ThaiPublica > คอลัมน์ > หมดเวลา “นาจิบ” เมื่อคอร์รัปชันล้มรัฐบาลอัมโน (ตอนจบ)

หมดเวลา “นาจิบ” เมื่อคอร์รัปชันล้มรัฐบาลอัมโน (ตอนจบ)

31 พฤษภาคม 2018


Hesse004

ที่มาภาพ : https://news.sky.com/story/raids-linked-to-malaysias-ex-pm-uncover-21m-cash-and-luxury-hermes-bags-11384896

ต่อจากตอนที่แล้ว

หลังจากที่พรรคอัมโนและนาจิบ ราซัค พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งใหญ่ วิบากกรรมของนาจิบ เรื่องพัวพันการทุจริตกองทุน 1MDB ได้เริ่มไล่ล่าเขาแล้ว

หลังจากที่มหาเธร์ นายกรัฐมนตรีวัย 92 ปี “คัมแบ็ค” ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาเปิดไฟเขียวให้ทั้งตำรวจและอัยการทำคดี 1MDB อย่างเต็มที่ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจมาเลเซียได้ขยายผลการค้นบ้านนาจิบ โดยตำรวจพบว่ามีเงินสดในกระเป๋าจำนวน 35 ใบ ถูกซุกซ่อนอยู่ที่บ้านลูก ๆ นาจิบ มูลค่ามากถึง 29 ล้านดอลลาร์

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นบ้านนาจิบตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะอายัดทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดของครอบครัวนาจิบ โดยเฉพาะกระเป๋าหรูที่เป็นของนางรอสมาห์ มันเซอร์ (Datin Seri Rosmah Mansor) อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ที่วันนี้หล่อนกำลังจะกลายเป็น “จำเลยสังคม” เช่นเดียวกับนางอิเมลดา มาร์กอส (Imelda Marcos) ภริยาของอดีตประธานาธิบดี “ทรราชย์” เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส (Ferdinand Marcos) ที่ขึ้นชื่อเรื่องสะสมรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมนับพันคู่

…จะว่าไปแล้ว รสนิยมหรูหราในการใช้ชีวิตเช่นนี้ เป็นเรื่องส่วนบุคคล หากผู้ใช้ของหรูเป็นนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐี หรือได้รับมรดกหมื่นล้าน เรื่องรสนิยมราคาแพงคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก

…แต่หากผู้ครอบครองกลับเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แม่ทัพนายกอง นักการเมือง ที่เมื่อคะเนจากรายได้และความสมเหตุสมผลในการหาทรัพย์สินแล้วไม่น่าจะสะสมสิ่งของเหล่านี้ได้นั้น

Rosmah Mansor กำลังจะกลายเป็นจำเลยสังคมกรณีเรื่องพัวพันทุจริตของสามี
ที่มาภาพ : http://oictoday.biz/specialfeature/rosmah
_coverstory.html

…พฤติกรรมเหล่านี้นับเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นว่าที่มาของทรัพย์สินอาจจะผิดปกติ หรือ ร่ำรวยผิดปกติ นั่นเอง

…เว้นแต่ว่า ผู้นำบางคนจะมี “เพื่อนใจดี” ที่ให้ยืมของแบรนด์เนมเหล่านี้

รสนิยมหรูของนางรอสมานห์ มันเซอร์นับว่า “เรียกแขก” ให้สังคมกระหน่ำนาจิบผู้เป็นสามีมากขึ้น นับเป็นภรรยาที่ส่งเสริมสามีจริง ๆ

ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นาจิบ ราซัค ต้องเช้าชี้แจงต่อ Malaysian Anti-Corruption Commission (MACC) หรือ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มาเลเซีย กรณีพัวพันกับเรื่องทุจริตกองทุน 1MDB

เรื่องทุจริตกองทุน 1MDB กลายเป็นเรื่อง “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” ของ MACC ไปแล้ว เพราะ MACC ไม่ได้แสดงบทบาทอะไรมากนักในการจัดการเรื่องนี้ จน MACC ถูกมองว่าเป็นพรรคพวกเดียวกับนาจิบ

MACC ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1967 ในฐานะเป็นหน่วยงานปราบปรามทุจริตภาครัฐ (Anti-Corruption Agency) แต่ไม่ได้แสดงความโดดเด่นเท่าใดนัก จนกระทั่งปี ค.ศ. 2009 รัฐสภาได้ปรับปรุงกฎหมายต่อต้านการทุจริตของมาเลเซียขึ้นใหม่ซึ่งเรียกว่า MACC act 2009 โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ MACC ดำเนินการในรูปคณะกรรมการ เป็นองค์กรสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ให้อิสระในการทำงาน ปราศจากการแทรกแซง (ในเชิงหลักการ) แต่สำหรับการของบประมาณนั้นยังต้องขอผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ดี

ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ MACC ไม่ได้กระตืนรือร้นมากนักกับเรื่อง 1MDB ที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เป็นผู้ถูกกล่าวหา

แม้ในทางหลักการจะอธิบายไว้สวยหรูว่า ผู้ทำสำนวน สืบสวนกรณีทุจริตของ MACC จะต้องฟังเฉพาะประธาน MACC คนเดียว แต่ในทางปฏิบัติก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าผู้ทำงานด้านนี้ไม่สามารถรายงานอะไรได้อย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง ก็เพราะเหตุที่ไม่ได้เป็นอิสระอย่างแท้จริง

ความเป็นอิสระในการทำงานปราบปรามคอร์รัปชัน แม้จะบัญญัติเรื่องดังกล่าวเป็นหลักประกันในทางกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ความเป็นอิสระจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ทำงานนั้นมี “สำนึก” ต่อหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ มีความกล้าหาญมากพอที่จะยึดโยงกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยไม่ได้อิงว่าผู้ถูกร้องเรียนนั้นคือใคร หรืออยู่ในตำแหน่งสูงส่งเพียงใด

แต่หากผู้ทำงานด้านนี้ยังผูกโยงกับผู้มีอำนาจสูงสุดแล้วไซร้ การปราบคอร์รัปชันก็เป็นเพียงแค่ “วาทกรรม” และพิธีการ “ปาหี่” ที่ทำแค่ขอไปที

อย่างไรก็ดี หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ เพียงไม่กี่วัน Dzulkifli Ahma ประธาน MACC หรือ Chief of Commissioner ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เพราะรู้ดีว่าชะตากรรมตัวเองนับจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น

ประธาน MACC คนปัจจุบัน Datuk Seri Mohd Shukri Abdull หรือ Shukri เคยทำหน้าที่สืบสวนเรื่อง 1MDB มาตั้งแต่เริ่มแรก แต่เมื่อความจริงกำลังเตรียมถูกเปิดเผย เขากลับโดนพิษการเมืองเล่นงาน จนทำให้คดีนี้ถูกยุติไป

เมื่อ “ฟ้าเปลี่ยนสี” Dzulkifli Ahma ประธานคนก่อนลาออกไป Shukri ได้รับการสนับสนุนให้กลับมานั่งในตำแหน่งประธาน MACC และเตรียมจัดการกับคดี 1MDB อย่างตรงไปตรงมาอีกครั้ง

แน่นอนว่า การจัดการนาจิบ ราซัค กับกรณีพัวพันการทุจริต 1MDB คงจะรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะคดีนี้ทั้งถูก “ดึงและดอง” อยู่นานหลายปี

Shukri ประธาน MACC คนปัจจุบันที่กำลังเข้ามาสะสางความจริงเรื่อง 1MDB
ที่มาภาพ : https://media.malaymail.com/uploads/articles/2018/2205_macc_shukri_abdull6.JPG

กลับมาที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันมาเลเซียกันบ้าง

ผลสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงาน Global Corruption Barometer ซึ่งจัดทำโดยTransparency International Malaysia (TI-Malaysia) ผลสำรวจนี้ถูกเผยแพร่เมื่อปี 2017 โดย Dato Akhbar Satar ประธาน TI-Malaysia

รายงานฉบับนี้มีข้อมูลน่าสนใจหลายเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่าคนมาเลเซียคิดอย่างไรกับการบริหารงานของพรรคอัมโนภายใต้การนำของนาจิบ ราซัค

ผลการสำรวจ พบว่า

    1.ร้อยละ 60 ของชาวมาเลเซียรู้สึกว่าปัญหาคอร์รัปชันภายในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่ร้อยละ 62 เห็นว่ารัฐบาลอัมโนนั้นแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้แย่มาก
    2.ร้อยละ 41 เห็นว่าบทบาทของ MACC ในการจัดการปัญหาคอร์รัปชันนั้นเข้าข่ายว่าแย่ เป็นเพียงแค่เสือกระดาษและเครื่องมือรับใช้รัฐบาล
    3.ชาวมาเลเซียเห็นว่าองค์กรที่มีปัญหาคอร์รัปชันมากที่สุด คือ ตำรวจ สรรพากร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงเหล่านักการเมือง
    4.เมื่อสอบถามถึงประสบการณ์การจ่ายสินบนของชาวมาเลเซีย พบว่า ร้อยละ 23 เคยจ่ายสินบนเพื่อแลกกับความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเข้าถึงบริการรัฐ มีเพียงร้อยละ 32 ที่แจ้งหน่วยงานรัฐว่าถูกเรียกรับสินบน ซึ่งทำให้คนมาเลเซียส่วนหนึ่งไม่เชื่อมั่นกลไกรัฐว่าพวกเขาจะทำอะไรกับปัญหาคอร์รัปชันได้
    5.อย่างไรก็ดี TI-Malaysia ได้รายงานตัวเลขที่น่าสนใจว่ากว่าร้อยละ 50 ของคนมาเลเซียพร้อมจะเข้าให้การเป็นพยาน หากตัวเองต้องถูกกันไว้เป็นพยานในชั้นศาล โดยมองว่าเป็นการทำหน้าที่ต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันได้ดีที่สุดในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง

ผลสำรวจเบื้องต้นนี้ แสดงให้เห็นว่าชาวมาเลเซียรับรู้ปัญหาคอร์รัปชันดีพอ และพร้อมที่จะใช้ช่องทางต่าง ๆ ที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ซึ่งหนึ่งในช่องทางนั้น คือ การออกมาเลือกตั้งเพื่อแสดงเจตจำนงว่าพวกเขาไม่ต้องการนาจิบ ราซัค… พวกเขาไม่อยากเห็นระบบเก่าที่ถูกปกครองโดยพรรคอัมโนยังเกาะกินทุกองคาพยพในสังคมมาเลเซีย

ท้ายที่สุด ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค. เป็นคำตอบแล้วว่า เหตุผลที่รัฐบาลนาจิบ ราซัคและพรรค อัมโนล้มลงนั้น… ไม่ได้ล้มเพราะ MACC ไม่ได้ล้มเพราะการเดินขบวนประท้วงขับไล่ ไม่ได้ล้มเพราะรัฐประหาร หรือไม่ได้ล้มเพราะตุลาการภิวัตน์ หากแต่ล้มลงเพราะเสียงของประชาชนที่ชิงชังกับปัญหาคอร์รัปชัน