปี 2561 นั้น ตามเอกสารงบประมาณ กำหนดให้กรมสรรพากรต้องเก็บภาษีให้รัฐบาลในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.9 ล้านล้านบาท แต่จากการประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังล่าสุด ก็ได้กำหนดเป้าหมายการจัดเก็บภาษีใหม่อยู่ที่ 1.86 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิม 40,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ส่วนในปีงบประมาณ 2562 กำหนดเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีไว้ที่ 2 ล้านล้านบาท” ดร.เอกนิติ กล่าว
นอกจากนี้ดร.เอกนิติ ได้มอบนโยบายที่จะนำระบบวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analytics มาใช้บริหารจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรทุกด้าน อาทิ การประมาณการรายได้ การวิเคราะห์และติดตามผลการจัดเก็บภาษี , บริหารความเสี่ยง และตรวจสอบภาษี เช่น การนำระบบคัดเลือกผู้เสียภาษี เพื่อกำกับ และตรวจสอบ (Risk Base Audit System) ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบ และส่งเสริมให้ข้าราชการกรมสรรพากรทุกคนมีความรู้ และทักษะทางด้านดิจิทัล รวมทั้งมุ่งเน้นการพัฒนากฎหมายและกระบวนการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ทั้งนี้ เพื่อทำให้ระบบภาษีมีความชัดเจน แน่นอนและสะดวก ไม่ก่อให้เกิดต้นทุนแก่ผู้เสียภาษี ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำระหว่างประเทศ เช่น OECD เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และข้อมูลภาษีอากร
อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวย้ำว่า ขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรทุกคน ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยินดีให้บริการแก่ผู้เสียภาษีตามวิสัยทัศน์ของกรมสรรพากร ตลอดจนสานต่อการดำเนินงานตามนโยบายเดิม ที่มุ่งเน้นการแนะนำให้ผู้เสียภาษีทุกรายเสียภาษีอย่างถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนการมีมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
