ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 ก.พ. 2560: “ยุติแล้ว ‘ม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน’ หลังบิ๊กตู่ยอมยกเลิกมิติอีเอชไอเอ” และ “นาซาเผยพบกลุ่มดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ อาจมีสิ่งมีชีวิต”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 ก.พ. 2560: “ยุติแล้ว ‘ม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน’ หลังบิ๊กตู่ยอมยกเลิกมิติอีเอชไอเอ” และ “นาซาเผยพบกลุ่มดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ อาจมีสิ่งมีชีวิต”

25 กุมภาพันธ์ 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 ก.พ. 2560

  • ยุติแล้ว “ม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน” หลังบิ๊กตู่ยอมปรับอีไอเอ/อีเอชไอเอใหม่
  • ม.44 เด้งบอร์ด/ผู้ว่าฯ รถไฟเข้ากรุ
  • เตรียมเลิกรถเมล์ฟรี หนุนค่ารถคนจน-ใช้ตั๋วแมงมุม
  • ตำรวจคุมธรรมกายโอด เบี้ย 440 หักค่าอาหารมื้อละ 80 เหลือ 200
  • นาซาเผยพบกลุ่มดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ อาจมีสิ่งมีชีวิต

ยุติแล้ว “ม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน” หลังบิ๊กตู่ยอมปรับอีไอเอ/อีเอชไอเอใหม่


ที่มาวิดีโอ: ยูทูบเดลินิวส์ออนไลน์

จากกรณีที่มีการชุมนุมเพื่อคัดค้านมติการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในจังหวัดกระบี่ จนนำไปสู่การควบคุมตัวแกนนำผู้ชุมนุม ล่าสุด วันที่ 19 ก.พ. 2560 ก็ได้มีการประกาศยุติการชุมนุมดังกล่าวแล้ว

เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2560 เวลา 11.20 น. ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล พล.ท. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่1 พร้อมด้วย พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน 3 คน ร่วมกันแถลงข่าว โดย พล.ท.อภิรัชต์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับแกนนำแล้วมีความเข้าใจตรงกัน ในเรื่องการชุมนุมว่าอย่าให้การเมืองมาชี้นำ ซึ่งถ้าชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ รัฐบาลพร้อมรับฟังแก้ไขทันที และพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รับทราบแล้ว พร้อมยกเลิกมติรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ก.พ. 2560 นี้ ตนขอยืนยันว่าการควบคุมตัวแกนนำอยู่ดีมีความสุข ขออย่าไปฟังพวกยั่วยุ ถ้าอยากรู้ว่าการควบคุมตัวเป็นอย่างไรให้มาถามได้ตลอดเวลา

“ผมย้ำว่าถ้ามีนักการเมืองมาแทรกแซง อย่าให้ผมรู้ผมจะดำเนินการเต็มที่ และประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ อย่าเอาเรื่องการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นเรื่องการเมือง โดยหลังจากนี้ผมจะให้ทุกคนกลับบ้าน หากใครอยู่จะดำเนินการตามกฎหมายความมั่นคง เราได้จัดรถไปส่งถึง จ.กระบี่แล้ว”แม่ทัพภาค1 กล่าว

ด้าน พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากควบคุมตัวแกนนำได้นำข้อมูลทั้งหมด ส่งให้นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงานพิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยได้ข้อสรุปว่า จะทำการแจ้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ให้ปรับปรุงการทำรายงานวิเคราะห์ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ของประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงการดำเนินโครงการใหม่ทั้งหมด โดยจัดทำใหม่ให้มีความชัดเจนมากขึ้น อยู่ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการไตรภาคี อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ารัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชน แต่การเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในฝั่งอันดามัน จะยังคงต้องดำเนินการต่อไปในรูปแบบไตรภาคี การมีส่วนร่วมให้ชัดเจนมากขึ้นในทุกประเด็น ขอให้ทุกคนมั่นใจในกระบวนการศึกษาผลกระทบ

ขณะที่ นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน และเครือข่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ กล่าวว่า การเจรจาร่วมกับรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี โดยรัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ดังนั้นจึงขอประกาศยุติการชุมนุมและขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมทุกคนเดินทางกลับบ้าน

“การเริ่มนับหนึ่งใหม่ หากจะทำใหม่อย่าให้บริษัทที่ปรึกษาไปเกณฑ์คนมาเห็นด้วย และอย่าทำรายงานแบบโกหก ซึ่งการยกเลิกมติอีเอชไอเอในการประชุม ครม. ในวันที่ 21 ก.พ. 2560 นี้ จะเป็นบรรทัดฐานให้กับโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลา เราจึงขอขอบคุณรัฐบาลที่เข้าใจเรา และเห็นใจประชาชน เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ ” นายประสิทธิ์ชัยกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวของเดลินิวส์รายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวสิ้นสุดลง แกนนำและบรรดากลุ่มผู้ชุมนุมต่างพากันทยอยเก็บของใช้ส่วนตัวขึ้นรถบัสที่ทางกองทัพภาคที่ 1 จัดเตรียมไว้ให้ เพื่อเดินทางกลับ จ.กระบี่ทันที

ม.44 เด้งบอร์ด/ผู้ว่าฯ รถไฟเข้ากรุ

วันที่ 23 ก.พ. 2560 เว็บไซต์มติชนสุดสัปดาห์รายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งหัวหน้า คสช. มาตรา 44 เพื่อปรับปรุงบริหารงานการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยให้คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หรือ บอร์ด ร.ฟ.ท. ชุดปัจจุบัน พ้นจากตำแหน่ง และตั้งคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยขึ้นใหม่ จำนวน 9 คน มีนายวรวิทย์ จำปีรัตน์ เป็นประธานคณะ มาปฏิบัติหน้าที่แทน และให้ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท. คนปัจจุบัน พ้นจากตำแหน่งไปดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง รักษาการตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.

Microsoft Word - 14.doc

เตรียมเลิกรถเมล์ฟรี หนุนค่ารถคนจน-ใช้ตั๋วแมงมุม

วันที่ 23 ก.พ. 2560 เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังงานเสวนา “Thailand Transport 2017 Better Connect Better Life” ว่าการดำเนินการจัดทำตั๋วร่วม หรือบัตรแมงมุม ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องระบบบริหารจัดเก็บรายได้ รูปแบบการลงทุน การดำเนินการติดตั้งระบบ ร่วมกับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือแอร์ พอร์ตเรียลลิงก์ คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนมีนาคมนี้ เบื้องต้นได้วางแนวทางการดำเนินงาน เป็นการจัดตั้งบริษัทกลางที่มีรูปแบบการบริหารงานแบบภาคเอกชนขึ้นมาดูแลระบบตั๋วร่วม โดยแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นตามสัดส่วนของเส้นทาง ในสัดส่วนภาคเอกชน 60% และภาครัฐ 40%

นายชัยวัฒน์กล่าวว่าในระหว่างการเจรจา จะให้ทุกหน่วยงานที่เป็นผู้เดินรถทำการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรไปควบคู่ด้วย คาดว่าบัตรแมงมุมน่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยระยะแรกจะเป็นการเชื่อมต่อในส่วนของรถไฟฟ้าก่อน จากนั้นจะเจรจาร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้เข้ามาร่วมหุ้นกับบริษัทกลางดังกล่าว เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วมกับ ขสมก. ซึ่งคาดว่าจะทำการติดตั้งเครื่องอ่านบัตรเพื่อเชื่อมต่อได้ภายในเดือนกันยายนนี้ โดยจะเริ่มต้นในรถเมล์ร้อนก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจะทยอยดำเนินการติดตั้งในรถเมล์ปรับอากาศ นอกจากนี้ในเดือนกันยายน ระบบตั๋วร่วมจะผูกเข้ากับรายชื่อผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนรับสวัสดิการแห่งรัฐ โดยคาดว่ารัฐจะสนับสนุนเงินช่วยเหลือเป็นค่าเดินทางให้กับผู้มีรายได้น้อย ประมาณเดือนละ 500-600 บาท และในอนาคตระบบตั๋วร่วมยังจะเตรียมเชื่อมต่อระบบเข้ากับเรือด่วนเจ้าพระยา และห้างสรรพสินค้า ธนาคารเตรียมเข้าร่วมลงทุนอีกจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ตั๋วร่วมสามารถใช้ซื้อของได้เหมือนต่างประเทศ

“เหตุผลที่ต้องเร่งเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วมเข้ากับ ขสมก.โดยเร็ว เนื่องจากในเดือนกันยายนนี้ระบบสวัสดิการของรัฐที่ผู้มีรายได้น้อยได้ลงทะเบียนไว้ จะผูกเข้ากับตั๋วร่วมที่รัฐจะสนับสนุนค่าเดินทางให้ จากนั้นจะยกเลิกโครงการรถเมล์ฟรี ผู้มีรายได้น้อยจะใช้บัตรดังกล่าวจ่ายค่าเดินทางแทน”

ตำรวจคุมธรรมกายโอด เบี้ย 440 หักค่าอาหารมื้อละ 80 เหลือ 200

ที่มาภาพ: เว็บไซต์สปริงนิวส์ (http://wp.me/p5c0qC-6HQ)
ที่มาภาพ: เว็บไซต์สปริงนิวส์ (http://wp.me/p5c0qC-6HQ)

วันที่ 19 ก.พ. 2560 เว็บไซต์สปริงนิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ดูแลบริเวณประตู 1 หน้าอุโบสถวัดพระธรรมกาย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 ได้สับเปลี่ยนกำลังพล ในปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย ตามคำสั่งมาตรา 44 ซึ่งในขณะที่มีการสับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจกเบี้ยเลี้ยงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งกองร้อยพร้อมกับได้แจกข้าวกล่องในช่วงพักเที่ยง

จากการสอบถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่มาปฎิบัติงานที่วัดพระธรรมกาย จะได้รับเบี้ยเลี้ยงต่อคนวันละ 440 บาท ในจำนวนนี้มีการหักค่าอาหารทุกมื้อวันละ 3 เวลา คือ เช้า กลางวัน และเย็น ซึ่งเหลือกลับบ้านจริงคือวันละ 200 บาท 

ทำให้ผู้สื่อข่าวได้ตั้งข้อสังเกตถึงราคาของข้าวกล่องในแต่ละมื้อ ที่มีเพียงข้าวและกับข้าวเพียงอย่างเดียว ว่าเหตุใดจึงมีราคาสูงถึงกล่องละ 80 บาท

ต่อมา เว็บไซต์สปริงนิวส์รายงานว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ยืนยันกับสื่อหลังนักข่าวถามว่า ขณะนี้มีประเด็นค่าอาหารเจ้าหน้าที่ ซึ่งถูกหักจากเบี้ยเลี้ยงจะมีการตรวจสอบหรือไม่

“ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าไปตรวจสอบ เพราะมีคณะกรรมการดูแลเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว” พล.อ.ประวิตร กล่าว

นาซาเผยพบกลุ่มดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ อาจมีสิ่งมีชีวิต

ที่มาภาพ: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (https://goo.gl/4w8hm
ที่มาภาพ: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (https://goo.gl/4w8hm
h)

วันที่ 23 ก.พ. 2560 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ของนาซาเปิดเผยว่า ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจักรวาล ประกอบด้วยดาวเคราะห์ขนาดใกล้เคียงโลก 7 ดวง โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงเดียวกัน

คณะนักวิทยาศาสตร์ของสถานีกล้องโทรทัศน์อวกาศสปิตเซอร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ (นาซา) เปิดเผยว่า ค้นพบระบบดาวเคราะห์แห่งแรกที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลกมากถึง 7ดวงโคจรรอบดาวฤกษ์เพียงดวงเดียว ซึ่งมีโอกาสมากที่บนดาวเคราะห์เหล่านี้จะมีน้ำอยู่ด้วยหากมีสภาพชั้นบรรยากาศที่เหมาะสม และดาวเคราะห์ 3 ใน 7 ดวงนี้ ได้รับการยืนยันว่า อยู่ในเขตที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยได้

นายโธมัส เซอร์บูเชน รองผู้อำนวยการกรมภาระกิจวิทยาศาตร์ของนาซา กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้อาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยไขปริศนาการค้นหาสภาพแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้ในห้วงจักรวาลนี้ 

ระบบดาวเคราะห์ที่ค้นพบครั้งนี้มีชื่อว่าแทรปพิสต์-1 (TRAPPIST-1; Transiting Planets and Planetesimals Small Telescope-1) มาจากชื่อของกล้องโทรทัศน์ในประเทศชิลีที่ค้นพบดาวเคราะห์นี้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2559 โดยในขณะนั้นค้นพบดาวเคราะห์แค่ 3 ดวง จากนั้น สถานีกล้องโทรทัศน์ภาคพื้นดินหลายแห่งรวมทั้งสปิตเซอร์ได้ออกมายืนยันการมีอยู่ของดาวเคราะห์ 2 ใน 3 ดวงที่ค้นพบนี้  ก่อนจะค้นพบดาวเคราะห์เพิ่มอีก 5 ดวง รวมเป็น 7 ดวง 

ระบบแทรปพิสต์-1 อยู่ห่างจากโลกเป็นระยะทางประมาณ 40 ปีแสง หรือประมาณ 378 ล้านล้านกิโลเมตร

นอกจากนี้ ดาวเคราะห์ในระบบแทรปพิสต์-1 ยังหันหน้าด้านเดียวเข้าหาดาวฤกษ์ ซึ่งหมายความว่าพื้นที่ของดาวจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนตลอดไป ไม่เปลี่ยนแปลง และอาจมีสภาพอากาศแตกต่างจากโลก เช่น มีลมพัดแรงจากแผ่นดินฝั่งกลางวันไปยังฝั่งกลางคืน หรือมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในลักษณะที่รุนแรง