ThaiPublica > คอลัมน์ > โปเกนอมิกส์: 3 มุมมองเศรษฐศาสตร์โปเกมอน

โปเกนอมิกส์: 3 มุมมองเศรษฐศาสตร์โปเกมอน

18 สิงหาคม 2016


ที่มาภาพ :  https://pixabay.com/en/pokemon-pokemon-go-hand-smartphone-1575834/
ที่มาภาพ : https://pixabay.com/en/pokemon-pokemon-go-hand-smartphone-1575834/

ก่อนอื่นผมขอขอบคุณที่ท่านผู้อ่านได้สละเวลาอัปเลเวลโปเกมอนอันมีค่ามาอ่านบทความนี้นะครับ สัญญาว่าบทความนี้จะสนุก มีสาระ และไม่ใช้เวลาอ่านนาน

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น พ่อแม่ ลุงป้าน้าอา ลูกเล็กเด็กแดง ต่างรู้จักเกม Pokémon Go กันถ้วนหน้า ซึ่งล่าสุดพบว่าผู้เล่น (Daily Active Users) เกือบ 25 ล้านคน ใช้เวลาโดยเฉลี่ยแล้วกว่า 43 นาทีต่อวัน ในเกมนี้ (ทิ้งห่าง Instagram ที่อยู่ที่ 25 นาทีต่อวัน)

ดังเปรี้ยงปร้างขนาดนี้จึงไม่แปลกที่ออฟฟิศสร้างเกมเล็กๆ สองสามออฟฟิศสามารถสร้างรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน แม้ว่าผู้เล่นสามารถดาวน์โหลดเกมเล่นได้ฟรี ความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้นนี้เป็นบทพิสูจน์เลยว่าคอนเซปต์ minimum viable product (ออกเกมมาโดยมีแค่ basic feature ก่อนเพื่อทดสอบตลาด) ใช้ได้จริงในวงการนี้

น่าสนใจที่ Pokémon GO ทำทั้งหมดนี้ได้ภายในไม่กี่เดือน แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ “อีกด้าน” ของเกม virtual เกมนี้ที่สร้างผลกระทบกับชีวิตคนในเศรษฐกิจจริง ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

บทความนี้จะชี้ 3 มุมมองเศรษฐศาสตร์ที่ Pokémon GO สะท้อนออกมาดังต่อไปนี้ครับ

เศรษฐกิจโปเกมอน: โอกาสและการแข่งขัน

ที่มาภาพ : settakid.com
ที่มาภาพ : settakid.com

Pokémon Go เป็นมากกว่าแค่ Pokémon Go ในจอโทรศัพท์มือถือของเรา และเป็นมากกว่าแค่รายได้ที่เข้าสู่บริษัท Niantic Labs กับ The Pokémon Company

ทุกวันนี้ได้เกิด “Pokémon Economy” หรือ เศรษฐกิจโปเกมอน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเศรษฐกิจจริงกับโลกออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือของเราไปเรียบร้อยแล้ว และผมไม่ได้หมายถึงมันในเชิงของ “เศรษฐกิจเกม” ที่เรามักพบเห็นในกรณีเกมดังๆ เช่น การรับจ้างเก็บเลเวล การขายไอเท็มหรือขาย account เท่านั้น เศรษฐกิจโปเกมอนขยายเป็นวงกว้างกว่านั้นมาก

อธิบายง่ายๆ ก็คือ เกม Pokémon GO เป็นสิ่งวิเศษที่สามารถ “บังคับ” ให้คนจำนวนมหาศาลออกมาจากบ้าน และอาจถูกเปลี่ยนสถานะไปเป็น “ผู้บริโภค” ได้อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

“traffic” นี้นับว่าเป็นของขวัญชิ้นโตสำหรับธุรกิจเล็กใหญ่ที่ต้องการเพิ่มยอดขาย

ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/5f/Pok%C3%A9mon_Go_Plus.jpg
ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/5/5f/Pok%C3%A9mon_Go_Plus.jpg

ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้ PokéStop (ซึ่งส่วนมากเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมหรือทางประวัติศาสตร์) จึงเริ่มแข่งกันสร้างโปรโมชั่นพิเศษเพื่อล่าผู้เล่นในขณะที่ผู้เล่นล่าโปเกมอน ยกตัวอย่างเช่น ร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งซื้อ Lure Module เพื่อล่าให้โปเกมอนมาสุงสิงแถวร้านของเขา พบว่าจ่ายไปแค่ 10 ดอลลาร์สามารถเพิ่มยอดขายได้กว่า 75% เรียกว่าเป็นการลงทุนทำโปรโมชั่นที่คุ้มมากๆ บางร้านลดราคาให้สำหรับผู้เล่นบางทีม ร้านกาแฟบางร้านถึงกับสัญญาว่าจะปล่อย Lure Module ทุกๆ 15 แก้วที่ขายได้ งานนี้ผู้เล่นยิ้ม เจ้าของร้านก็ยิ้ม

Pokémon GO ก็ได้แพร่อิทธิพลไปสู่ sharing economy ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้ได้มีคนขับรถ Uber หลายต่อหลายคนที่เปิดบริการใหม่ รับขับรถช่วยล่าโปเกมอนในเมืองเพื่อดึงลูกค้าที่ไม่อยากเดินในอากาศร้อน หรือไม่อยากเสี่ยงขับรถไปเล่นไป ส่วนในเมือง Pittsburgh นั้นถึงกับมีบริษัทขับรถใหม่เพื่อล่าโปเกมอนโดยเฉพาะ ซึ่งคนขับรถจะพาลูกค้าไปยังสถานที่ที่มีโปเกมอนหรือยิมมากๆ หรือที่ๆ คนขับเองเคยพบเจอโปเกมอนหายากมาก่อน แม้ว่าเขาจะคิดราคาแพงที่ 25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง แต่การตอบสนองดีมาก คิวเต็มจนเขากำลังคิดขยายสาขาแล้ว

ธุรกิจการท่องเที่ยวก็ไม่น้อยหน้า บริษัททัวร์ Geckos Adventures รับพาเที่ยวรอบโลกจับโปเกมอนตั้งแต่เปรู อียิปต์ ถึงกัมพูชา จุดขายหลักคือประสบการณ์ได้ไปจับโปเกมอนจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง เช่น ไปจับ Pikachu ที่นครอินคามาชูปิกชู เป็นต้น

ที่มาภาพ : settakid.com
ที่มาภาพ : settakid.com

แน่นอน ธุรกิจยักษ์ใหญ่จะไม่ปล่อยให้ธุรกิจเล็กๆ ได้โอกาสนี้ไปคนเดียว แมคโดนัลด์ในประเทศญี่ปุ่นก็ได้เซ็นสัญญากับผู้สร้าง Pokémon Go ไปเรียบร้อยแล้วเพื่อทำให้ร้านแมคโดนัลด์กว่า 3,000 สาขากลายเป็นยิม บริษัทเทเลคอมสหรัฐฯ T-Mobile ก็พยายามแย่งลูกค้า โดยการให้ใช้ data เพื่อเล่น Pokémon GO ได้ไม่อั้นไปตลอดปี แม้กระทั่งบริษัทออนไลน์อย่าง Yelp ที่ถึงแม้ไม่มี “หน้าร้าน” แต่ก็ไม่น้อยหน้าเขา แข่งโดยการติดตั้ง filter โปเกมอนใหม่ให้ผู้ใช้งานทราบว่ามี PokéStop ใกล้ๆ ร้านอาหารหรือไม่ ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์พื้นฐานบอกว่า ถ้าเรากำลังเลือกระหว่างสองร้านอาหารที่ราคาพอๆ กัน อาหารอร่อยพอๆ กัน จะไปกินข้าวทั้งที ถ้าร้านหนึ่งมีโปเกมอนให้จับระหว่างรอแต่อีกร้านหนึ่งไม่มี ก็ต้องเลือกร้านที่มี

ประสิทธิภาพ: ใช้ทรัพยากรน้อย…แต่ได้มากกันถ้วนหน้า

ที่มาภาพ :  https://pixabay.com/en/gameboy-pokemon-pokemon-go-1523077/
ที่มาภาพ : https://pixabay.com/en/gameboy-pokemon-pokemon-go-1523077/

หากคุณเคยเล่นเกมสมัยเกมบอยอันเท่าสมุดโทรศัพท์ คุณจะไม่มีทางเชื่อว่า Pokémon GO สามารถเล่นได้สนุกพอประมาณโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย และคุณก็จะไม่เชื่อว่าเกมที่คนเล่นกันเป็นหลักล้านทุกวันทุกคืนและสร้างรายได้ขนาดนี้จะถูกสร้างได้โดยคนไม่กี่คนในออฟฟิศไม่กี่ออฟฟิศ

บางคนมอง Pokémon GO ในแง่ลบในจุดนี้ ว่ามันดูดเวลา และ “ปล้น” เงินมหาศาลต่อวันให้ไหลไปเข้ากระเป๋าสตางค์ของคนไม่กี่คน ผมกลับมองมันในแง่บวกและผมไม่คิดว่าเราควรดูถูกผู้บริโภค

สมัยก่อน กว่าคนเราจะผลิตสิ่งบันเทิงดีๆ ขึ้นมาได้สักชิ้นต้องใช้เวลา แรงงาน และทรัพยากรมหาศาล (นึกถึงฉากสู้รบที่ไม่มี CGI สมัยก่อนสิครับ) Pokémon GO แสดงให้เห็นว่าเราสามารถหาวิธีผลิตสิ่งบันเทิงโดยใช้ทรัพยากรน้อยลงแต่ทำให้คนบริโภคได้มากกว่าแต่ก่อนมากด้วยราคาต่ำ

ที่มาภาพ : http://f.ptcdn.info/037/045/ 000/obl026oeqerKL6tu684-o.jpg
ที่มาภาพ : http://f.ptcdn.info/037/045/
000/obl026oeqerKL6tu684-o.jpg

แทนที่ผู้เล่นเป็นล้านๆ คนจะต้องเสียเงินซื้อตัวเกม ก็สามารถเอาเงินก้อนนั้น (ที่ตอนนี้ไม่ต้องจ่ายแล้ว) ไปซื้อสิ่งของหรือบริการอื่นๆ เข้ามาบำรุงชีวิตในมิติอื่นๆ ได้ แรงงานในวงการบันเทิงหรือวงการเกมที่ไม่จำเป็นในการผลิต Pokémon GO ก็สามารถ “ไหล” ไปผลิตสินค้าหรือบริการอื่นๆ เข้ามาแข่งขันและเสนอต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ ใหม่ได้

นี่เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะทำให้ชีวิตเราเติมเต็มขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง

ความเหลื่อมล้ำ: กระจกสะท้อนโลกจริง

พักนี้ผู้อ่านคงเคยเห็นสเตตัสจำพวก “ลำปางหนาวมาก…เดินมา 2 ชั่วโมงแล้วไม่มีโปเกมอนเลย จับหมาข้างทางดีกว่า” โผล่มาพอสมควร

นั่นเพราะว่าระบบของ Pokémon GO สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในหลายๆ มิติที่มีอยู่แล้วในสังคมมนุษย์ได้อย่างชัดเจน คนที่ฐานะดีกว่ามักอยู่อาศัยใกล้ Public Amenities ดีๆ เช่น สวนสาธารณะ สถานที่สำคัญ หรือแม้กระทั่ง “ใจกลางเมือง” ซึ่งสมัยก่อนเป็นสถานที่ที่ Niantic Labs ใช้ในอีกเกมชื่อ Ingress ก่อนที่จะมาเป็นแม่แบบให้กับสถานที่ที่จะมาเป็น PokéStop ใน Pokémon GO (อ่านอีกบทความที่นี่ว่าทำไมในประเทศไทยมี PokeStop ที่ศาลพระภูมิเหลือเกิน) อีกเหตุผลหนึ่งคือการเกิดของโปเกมอนอาจจะเกี่ยวเนื่องกับการใช้ data ทางโทรศัพท์ เพราะฉะนั้น คุณจะเห็นโปเกมอนแถวหน้าตึกที่ชุกชุมมากกว่าตามกอหญ้าในต่างจังหวัดมาก ความเหลื่อมล้ำในมิตินี้จะยิ่งทวีคูณเมื่อผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนโปเกมอนกันได้

ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/ridevipgo/photos/a.1814055232162960.1073741827.1814038308831319/ 1816286291939854/?type=3&theater
ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/ridevipgo/photos/a.1814055232162960.1073741827.1814038308831319/
1816286291939854/?type=3&theater

อีกเรื่องคือ คนพิการที่ไม่สามารถเล่น Pokémon GO ได้อย่างคนอื่น ยังดีที่มีคนใจดี (ด้านบน) ดูแล้วสบายใจขึ้นครับ

ประเด็นอื่นๆ ที่น่าจับตามอง

Pokémon GO จะเป็นแค่ฟีเวอร์ชั่วคราวหรือไม่ เราคงต้องจับตาดูกันต่อไป

แต่ประเด็นอื่นๆ ที่น่าจับตามองคือ 1. ภาครัฐจะตอบสนองอย่างไร 2. Pokémon GO จะเลือกจับมือกับใครบ้าง

ประเด็นแรกนั้นสำคัญ เพราะแม้ว่า Pokémon GO จะเป็นแค่เกม แต่ชีวิตคนที่อาจเป็นอันตรายเพราะ “เทรนแล้วขับ” หรือไปล่าโปเกมอนตามสถานที่อันตรายเป็นเรื่องจริง การแบนคงรุนแรงไป แต่มีอีกหลายช่องทางในการทำให้ประชาชนปลอดภัยและเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐกับประชาชนไปในตัวด้วย Pokémon GO เช่น การประกาศวิธีการล่าโปเกมอนอย่างปลอดภัยโดยกรมตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองซานฟรานซิสโก หรือการรณรงค์วางแผนผังรถเมล์ให้ผู้เล่นออกล่าโปเกมอนอย่างปลอดภัยและราคาถูกบนรถเมล์ของเมืองซานฟรานซิสโก รถติดน้อยลง คนออกเดินมากขึ้น รถเมล์ทำรายได้ดีขึ้น หากเป็นเช่นนี้จริง ดีไม่ดีภาครัฐอาจผลักดันพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของประชาชนผ่าน Pokémon Go ในมุมอื่นๆ ในอนาคตก็เป็นได้

ประเด็นที่สองนั้นน่าสนใจมากว่าทางผู้สร้าง Pokémon GO จะเลือกจับมือกับธุรกิจยักษ์ใหญ่รายไหนอีกและจะเป็นในรูปแบบใด หรือจะมีการจับมือกับกรมการท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ หรือไม่ เพราะการจับมือเพื่อแปลงสาขาหรือสถานที่ให้กลายเป็น PokéStop หรือเป็นยิมไปเลยจากการร่วมมือนี้คือการดูด traffic มาจากคู่แข่งโดยตรง อาจมีศึกประมูลเกิดขึ้นในขณะที่ Pokémon GO เนื้อหอมสุดๆ ในขณะนี้ อดนึกไม่ได้ว่าอีกหน่อยคงจะมีโปเกมอนชนิดพิเศษที่ต้องไปที่ร้านบางร้านหรือสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งเท่านั้น

สุดท้ายนี้ หวังว่าผู้อ่านจะได้เห็น 3 มุมมองของโปเกนอมิกส์ที่ผมคิดว่าน่าสนใจนะครับ บทเรียนหลักๆ ที่เราเห็นเลยคือองค์กรและบริษัทที่เป็นมิตรกับกระแส Pokémon GO มีแต่จะได้ประโยชน์ เพราะในระบบเศรษฐกิจแบบทุกวันนี้ ผู้บริโภคและตลาดเป็นตัวกำหนดว่าอะไรจะถูกซื้อขายในเศรษฐกิจ และขณะนี้ไม่มีกระแสไหนแรงเท่ากับ Pokémon GO แล้วในจิตใจของผู้บริโภคหลายล้านคนทั่วโลก

หมายเหตุ: ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ “เศรษฐ” ความคิด – settaKid.com ณ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559