ThaiPublica > เกาะกระแส > ดีเอสไอบุกเรือนจำบางขวาง แจ้งข้อหา”ศุภชัย ศรีศุภอักษร” อดีตปธ.สหกรณ์คลองจั่น สมคบฟอกเงิน 1,200 ล้านบาท คดีเดียวกับพระธัมมชโย

ดีเอสไอบุกเรือนจำบางขวาง แจ้งข้อหา”ศุภชัย ศรีศุภอักษร” อดีตปธ.สหกรณ์คลองจั่น สมคบฟอกเงิน 1,200 ล้านบาท คดีเดียวกับพระธัมมชโย

25 พฤษภาคม 2016


เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ณ เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ณ เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เวลา 10.00 น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำคณะพนักงานสอบสวนคดีที่ 27/2559 ประกอบด้วยพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 นางกนกลดา เจริญศิริ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ เดินทางมาเรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ในข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาเดียวกันกับพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ระหว่างที่คณะพนักงานสอบสวนกำลังแจ้งข้อกล่าวหา รวมทั้งสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้น ปรากฏว่ามีญาติของนายศุภชัยมาเยี่ยม ทางคณะพนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้นายศุภชัยพูดคุยกับญาติก่อน ทำให้การแจ้งข้อกล่าวหานายศุภชัยในวันนี้ใช้เวลา 6 ชั่วโมง

เวลา 16.00 น. นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ในวันนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเดินทางมาแจ้งข้อกล่าวหากับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยมีทนายความของนายศุภชัยเข้าร่วมรับฟังด้วย นอกจากนี้คณะพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายศุภชัยเพิ่มเติม ซึ่งคำให้การของนายศุภชัยเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหลายประเด็น อาทิ นายศุภชัย ยอมรับว่ามีความสนิทสนมกับพระธัมมชโย โดยเฉพาะการเรียกชื่อเฉพาะ (ชื่อเล่น)ระหว่างกัน พระธัมมชโยจะไม่เรียกว่านายศุภชัย แต่จะเรียกชื่อเฉพาะแทน ซึ่งไม่ขอเปิดเผยว่าชื่ออะไร สาเหตุที่ต้องมาสอบปากคำประเด็นนี้ เพราะตอนแรกบอกว่าไม่รู้จักกัน นายศุภชัยเคยไปพบพระธัมมชโยที่กุฏิและต่อมานายศุภชัยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไวยาวัจกร ซึ่งคำให้การของนายศุภชัยวันนี้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก และสามารถเชื่อมโยงไปยังคดีอื่นๆได้อีกด้วย

“อย่างไรก็ตามผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การ หรือ ไม่ให้การ หรือ จะให้ปากคำอย่างไรก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ที่สำคัญขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวนคดี ไม่ใช่พยานบุคคล ซึ่งพยานเอกสารจะเป็นตัวพิสูจน์ว่ากระแสเงินที่ไหลเข้ามามีความเชื่อมโยงกันอย่างไร” นายขจรศักดิ์ กล่าว

กรณีวัดพระธรรมกาย ยื่นคำร้องต่อดีเอสไอ ขอให้ไปแจ้งข้อกล่าวหาพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกายในวันที่ 25 พฤษภาคม 2559นั้น นายขจรศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ดีเอสไอต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น ขออนุมัติศาลออกหมายค้น หรือ หมายจับ ทางคณะพนักงานสอบสวนก็ต้องทำงานอย่างระมัดระวัง เพราะขณะนี้กลุ่มศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทำหนังสือไปร้องเรียนหน่วยงานอิสระหลายแห่งให้ดำเนินคดีกับคณะพนักงานสอบสวน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้น คณะพนักงานสอบสวนก็ไม่ควรทำอะไรที่นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้

“ผมไม่มีสิทธิห้าม ไม่ให้กลุ่มศิษยานุศิษย์ไปร้องเรียนต่อหน่วยงานอื่นๆให้มาตรวจสอบดีเอสไอ แต่เมื่อฟ้องร้องไปแล้ว พวกเราก็ต้องแก้คดีว่า พวกเราปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย พนักงานสอบสวนทำกันเป็นทีม ถ้าทำผิด คุณก็มีสิทธิที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน หากทำให้ผมเสียหายเป็นการส่วนตัว หรือ ทำให้องค์กรได้รับความเสียหาย คุณก็ต้องมีความรับผิดตามกฎหมายด้วย หากพระธัมมชโยไม่มารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอภายในวันที่ 26 พฤษภาคม 2559 ก็ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา วันที่ 27 พฤษภาคม 2559 ดีเอสไอต้องเรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ-อัยการ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ผมขอใช้คำนี้น่ะครับ” นายขจรศักดิ์กล่าวย้ำ

นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3
นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพระธัมมชโยไม่มาวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ดีเอสไอจะดำเนินการอย่างไร นายจรศักดิ์ ตอบว่า “ประเด็นนี้ผมขอหารือในที่ประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษก่อน ตามหลักการของกฎหมายต้องปฏิบัติเหมือนบุคคลทั่วไป ซึ่งในกฎหมายจะมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติเอาไว้ ทั้งในกรณีผู้ต้องหาป่วยและกรณีผู้ต้องหาไม่ป่วย รวมถึงสถานที่ในการแจ้งข้อกล่าวหา และการให้สิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องหา ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่ดีเอสไอปฏิบัติตามกฎหมายเสมือนบุคคลทั่วไป”

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีที่ 27/2559 มีมูลค่าความเสียหายเท่าไหร่ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กล่าววว่าประมาณ 1,200 ล้านบาท คดีนี้เป็นคดีเดียวกับคดีของพระธัมมชโย ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นเสียหายอีก 800 ล้านบาทนั้นเป็นอีกคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ดีเอสไอยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ที่มาแจ้งข้อกล่าวหาวันนี้มีมูลคดีประมาณ 1,200 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลุ่มศิษยานุศิษย์ฯเรี่ยไรเงินคืนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 2 ครั้ง ทราบหรือไม่ว่าคืนในส่วนของพระหรือของวัด?

พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่าประเด็นนี้ตนไม่ทราบ ต้องไปถามสหกรณ์ฯ เพราะดีเอสไอทำเฉพาะคดีอาญา กรณีศิษยานุศิษย์ฯรวบรวมเงินไปคืนสหกรณ์เป็นคดีแพ่ง ซึ่งสหกรณ์ฯต้องดำเนินคดีเรียกเงินคืนเอง ไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนกรณีกลุ่มศิษยานุศิษย์ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) คณะพนักงานสอบสวนสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น

อ่านเพิ่มเติม ซีรีย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น