เมื่อดูความคืบหน้ากว่า 2 ปีของการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ หลังจากรัฐบาลชูธงเป็นนโยบายหลักที่จะจัดสรรสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ของประเทศใหม่ โดยหนึ่งในมาตรการหลักที่หลายฝ่ายจับตาอย่างใกล้ชิดคือการ “ฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ” ที่ประสบปัญหาอย่างหนัก 7 แห่ง อันรวมไปถึง “การบินไทย” ซึ่งถือว่าเป็น 1 ในรัฐวิสาหกิจที่คืบหน้ามากที่สุดในประเด็นนี้
โดยการประชุมคณะกรรมนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ครั้งที่ 3/2559 เมื่อ 11 กรกฎาคม 2559 ระบุว่าการบินไทยปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูคืบหน้าเป็นอย่างดี ทั้งนโยบายการสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่าย สอดคล้องกับการจัดอันดับในปีล่าสุด การบินไทยซึ่งได้ฉลองปีที่ 56 ด้วยการคว้าอันดับ 1 ของสายการบินที่มีการพัฒนามากที่สุดใน 12 เดือนที่ผ่านมา จาก Skytrax World Awards
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมถึงการสร้างรายได้ว่าบริษัทกำลังจะนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร แบ่งเป็น
1) ระบบบริหารราคา หรือ Fair Management system จากเดิมที่ต้องใช้เวลาอัปเดตราคาผ่านเครือข่ายหลังจากคณะกรรมการบริหารหรือบอร์ดอนุมัติ 3 อาทิตย์ ให้เหลือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้การบินไทยมีรายได้เพิ่มได้ขั้นต่ำประมาณ 2-3% ของรายได้รวม โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างจัดวางระบบเครือข่ายและจะเปิดใช้ระบบในเดือนสิงหาคมนี้
“คือเรื่องราคาตั๋วตอนนี้มันบริหารไม่ได้ อยากบริหารจัดการ แต่พอตัดสินใจแล้วกลับต้องรอ 3 อาทิตย์ราคาจึงจะขึ้น พอราคาออกไป คู่แข่งปรับราคาแล้ว เราก็ค้างฟ้าอยู่ ไม่ทันใคร” นายจรัมพรกล่าว
นอกจากนี้ การบินไทยจะต้องใช้เครือข่ายพันธมิตรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น โดยเฉลี่ยสายการบินอื่นจะมีรายได้จากช่องทางของพันธมิตร 20-25% ขณะที่การบินไทยมีเพียง 5% ดังนั้น การบินไทยจะใช้ช่องทางเหล่านี้มากขึ้น โดยลงนามกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อเพิ่มเส้นทางและกำหนดราคาตามเส้นทางต่างๆ ให้ครบถ้วนและอัปเดตได้รวดเร็ว
2) การบริหารโครงข่ายเส้นทางบิน หรือ route-network management system จะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงให้ดีขึ้น เช่นเวลาเข้าออกของเครื่องบินให้สอดคล้องกัน โดยจะเริ่มต้นปรับ 13 เส้นทางก่อน ตัวอย่างเช่น เส้นทางออสเตรเลีย เส้นทางญี่ปุ่น-อินเดีย เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้อีก 3%
3) ระบบให้บริการบนเครื่อง หรือ Service Ring เช่น การแจ้งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเครื่อง การขายหรืออัปเกรดที่นั่งได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มได้ประมาณ 3-5%
“เรื่อง Service Ring เรายังไม่ได้ขายของใหม่เลย อัปเกรดอยู่ แต่ศักยภาพของคนอื่นขายได้เฉลี่ยที่ 5-6% ของเรา 1% แปลว่ามันมีศักยภาพ มีช่องทางที่จะเพิ่มรายได้อีก “นายจรัมพรกล่าว
4) การขายตั๋วออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันมือถือ คาดว่าจะเริ่มต้นปีหน้า โดยเบื้องต้นจะใช้งานระบบใหม่ควบคู่กับระบบเก่า ก่อนจะค่อยๆ ลดจำนวนการใช้งานและปลดระบบเก่าออกหากเหมาะสมต่อไป
ขณะที่นโยบายลดค่าใช้จ่าย นายจรัมพรกล่าวว่า การบินไทยยังมีเครื่องบินปลดระวางรอการขายอยู่ 11 ลำ โดยปี 2559 ขายไปได้แล้ว 1 ลำ ปีที่ผ่านมาขายได้ 24 ลำ โดยจะพยายามขายให้หมดภายในปีนี้ ซึ่งการบินไทยยังมีแผนจะเปิดเส้นทางบินอีกหลายเส้นทางที่มีศักยภาพ เริ่มจาก 1) เส้นทางกรุงเทพฯ-สหรัฐอเมริกา 1 จุดบิน หลังจากได้รับมอบเครื่องบินใหม่มา (ซึ่งมีความเหมาะสมกับระยะทางและความต้องการมากกว่าเครื่องลำเดิม) โดยอยู่ระหว่างการเลือกเมืองซานฟรานซิสโกหรือเมืองซีแอตเทิล เนื่องจากมีเส้นทางใกล้กว่าเมืองลอสแอนเจลิส เป็นเส้นทางบินเดิมที่ถูกปิดไป และสามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ ได้ง่าย โดยเบื้องต้นจะเปิดบินให้ได้ทุกวันเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม อาจจะติดปัญหาที่ประเทศไทยถูกประเมินจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ที่ระดับ Category 2 ซึ่งคงต้องเริ่มเจรจาต่อไป
2) เส้นทางบินกรุงเทพฯ-เตหะราน ประเทศอิหร่าน เนื่องจากเริ่มกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง มีประชากร 70-80 ล้านคน และเป็นตลาดที่ดีต่อธุรกิจการบิน และ 3) เส้นทางกรุงเทพฯ-มอสโก (รัสเซีย) ซึ่งมีแนวโน้มตลาดดีขึ้น
“การที่มีคุณภาพขึ้นมาได้ไม่ใช่คิดอย่างเดียวหรือแนะนำหรือวิจารณ์อย่างเดียว มันอยู่ที่เราทำหรือไม่ จะเห็นได้ว่าการขึ้นมาระดับนี้แปลว่าตั้งแต่ต้นมีการวิเคราะห์ว่าต้องแก้ไขอะไร เราฟังคำแนะนำจากทุกคน แต่ผลที่จะออกมาได้เราต้องเลือกแผน แล้วทำจริงจัง ผลมันถึงออกมาว่าส่วนการให้บริการลูกค้าเห็นชัดเจน cabin factor ไตรมาส 2 ปี 2559 อยู่ที่ 76.8% แล้ว แต่เราตั้งเป้าให้ถึง 80% เหมือนสายการบินอื่นๆ ตัวเลขแบบนี้เรามีเป็น dashboard อัปเดตตลอดเวลา มีการวัดผล วางแผน แก้ไข ผลออกมาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผ่านมาได้สักครึ่งทางแล้ว มีอีกหลายอย่างต้องทำ หวังว่าจะได้รางวัลใหญ่ๆ ปีหน้า อันดับ 1 หลายๆ ด้าน อีกเยอะ” นายจรัมพรกล่าว
อนึ่ง ผลประกอบการล่าสุดในไตรมาส 1 ของปี 2559 การบินไทยมีกำไรสุทธิ 6,010.66 ล้านบาท โดยมีเหตุผลหลักจากผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบินที่ลดลงเหลือเพียง 174 ล้านบาท เทียบกับการด้วยค่าที่สูงถึง 11,480 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิพลิกกลับมาเป็นบวกในรอบ 3 ปีที่ 11.92% จาก -5.67%, -7.65% และ -6.78% ในปี 2556 2557 และ 2558 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การบินไทยยังขาดทุนสะสมอยู่ที่ -13,555.62 ล้านบาท ขณะที่ค่าสถิติสำคัญอื่นได้แก่ อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 77.5% สูงกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 75.4%, จำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 5.92 ล้านคน สูงกว่าปีก่อน 5.3% และ มี Aircraft Utilization เพิ่มขึ้นเป็น 11.5 ชั่วโมง จาก 10.7 ชั่วโมง
การบินไทย ยกระดับความปลอดภัยด้วย Big Data
ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินที่กำลังขยายตัวข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ระบุว่า ในปี 2558 ใน 31.5 ล้านวินาที มีเที่ยวบินออกจากท่าอากาศยานทั่วโลกจำนวน 37.6 ล้านเที่ยว ซึ่งรวมระยะเวลาทั้งหมดคิดเป็น 2,700 ปี ระยะเวลาทั้งหมดนี้เป็นช่วงที่ผู้ที่อยู่บนเครื่องบินมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกสุดในขนส่งมวลชนทางอากาศ และเนื่องจากในปี 2558 ที่ผ่านมา องค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ (Signicant Safety Concerns: SSC) นำไปสู่การปักธงแดง ส่งผลให้การบินได้ถูกตรวจสอบเข้มขี้น
นายปรารถนา พัฒนศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายความปลอดภัย ความมั่นคง และมาตรฐานดารบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงที่ประสบปัญหา การบินไทยถูกตรวจสอบถึง 124 ครั้งภายใน 1 ปี จากเดิมจะถูกตรวจสอบเพียง 20 ครั้งต่อปี ทำให้การบินไทยต้งเตรียมความพร้อมทุกด้านให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
ที่ผ่านมาการบินไทยได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ สำหรับจัดทำฐานข้อมูลเพื่อประเมินความเสี่ยงและรับมือสถานการณ์ต่างๆ ไว้โดยใช้ เมื่อต้นปี 2559 การบินไทยได้บูรณาการฐานข้อมูลความปลอดภัยร่วมกับสายการบิน SAS และองค์กรที่ทำการจัดระบบข้อมูลให้สายการบินต่างๆ อย่าง Enplore จัดทำระบบ Safety Intelligence System ที่รวบรวมข้อมูลด้านความปลอดภัย ข้อมูลด้านการใช้พลังงาน การจัดการเที่ยวบินและการทำงานของลูกเรืออย่างเหมาะสม เพื่อวิเคราะห์ปัญหาด้านการบินร่วมกัน และเฝ้าระวังกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปตามขั้นตอนหรือกฎเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
“แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงทดลองใช้ระบบ แต่ก็ช่วยเราได้มาก เพราะจากที่เคยใช้คนในการคิด วิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงจากข้อมูลจำนวนมากที่รวบรวมได้ ระบบนี้ทำให้การทำงานง่ายขึ้น เรารู้ข้อมูลทั้งสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ประกอบกับข้อมูลเชิงสถิติที่รวบรวมไว้นำมาวางแผนรับมือความเสี่ยงต่างๆ ทำให้นักบินรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที มีการคำนวณทางสถิติให้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยลดปัญหา human error ได้” นายปรารถนากล่าว
ด้านนายชิงชีพ บุรีรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับกิจกรรมด้านการบินองค์กร กล่าวว่า ภายหลังที่ไทยถูกปักธงแดง การบินไทยเองได้ทำการวิเคราะห์ปัญหาทั้งหมดที่จะต้องรับมือ และได้จัดทำโครงการมาตรฐานความปลอดภัยเหนือระดับ (Safety Beyond Compliance) ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมดให้สอดคล้องกับมาตรฐานองค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) โดยมาตรฐานของ EASA มีความทันสมัยสูง ข้อกำหนดต่างๆ จะถูกอัปเดตอยู่ตลอด ซึ่งเป็นข้อดีที่จะทำให้มาตรฐานด้านความปลอดภัยของการบินไทยถูกยกระดับให้สูงตามสากลอย่างสม่ำเสมอ
“สิ่งที่ต้องเผชิญแน่นอนคือทั้งหน่วยงานของไทย และสายการบินจะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากหลายๆ องค์กร อาทิ FAA EASA องค์กรจากประเทศออสเตรเลีย จากญี่ปุ่น ซึ่งการตรวจสอบทั้งหมดการบินไทยสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น ประกอบกับการบินไทยได้เชิญหน่วยงานจากภายนอกเข้ามาทำการประเมินมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างความเป็นกลางในการตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ แสดงให้เห็นว่ายังอยู่ในมาตรฐานแม้จะเป็นสายการบินจากประเทศที่มีปัญหาก็ตาม” นายชิงชีพกล่าว
นายจรัมพรกล่าวว่า การดำเนินการต่างๆ ทั้งหมดที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล และได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำให้ในเดือนมิถุนายน 2558 ภายหลังที่ไทยถูก ICAO ปักธงแดง เนื่องจากการบินไทยเป็นสายการบินที่ทำการบินเข้าน่านฟ้ายุโรปจึงต้องเข้าพบ EASA ซึ่งการรวบรวมข้อมูลทางสถิติอย่างจริงจังนำมาสู่การวิเคราะห์ผลให้ EASA ได้รับทราบทำให้ได้รับความเชื่อมั่นให้ได้รับใบรับรองสำหรับสารการบินนอกยุโรปให้ทำการบินเข้าน่านฟ้ายุโรปได้ (Third Country Operators: TCO) ส่วนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สามารถบินและเพิ่มเที่ยวบินได้ปกติ
นอกจากนี้ ประเทศจีนมีระบบคัดกรองสายการบินให้บินเข้าประเทศด้วยคะแนน ซึ่งจะตัดคะแนนสายการบินของประเทศที่ติดธงแดง 5 แต้ม แต่เมื่อบริษัทพิสูจน์เรื่องมาตรฐานที่เชื่อถือได้ให้เห็น การบินไทยจึงไม่ถูกตัดคะแนน เรายังเหลือ FAA ที่ยังอยู่ใน Category 2