ThaiPublica > เกาะกระแส > EIC วิเคราะห์ขึ้นค่าแรง 2561 เฉลี่ยขั้นต่ำ 315.97 บาท/วัน ปัจจัยบวกหนุนกำลังซื้อท่ามกลางตลาดแรงงานซบเซา

EIC วิเคราะห์ขึ้นค่าแรง 2561 เฉลี่ยขั้นต่ำ 315.97 บาท/วัน ปัจจัยบวกหนุนกำลังซื้อท่ามกลางตลาดแรงงานซบเซา

19 มกราคม 2018


คณะกรรมการค่าจ้างประกาศปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำแยกตามกลุ่มจังหวัด 7 กลุ่ม ตั้งแต่ 5-22 บาท ทำให้ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 315.97 บาทต่อวัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2018 ทั้งนี้ ได้พิจารณาการปรับเพิ่มจากอัตราค่าจ้างเดิมในแต่ละจังหวัด ซึ่งเกณฑ์พิจารณามาจากอัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจรายจังหวัด

EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์เรื่อง “ขึ้นค่าแรง 2018 ปัจจัยบวกหนุนกำลังซื้อท่ามกลางตลาดแรงงานซบเซา” โดยมองว่าค่าจ้างขั้นต่ำปรับขึ้นเฉลี่ยราว 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) หลังจากการปรับในครั้งนี้ กลุ่มจังหวัดที่จะมีค่าจ้างขั้นต่ำสูงที่สุด ได้แก่ ภูเก็ต ชลบุรี และระยอง โดยขยับมาอยู่ที่ 330 บาทต่อวัน ขณะที่กลุ่มจังหวัดที่ค่าจ้างขั้นต่ำน้อยที่สุด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ขยับมาอยู่ที่ 308 บาทต่อวัน สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะถูกปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปอยู่ที่ 325 บาทต่อวัน ทั้งนี้ จะมีแรงงานทั้งสิ้นประมาณ 12% ของจำนวนแรงงานทั้งหมดที่จะได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ โดยจะส่งผลให้ค่าจ้างสำหรับแรงงานกลุ่มดังกล่าวขยับขึ้นราว 3% YOY ถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นที่ใกล้เคียงกับการปรับเพิ่มในครั้งก่อนเมื่อเดือนมกราคม 2560

การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่อยู่ในช่วงของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดยฟิลิปปินส์มีการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเมื่อเดือนตุลาคม 2560 เฉลี่ย 4.5% YOY ทั่วประเทศ ในขณะที่เวียดนามและกัมพูชามีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำต่อเนื่องทุกปี ประมาณ 5% YOY และ 9% YOY ตามลำดับ ขณะที่อีกหลายประเทศก็มีแผนที่จะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในปีนี้ ได้แก่ ลาวและเมียนมาที่กำลังพิจารณาที่จะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เฉลี่ย 33% YOY และ 25% YOY ตามลำดับ

อีไอซีมองว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอาจไม่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของครัวเรือนถ้าการจ้างงานยังซบเซา ค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นในรอบนี้ที่ราว 3% YOY ถือเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อปี 2561 ที่อีไอซีคาดการณ์ที่ 1.1% YOY ทำให้ค่าจ้างที่แท้จริงจะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มกำลังซื้อระดับฐานรากที่น่าจะได้รับประโยชน์โดยตรง

อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของคนกลุ่มนี้ยังมีความเสี่ยงจากสภาวะการจ้างงานที่ซบเซา โดยในปี 2560 แม้ค่าจ้างขั้นต่ำจะถูกปรับเพิ่มขึ้นราว 2% YOY แต่จำนวนการจ้างงานแรงงานกลุ่มนี้กลับลดลง 2.2% โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานที่ทำงานล่วงเวลาและรายได้เฉลี่ยต่อวันลดลง ทำให้กำลังซื้อในภาพรวมไม่ได้เพิ่มขึ้นตามการปรับเพิ่มของค่าจ้าง การขึ้นค่าจ้างในช่วงที่ความต้องการแรงงานลดลงถือเป็นความเสี่ยงเพิ่มเติมต่อตลาดแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัว

สำหรับด้านต้นทุนแรงงานของไทยจะเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แม้ว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะส่งผลให้ต้นทุนด้านแรงงานไทยให้สูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับการปรับเพิ่มค่าจ้างของประเทศในภูมิภาคอาเซียนแล้วถือว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ในทางกลับกัน ช่องว่างระหว่างค่าจ้างขั้นต่ำของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการที่ประเทศต่างๆ มีนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานในอัตราที่สูงกว่า ดังนั้น ต้นทุนด้านแรงงานของไทยที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันมากนัก

อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างขั้นต่ำของแรงงานไทยในปัจจุบันยังคงสูงสุดในภูมิภาคที่ประมาณ 9.5-10 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน หลังการปรับขึ้น ตามมาด้วยฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ที่ 8 และ 7.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ตามลำดับ