ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตวันที่ 8-14 ก.ค. 2560: “แกนนำสวนยางเตือน ‘บิ๊กตู่’ ผลักมิตรเป็นศัตรู และ “หวั่นเอี่ยวหน่วยข่าวกรองรัสเซีย สหรัฐฯ สั่งห้ามใช้ Kaspersky”

ประเด็นฮอตวันที่ 8-14 ก.ค. 2560: “แกนนำสวนยางเตือน ‘บิ๊กตู่’ ผลักมิตรเป็นศัตรู และ “หวั่นเอี่ยวหน่วยข่าวกรองรัสเซีย สหรัฐฯ สั่งห้ามใช้ Kaspersky”

15 กรกฎาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 8-14 ก.ค. 2560

  • แกนนำสวนยางเตือน “บิ๊กตู่” ผลักมิตรเป็นศัตรู – เป็นผู้ทำลายความสุขของประชาชนเสียเอง
  • น้ำต้องหนา-ฟ้าต้องแน่น “บิ๊กป้อม” ชงซื้อเครื่องบินขับไล่
  • รัฐเปิดเพจตอบข้อข้องใจ-รับฟังเสียงประชาชน
  • กยศ. แจงกรณีหนุ่มร้องโซเชียลจะโดนยึดบ้าน
  • หวั่นเอี่ยวหน่วยข่าวกรองรัสเซีย สหรัฐฯ สั่งหน่วยงานรัฐห้ามใช้ Kaspersky
  • แกนนำสวนยางเตือน “บิ๊กตู่” ผลักมิตรเป็นศัตรู-เป็นผู้ทำลายความสุขของประชาชนเสียเอง

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์มติชนออนไลน์ (https://www.matichon.co.th/?p=599958)

    วันที่ 10 ก.ค. 2560 หน้าเฟซบุ๊ก “เกาะติดชาวสวนยาง” ได้โพสต์ข้อความที่ระบุว่าเป็นของนายสุนทร รักษ์รงค์ เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย(สคยท.) และนายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ มีใจความตอบโต้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวถึงการบุกรุกป่าเพื่อปลูกยางเป็นจำนวนมากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหายางพาราตกต่ำ โดยมีใจความดังนี้

    “ท่านนายกฯ ประยุทธ์ครับ ตอนนี้ที่ราคายางตกต่ำ มันไม่ได้เกี่ยวกับสวนยางในพื้นที่ป่าหรอกครับ อาจมีส่วนบ้างเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นราคายางดิ่งสุดๆ แต่ปัจจุบันการรุกป่าลดลง ซึ่งปกติยางจะถูกโค่นเพื่อปลูกแทนปีละ 400,000 ไร่ แต่ก็เปลี่ยนไปปลูกพืชอย่างอื่นเสียเยอะ เช่น ปาล์ม ทุเรียน และอื่นๆ เกษตรกรบางรายโค่นยางเองเพราะราคาไม่จูงใจ ทำให้พื้นที่สวนยางมีแต่ลดกับลดครับ และผลผลิตยางของไทยก็มีแนวโน้มลดลงทุกปี พ.ศ. 2557 4.57, 2558 4.47, ปี 2559 4.45 ล้านตัน และปี 2560 ก็มีแนวโน้มผลผลิตลดลงอีก แต่การบริโภคยางของโลกไม่ได้ลดลง ปัญหามันอยู่ตรงไหนรัฐบาลต้องหาให้เจอ คนของท่านทำงานได้เรื่องไหม ความสามารถพอหรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ก็ถอยไป ให้คนที่ดีมีความสามารถได้เข้ามาแก้ปัญหาแทน

    ดังนั้นการที่ท่านได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แลัวเอามาพูดต่อแบบผิดๆ เป็นการโยนบาปและความผิดให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม อันเป็นตรรกะที่บิดเบี้ยวและขาดความรับผิดชอบ

    เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง อยากฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยิน เมื่อเชื่อลูกน้องสอพลอที่คอยป้อนข้อมูลเท็จ เมื่อรัฐบาลทหารโง่กว่าและไม่เท่าทันข้าราชการผู้หวงอำนาจและกอบโกย เมื่อขึ้นมามีอำนาจแล้วไปรับใช้นายทุน อ้างว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน แต่ไม่เคยฟังเสียงคนจนและเกษตรกร นักลงทุนถอนตัว เศรษฐกิจฝืดเคืองก็ไม่มีปัญญาและความสามารถจะแก้ไข ผลผลิตทางการเกษตรเกือบทุกตัวราคาไม่ดี หนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ทุกข์ของประชาชนท่วมท้นทั่วประเทศ

    วันๆได้แต่พร่ำให้ประชาชนเห็นใจ ให้อดทน และมักโยนความผิดให้คนอื่น อ้างว่าตามรอยพ่อและให้ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฟังแล้วดูดี แต่วิธีการและผลงานของรัฐบาลกลับสวนทางกับสิ่งที่พ่อทำในหลายๆเรื่อง เสียงร่ำไห้ของประชาชนทั้งแผ่นดินท่านไม่ได้ยินบ้างหรือครับท่านนายกรัฐมนตรีคนดี

    ผมจะบอกให้นะครับชาวสวนยางในภาคใต้ ที่เคยเป็นมิตรกับท่าน วันนึ้ท่านกำลังจะผลักมิตรให้ไปเป็นศัตรู นี่ขนาดศัตรูตัวจริงของรัฐบาลยังมุดอยู่ในรูนะครับ ถ้าเขาโผล่ออกมาผสมโรงเมื่อไหร่ ระวังนะครับจากพระเอกจะกลายเป็นผู้ร้าย จากผู้คืนความสุขจะกลายเป็นผู้ทำลายความสุขของประชาชนเสียเอง จากทหารปฏิรูปจะกลายเป็นทรราช ผมจะพูดตรงๆ อย่างนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้เกษตรกรชาวสวนยางจะไม่ทนอีกต่อไป ถ้าท่านจะโกรธหรือไม่พอใจ เพราะมันไม่หวานและไม่ระรื่นหู ก็เอาเท่าที่ท่านสบายใจนะครับ เพราะเสียงคนจนท่านไม่เคยได้ยินอยู่แล้ว

    สุนทร รักษ์รงค์
    เลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) และนายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้
    10 ก.ค.2560”

    น้ำต้องหนา-ฟ้าต้องแน่น “บิ๊กป้อม” ชงซื้อเครื่องบินขับไล่

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์โลกวันนี้ (https://goo.gl/jMkMAo)

    วันที่ 10 ก.ค. 2557 เว็บไซต์โลกวันนี้รายงานว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 11 ก.ค. 2560 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม จะนำเรื่องการจัดหาเครื่องบิน T-50TH จำนวน 8 เครื่อง เพื่อให้ครบ 12 เครื่อง วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาทเศษ ผูกพัน 3 ปี ให้กับกองทัพอากาศ เสนอเข้าที่ประชุม ครม. ซึ่งเป็นการจัดหาต่อเนื่องในระยะที่ 2 หลังจากที่ ครม.อนุมัติ เมื่อ 2 ปีที่แล้วไว้จำนวน 16 เครื่อง โดยจัดหา 3 ระยะคือ ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ระยะที่ 2 จำนวน 8 เครื่อง และ ระยะที่ 3 จำนวน 4 เครื่อง ให้กับกองทัพอากาศ

    รายงานของเว็บไซต์โลกวันนี้ยังบอกด้วยว่า การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ T-50TH นี้ เป็นไปเพื่อนำมาทดแทนเครื่อง L-39 ที่เก่าใช้งานมานาน ใช้เทคโนโลยีเก่า และใกล้สิ้นสภาพ โดย T-50TH เป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูง ใกล้เคียง F-16s ทำให้นอกจากนำมาเป็นเครื่องฝึกแล้วยังสามารถใช้ปฏิบัติการทางอากาศได้หลากหลาย เครื่อง T-50TH ผลิตจากประเทศในเอเซีย มีใช้งานอยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย คาดว่าในอนาคตมีอีกหลายประเทศที่ให้ความสนใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติ และภูมิภาคอาเซียน

    และจากรายงานข่าวของเว็บไซต์ไทยพับลิก้า หลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีในวันที่ 11 ก.ค. 2560 พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบให้กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินฝึก สำหรับนักบินขับไล่ขั้นต้น 8 ลำ แต่เนื่องจากเป็นวาระที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทำให้ไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้มาก

    “เดิมเคยใช้เครื่องบินฝึก L39 ที่มีอายุใช้งานมาประมาณกว่า 20 ปีแล้ว นักบินที่จะไปบินเครื่องบินขับไล่จะต้องฝึกในเครื่องฝึกบินประเภทที่รองรับกับเครื่องบินขับไล่ และเรามักจะสูญเสียนักบินไอพ่นไปค่อนข้างมากพอสมควร และทุกวันนี้เทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินฝึกใหม่ ซึ่งสำหรับงบประมาณ และรายละเอียดอื่นๆ กระทรวงกลาโหมกองทัพอากาศพร้อมจะชี้แจง” พล.ท. สรรเสริญ กล่าว

    อนึ่ง ครม. เคยมีมติเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2559 เห็นชอบให้กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินฝึกสำหรับนักบินขับไล่ขั้นต้น จำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นโครงการตั้งแต่ปี 2560-2563 โดยตามแผนโครงการ 1 ฝูงบิน จะต้องมีเครื่องบิน 16 ลำ รวมมีการคำสั่งจัดซื้อแล้วจำนวน 12 ลำ ซึ่งคาดว่าในปี 2563 จะมีการจัดซื้ออีก 4 ลำให้ครบ 1 ฝูงบิน

    รัฐเปิดเพจตอบข้อข้องใจ-รับฟังเสียงประชาชน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://www.dailynews.co.th/politics/585319)

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาฯ ถึงช่องทางการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ ว่า รัฐบาลมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาทั้งรูปแบบ วิธีการหรืออะไรก็ตามเพื่อเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม ให้ประชาชนทั้งหมดของประเทศ ได้รับทราบข่าวสารของทางราชการ บนพื้นฐานของความเป็นจริง โดยสร้างกลไกการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมอีก อาทิ ปัจจุบันได้เปิดให้บริการเฟซบุ๊กชื่อ “PAGE IR” เพื่อนำคำตอบการไขข้อข้องใจ และรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนโดยตรง เพิ่มเติมจากการสื่อสารผ่านเครือข่ายสื่อมวลชน ทุกแขนง จะได้เป็นการสื่อสาร 2 ทาง

    พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า หวังว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลให้สื่อโซเชียล สามารถนำไปใช้อ้างอิง ขยายผล และลดความเข้าใจผิด ลดความขัดแย้งในสังคมได้ในอนาคต อย่าไปเพิ่มมากกว่าเดิมก็แล้วกัน สำหรับการสื่อสารในหน่วยงานราชการ เน้นการสร้างความเข้าใจให้กับข้าราชการทุกคน ทุกกระทรวง ทุกระดับต้องสามารถทำความเข้าใจประชาชนได้อย่างชัดเจน อีกทั้งได้สั่งการให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวง อธิบดีต่างๆ ได้เน้นย้ำผู้บริหารลงพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ปฏิบัติและประชาชนโดยตรง เลี่ยงการทำงานบนโต๊ะ เน้นให้ถึงทุกพื้นที่

    กยศ. แจงกรณีหนุ่มร้องโซเชียลจะโดนยึดบ้าน

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์พันทิป (https://goo.gl/bvKhwo)

    จากกรณีมีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปตั้งกระทู้บอกเล่าเรื่องราวว่าได้รับหมายยึดทรัพย์จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยเจ้าตัวให้เหตุผลที่ไม่ได้ชำระหนี้ว่าย้ายที่อยู่จึงไม่ได้รับจดหมายเตือนรวมทั้งลืม

    ล่าสุด เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า รองผู้จัดการ กยศ. นายปรีชา บูชางกูร บอกว่า “กรณีคนที่ถูกยึดทรัพย์นั้น จะเป็นผู้กู้ยืมเงิน กยศ. ที่ไม่ชำระหนี้กองทุนประมาณกว่า 20 ปี เพราะส่วนใหญ่จะเป็นผู้กู้ที่กู้เงินตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษา 3 ปี ส่วนใหญ่จะถูกฟ้องมาตั้งแต่ปี 2550 และถูกทวงถามมา 5 ปี รวมระยะเวลามาประมาณ 14 ปีหากไม่มีการติดต่อมายัง กยศ. ก็จะถูกแจ้งให้มาติดต่อชำระหนี้เรื่อยๆ ซึ่งต้องเข้าใจว่าคนกู้หนี้ กยศ.นั้นคือการกู้เงินหลวงจะบอกว่าไม่ทราบคงไม่ได้

    หวั่นเอี่ยวหน่วยข่าวกรองรัสเซีย สหรัฐฯ สั่งหน่วยงานรัฐห้ามใช้ Kaspersky

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์บล็อกนัน (https://www.blognone.com/node/93845)

    วันที่ 12 ก.ค. 2560 เว็บไซต์บล็อกนันรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งถอดบริษัท Kaspersky Lab จากรายชื่อบริษัทซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้หน่วยงานภาครัฐใช้งาน เนื่องจากมีข่าวว่าบริษัทมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลรัสเซีย

    คำสั่งนี้มาจาก U.S. General Services Administration (GSA) หน่วยงานที่คอยกำหนดเรื่องระเบียบการจัดซื้อของรัฐบาลสหรัฐ แต่จะไม่มีผลกับหน่วยงานที่ซื้อซอฟต์แวร์ของ Kaspersky ไปก่อนหน้านี้

    โฆษกของ GSA ระบุสั้นๆ เพียงว่าเหตุผลที่ถอด Kaspersky ออกจากรายชื่อ เพื่อความปลอดภัยของระบบเครือข่ายของรัฐบาล และพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้

    สำนักข่าว ABC บอกว่าการถอดชื่อ Kaspersky ของ GSA เป็นสิ่งยืนยันความกังวลของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ว่าหน่วยข่าวกรองรัสเซียอาจใช้ช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ของ Kaspersky เข้ามาแฮ็กหรือขโมยข้อมูลสำคัญจากสหรัฐฯ ออกไป และที่ผ่านมา ABC ก็ได้ข้อมูลว่า FBI เริ่มไปสัมภาษณ์พนักงานของ Kaspersky ที่อยู่ในสหรัฐฯ เพื่อรวบรวมข้อมูลแล้ว

    สำนักข่าว Bloomberg อ้างว่าได้รับอีเมลภายในของ Kaspersky ที่เป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า Kaspersky (ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติรัสเซีย ผู้ก่อตั้งเป็นรัสเซีย สำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงมอสโก) มีความใกล้ชิดกับ FSB หน่วยข่าวกรองของรัสเซีย และเข้าไปช่วย FSB พัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ซึ่งหลักฐานเหล่านี้เป็นหลักฐานที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้พิจารณาถอด Kaspersky ออกจากรายชื่อของ GSA

    ฝั่ง Kaspersky ออกมาแถลงตอบโต้ข้อกล่าวหาของ Bloomberg ในทุกกรณี แต่ยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องที่ถูก GSA ถอดออกจากรายชื่อ