ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “‘ประวิตร’ แจงที่มาแหวน-นาฬิกาแล้ว ป.ป.ช. ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน” และ “WHOเตรียมประกาศภาวะติดเกมเป็นอาการป่วย”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์: “‘ประวิตร’ แจงที่มาแหวน-นาฬิกาแล้ว ป.ป.ช. ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน” และ “WHOเตรียมประกาศภาวะติดเกมเป็นอาการป่วย”

30 ธันวาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 23-29 ธ.ค. 2560

  • “ประวิตร” ชี้แจงที่มาแหวน-นาฬิกาแล้ว ป.ป.ช. ยังอุบรายละเอียด ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
  • บิ๊กตู่สั่งทบทวนรถไฟความเร็วสูง จ่อลดความเร็วสายเหนือ หวั่นไม่คุ้ม
  • สรรพากรเล็งออกแอปแจ้งเบาะแสการเสียภาษีไม่ถูกต้อง – พร้อมเพย์ได้คืนภาษีก่อน
  • เจรจาไม่เป็นผล มิตซูฯ “ปิดงาน-งดจ้างเฉพาะข้อเรียกร้อง”
  • องค์การอนามัยโลกเตรียมประกาศ “ภาวะติดเกม” เป็นอาการป่วย
  • “ประวิตร” ชี้แจงที่มาแหวน-นาฬิกาแล้ว ป.ป.ช. ยังอุบรายละเอียด ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

    พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
    ที่มาภาพ : https://social.tvpoolonline.com/

    เว็บไซต์ไทยพับลิก้ารายงานว่า วันที่ 29 ธันวาคม 2560 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่านายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รายงานที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. รับทราบว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ส่งหนังสือชี้แจงกรณีที่มาของนาฬิกาหรูและแหวนเพชรมายัง ป.ป.ช. แล้ว ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของสำนักงาน ป.ป.ช.

    นายวรวิทย์กล่าวว่า พล.อ. ประวิตร ได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2560 ขั้นตอนหลังจากนี้ ป.ป.ช. จะต้องตรวจสอบยืนยันข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม โดยจะเรียกมาชี้แจงในช่วงต้นปี 2561 ทั้งนี้ไม่ขอเปิดเผยคำชี้แจงของ พล.อ. ประวิตร เนื่องจากเป็นรายละเอียดที่เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบ พร้อมทั้งไม่ขอตอบว่า พล.อ. ประวิตร ชี้แจงเฉพาะนาฬิกายี่ห้อริชาร์ด มิลล์ เพียงเรือนเดียวหรือไม่ ส่วนนาฬิกาเรือนอื่นๆ ที่มีข้อสงสัยว่า พล.อ. ประวิตร ไม่ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ถือเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ ป.ป.ช. จะต้องไปตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ โดยจะดูทุกเรื่องที่ปรากฏและไม่ปรากฏในสื่อ เพราะคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน เมื่อได้ผล อย่างไรจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ คาดว่าใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน เนื่องจากไม่ใช่เรื่องซ้ำซ้อน

    ต่อข้อถามที่ว่า คำชี้แจงของ พล.อ. ประวิตร ได้ระบุหรือไม่ว่า นาฬิกาเรือนดังกล่าวเป็นของเพื่อนที่เสียชีวิต นายวรวิทย์กล่าวว่า “อย่าเพิ่งไปคาดเดาอะไรทั้งสิ้น ขอให้เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่”

    เมื่อถามต่อว่า สังคมสงสัยเรื่องสายสัมพันธ์ระหว่างประธาน ป.ป.ช. กับ พล.อ. ประวิตร ที่อาจมีการช่วยเหลือกัน นายวรวิทย์กล่าวว่า “ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของ ป.ป.ช. เพราะมีคำขวัญการทำงานว่า ซื่อสัตย์ เป็นธรรม และมืออาชีพ”

    บิ๊กตู่สั่งทบทวนรถไฟความเร็วสูง จ่อลดความเร็วสายเหนือ หวั่นไม่คุ้ม

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=93074)

    เป้าหมายการสร้างรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยนั้นมีอยู่ 4 สาย คือ 1. สายเหนือ (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) 2. สายตะวันออก (กรุงเทพฯ-ระยอง) 3. สายตะวันออกเฉียงเหนือ (กรุงเทพฯ-หนองคาย) 4. สายใต้ (กรุงเทพฯ-ปาดังเบซาร์) ซึ่งในขณะนี้ สายที่ถือว่าเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วอย่างเป็นทางการแล้วคือสายตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเป็นการเริ่มดำเนินงานในระยะที่หนึ่ง คือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางรวม 252.3 กิโลเมตร มีการอนุมัติงบประมาณไว้ที่ 179,412.21 ล้านบาท สายนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและจีน โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมดและดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ขณะที่ฝ่ายจีนรับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดงานโยธา และควบคุมการก่อสร้างงานโยธา ออกแบบและก่อสร้างระบบรถไฟความเร็วสูง ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบควบคุมการเดินรถ (เดิมทีจะกู้เงินจากจีนมาลงทุน)

    ส่วนอีกสายที่มีวี่แววว่าจะตามมาติดๆ คือสายเหนือ เป็นความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น ระะยะทาง 673 กม. วงเงิน 4.2 แสนล้านบาท จากรายงานของโพสต์ทูเดย์ ขณะนี้ญี่ปุ่นได้สรุปรายงานผลการศึกษาระยะที่ 1 กรุงเทพ-พิษณุโลก เสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะทาง 418 กม. มูลค่าการลงทุน 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนเกี่ยวกับงานโยธา อาณัติสัญญาณ ระบบรถ และการบำรุงรักษา หลังจากนี้จะเร่งสรุปแนวทางดำเนินโครงการที่ชัดเจนก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

    ทว่า ล่าสุด จากรายงานของเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2560 นั้น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.สัญจร ให้กระทรวงคมนาคมไปปรับรูปแบบโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ความเร็ว 250-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใหม่ให้เหมาะสม เนื่องจากโครงการนี้ไม่สามารถเชื่อมต่อเส้นทางไปยังจังหวัดอื่นหรือประเทศเพื่อนบ้านได้ จึงอาจไม่คุ้มทุนและไม่คุ้มค่า โดยอาจปรับความเร็วลดลงเป็นความเร็วปานกลางที่ 180-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแทน

    สรรพากรเล็งออกแอปแจ้งเบาะแสการเสียภาษีไม่ถูกต้อง – พร้อมเพย์ได้คืนภาษีก่อน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ (https://www.prachachat.net/?p=92580)

    วันที่ 25 ธ.ค. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป ทางกรมสรรพากรจะทำแอปพลิเคชันให้ประชาชนทั่วไปโหลดไว้ใช้แจ้งเบาะแสการหลบเลี่ยงภาษี เพื่อช่วยให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียมกันในการเสียภาษี เช่น การไปกินอาหารที่ร้านค้าแล้วไม่ยอมออกใบกำกับภาษีให้ เป็นต้น

    นอกจากนี้ ช่วงการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2560 ที่จะต้องยื่นระหว่างเดือน ม.ค.-มี.ค. 2561 ที่จะถึงนี้ กรมสรรพากรยังมีนโยบายให้คืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านพร้อมเพย์ โดยผู้เสียภาษีที่ใช้พร้อมเพย์จะได้รับเงินภาษีคืนเป็นกลุ่มแรก ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้พร้อมเพย์ กรมก็จะคืนให้ตามระเบียบราชการ คือใช้เวลา 30 วัน อย่างไรก็ดี ผู้ที่สมัครพร้อมเพย์ด้วยเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทางกรมสรรพากรขอให้ไปเพิ่มการผูกบัญชีกับหมายเลขบัตรประชาชนด้วย ทั้งนี้ ประเมินว่า จะมีการคืนภาษีผ่านระบบพร้อมเพย์เพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปีก่อนอยู่ที่ 60%

    เจรจาไม่เป็นผล มิตซูฯ “ปิดงาน-งดจ้างเฉพาะข้อเรียกร้อง

    วันที่ 28 ธ.ค. 2560 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ออกประกาศ ขอใช้สิทธิปิดงานงดจ้าง มีนายโนริคาสึ อิชิคาว่า ประธานบริษัทเป็นผู้ลงนาม ระบุรายละเอียดว่า ตามที่บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยื่นข้อเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ประจำปี 2560 ตามหนังสือเลขที่ HR3-287/2560 ลงวันที่ 25 ก.ย. 2560 ต่อสหภาพแรงงานมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ประเทศไทย ซึ่งผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ทำการเจรจาร่วมกันจำนวน 5 ครั้ง แต่ไม่สามารถหาข้อยุติตกลงกันได้ ต่อมา บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอนซูมเมอร์ (ประเทศไทย) ได้แจ้งข้อพิพาทแรงงาน ต่อสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2560 และพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้นัดหมายผู้แทนการเจรจาทั้งสองฝ่าย ทำการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงาน โดยมีการเจรจาไกล่เกลี่ยตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2560 ถึงวันที่ 27 ธ.ค. 2560 รวม 10 ครั้ง แต่ผลการเจรจาทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้

    อาศัยตามอำนาจมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ บริษัทฯ จึงขอใช้สิทธิปิดงานเฉพาะข้อเรียกร้องบริษัทฯ โดยไม่จ้างค่าจ้างและสวัสดิการอื่นใดกับมวลสมาชิกสหภาพแรงงานฯ และผู้เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2560 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าข้อเรียกร้องจะตกลงกันได้ สำหรับลูกจ้างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องให้เข้าทำงานและได้รับค่าจ้างตามปกติ

    ด้านนายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมสมานฉันท์แรงงานไทย กล่าว สาเหตุของการปิดงานงดจ้าง เนื่องจากบริษัทได้ปรับโครงสร้างปรับเงินเดือนใหม่ จากเดิมที่ให้ฐานเงินเดือนเฉลี่ยนเปอร์เซ็นต์ต่อคน เมื่อลูกจ้างบวกลบค่าจ้างพบว่า การปรับโครงสร้างใหม่ ทำให้เงินเดือนลดลงและไม่ได้โบนัส ทำให้ลูกจ้างกว่า 1,800 คน เรียกร้องเพื่อขอเจรจาให้ปรับเปลี่ยนโครงสร้าง โดยการเจรจาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2560 ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่วันนี้ (29 ธ.ค. 2560) ได้มีปิดประกาศปิดงานงดจ้าง ในส่วนของลูกจ้างฝ่ายผลิตชิ้นส่วน อะไหล่ประกอบเครื่องปรับอากาศเพื่อส่งออก

    องค์การอนามัยโลกเตรียมประกาศ “ภาวะติดเกม” เป็นอาการป่วย

    ที่มาภาพ: หน้าเพจเฟซบุ๊ก Workpoint News – ข่าวเวิร์คพอยท์ (http://bit.ly/2pVq1a9)

    หน้าเพจเฟซบุ๊ก Workpoint News – ข่าวเวิร์คพอยท์ รายงานว่า วันที่ 26 ธ.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ภาวะติดเกม’ กำลังจะกลายอาการป่วย เมื่อองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เตรียมบรรจุลงในบัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ (International Classification of Diseases) หรือ ICD ฉบับที่ 11 ที่จะตีพิมพ์ในปีหน้า (2561)

    ภาวะติดเกม ตามความหมายขององค์การอนามัยโลก คือการที่บุคคลผู้นั้นมีปัญหาในการควบคุมตัวเองในการเล่นเกม ทั้งการเล่นวีดีโอ เกมดิจิตอลออนไลน์ และออฟไลน์ จนไม่สามารถเลิกได้ ให้ความสำคัญกับเกมมากกว่ากิจวัตรอื่นๆ หรือสิ่งอื่นๆ จนสร้างความเสียหายให้กับตนเอง หน้าที่การงาน การศึกษาเล่าเรียน รวมถึงครอบครัว และสังคม

    เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกได้แสดงความคิดเห็นโดยเปรียบเทียบเกมกับสุราว่า …ในระยะยาวการติดเกมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้คนได้ แม้คนส่วนใหญ่ที่เล่นเกม จะไม่ได้มีภาวะติดเกม ซึ่งคนที่ดื่มสุราส่วนใหญ่ ก็ไม่ได้มีภาวะติดสุรา แต่ต้องยอมรับว่า ทั้งการเล่นเกมและดื่มเหล้ามากเกินไปนั้น ทำให้เกิดอันตรายได้

    องค์การอนามัยโลกชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ว่า การบรรจุภาวะติดเกมลงในบัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศ ก็เพื่อใช้ในการจัดประเภทอาการเจ็บป่วยตามเกณฑ์ต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการระบุชื่อทางการของภาวะติดเกม รวมถึงหลักเกณฑ์ในการวินิจฉัย