ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 17-23 ม.ค. 2559: “‘ชายหมู’ เมิน ปชป. ตัดขาด” – ชาวเน็ตทนไม่ไหว จวกสื่อไร้มารยาท รุมถ่ายเคลื่อนย้ายศพ “ปอ-ทฤษฎี”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 17-23 ม.ค. 2559: “‘ชายหมู’ เมิน ปชป. ตัดขาด” – ชาวเน็ตทนไม่ไหว จวกสื่อไร้มารยาท รุมถ่ายเคลื่อนย้ายศพ “ปอ-ทฤษฎี”

23 มกราคม 2016


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 17-23 ม.ค. 2559

  • “ชายหมู” เมิน ปชป. ตัดขาด
  • ชาวเน็ตทนไม่ไหว จวกสื่อไร้มารยาท รุมถ่ายเคลื่อนย้ายศพ “ปอ-ทฤษฎี”
  • ม.44 ปลดล็อกผังเมือง ภาคประชาสังคมห่วง โรงงานผุดได้ทุกที่
  • เปิดตัวได้วันเดียว “แอปดาวเหนือ” ร่วง พบปัญหาความปลอดภัยข้อมูลผู้ใช้
  • “สุปรีดา” นั่ง ผจก.สสส. คนใหม่ – ตั้ง กก.สรรหา 7 บอร์ด – งบโครงการเกิน 5 ล้านยังล็อก
  • “ชายหมู” เมิน ปชป. ตัดขาด

    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/566091)
    ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.
    ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/566091)

    มรสุมรุมทึ้งประหนึ่งปีชง สำหรับ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่กลายเป็นประเด็นฮอตออนไลน์แบบข้ามปีตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะข้อกังขาเรื่องไฟประดับลานคนเมือง ประเด็นเสากล้องวงจรปิดของ กทม. ไฟรั่วดูดคนเสียชีวิต และล่าสุด พรรคการเมืองต้นสังกัดอย่างประชาธิปัตย์ก็มาแถลงตัดขาดอีก

    ในวันที่ 21 ม.ค. 2559 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงถึงเรื่องดังกล่าว โดยนายจุติชี้แจงว่า หลังจากอดีต ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์แถลงถึงความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติงานของ กทม. และทางพรรคได้พยายามประสานงานติดต่อกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นเวลาถึง 3 เดือนเพื่อหาทางแก้ปัญหาแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ทางพรรคจึงจำเป็นต้องรับผิดชอบต่อคะแนนเสียงของประชาชนที่ไว้วางใจสนับสนุนผู้สมัครของพรรคเป็นผู้ว่าฯ กทม. ด้วยการแสดงความชัดเจนว่า จากนี้ การทำงานของ กทม. ถือเป็นเอกเทศ ทางพรรคจะไม่สามารถแสดงความรับผิดชอบร่วมกับ กทม. และจะไม่ทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน

    ต่อเรื่องดังกล่าว เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานในวันเดียวกันว่า นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. และโฆษกประจำตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า การแถลงครั้งนี้ต้องพิจารณาว่าเป็นไปในนามพรรคหรือเรื่องส่วนบุคคล ส่วนที่ผ่านมาไม่สามารถติดต่อกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้เพราะติดภารกิจต่างๆ โดยที่ผ่านมา กทม. ก็ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับทุกฝ่าย และก็มีการประสานกับพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับพรรคใดพรรคหนึ่ง ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในปีสุดท้ายของการเป็นผู้ว่าฯ กทม. เป็นความต้องการให้นายกฯ ใช้มาตรา 44 กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือไม่ แต่ยังเชื่อการใช้อำนาจในดุลยพินิจของนายกฯ

    ชาวเน็ตทนไม่ไหว จวกสื่อไร้มารยาท รุมถ่ายเคลื่อนย้ายศพ “ปอ-ทฤษฎี”

    ปอ ทฤษฎี สหวงษ์ ที่มาภาพ: ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/538539)
    ปอ ทฤษฎี สหวงษ์
    ที่มาภาพ: ไทยรัฐออนไลน์ (http://www.thairath.co.th/content/538539)

    หลังจากต่อสู้มานานกว่า 2 เดือน กับอาการไข้เลือดออก ที่ตามมาด้วยอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ในที่สุด “ทฤษฎี สหวงษ์” หรือ “ปอ” ดารานักแสดงผู้มีชื่อเสียงของช่อง 3 ก็เสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2559 หรือคือก่อนวันครบรอบอายุ 38 ปีเพียง 5 วัน (ติดตามไทม์ไลน์ตั้งแต่การเข้ารักษาตัวจนถึงเสียชีวิตได้จากเว็บไซต์ไทยรัฐ)

    การจากไปของปอ-ทฤษฎี นอกจากจะนำมาซึ่งความเสียใจของครอบครัว คนใกล้ชิด แฟนคลับ และผู้ติดตามทั่วไป ยังกลายเป็นประเด็นให้สังคมต้องตั้งคำถามถึงจรรยาบรรณและมารยาททางสังคมของ “สื่อ” อีกด้วย เนื่องจากในโลกอินเทอร์เน็ตได้มีการเผยแพร่ภาพของกลุ่มช่างภาพที่รุมถ่ายภาพร่างไร้ชีวิตของพระเอกคนดังขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการเคลื่อนย้ายออกจากโรงพยาบาล โดยภาพนั้นแสดงให้เห็นว่าสื่อส่วนหนึ่งถึงกับเข้าไปในเขตรั้วที่กั้นไว้เพื่อเป็นทางสำหรับเคลื่อนย้าย แก่งแย่งกันจนพระสงฆ์ที่มาทำพิธีถูกเบียดไปอยู่ที่มุมหนึ่งของรั้ว อีกทั้งผ้าที่คลุมร่างของผู้ตายยังเปิดจนเผยส่วนหน้าผากออกมา (ชมภาพเหตุการณ์ส่วนหนึ่งได้ที่นี่)

    เหตุการณ์ดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์ ถึงเรื่องความเหมาะสมของสื่อต่อการทำหน้าที่ในกรณีดังกล่าวและกรณีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน โดยในวันที่ 19 ม.ค. 2559 เว็บไซต์เดลินิวส์ได้สัมภาษณ์นายสันติ เต๊ะเปีย ช่างภาพอาวุโส หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ซึ่งให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า การนำภาพศพระยะใกล้ขนาดนั้นมาลงเป็นการละเมิดสิทธิ์ผู้เสียชีวิต หากใครทำก็ถือว่าไม่มีจิตสำนึก และสื่อสำนักนั้นคงจะต้องโดนด่าทอ ซึ่งจะทำให้สื่อทั้งหมดรวมทั้งสื่อดีๆ ถูกเหมารวมไปด้วย ทุกวันนี้สื่อมวลชนแทบจะไม่มีศักดิ์ศรีหลงเหลืออยู่ในสังคมไทยแล้ว ถูกด่าอย่างหยาบคายเหมารวมว่าไม่ดีไปเสียหมด

    “ผมเองก็เป็นสื่อเหมือนกันกับพวกคุณนั่นแหละ แต่ผมอาจจะไม่เหมือนกับพวกคุณๆ เพราะมองในความจริง ไม่ได้บอกว่าตัวเองมีจิตสำนึกดีอะไร แต่ผมเองต้องใช้วิชาชีพนี้เลี้ยงชีวิตและครอบครัวไปจนตาย ทั้งๆ ที่ผมเองไม่ได้เรียนวิชานี้มา แต่ผมรักในวิชาชีพที่พวกคุณเรียนมา แต่พวกคุณไม่มีปัญญาที่จะช่วยกันรักษาศักดิ์ศรีของวิชาชีพของพวกคุณ มิหนำซ้ำพวกคุณบางคนกำลังจะช่วยกันทำลายวิชาชีพของคุณเองด้วยซ้ำ ผมในฐานที่ไม่ได้เรียนมา แต่ผมก็พยายามทำเพื่อรักษาหน้าของพวกคุณที่เรียนมาสายนี้เอาไว้ พวกคุณต้องช่วยกันหาทางเอาสิ่งที่ไม่ดี ออกจากสิ่งที่ดี” ช่างภาพอาวุโสฯ ระบุ

    อนึ่ง จากการรายงานของบีบีซีไทย ได้มีผู้เข้าไปตั้งแคมเปญรณรงค์ในเว็บไซต์ change.org เรื่อง อยากให้สื่อไทยมี “จรรยาบรรณวิชาชีพ” หรือ “มารยาททางสังคม” มากกว่านี้! โดยยกตัวอย่างทั้งเรื่องของปอ-ทฤษฎี และกรณีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ลงชื่อสนับสนุนกว่า 26,000 คนแล้ว

    ม.44 ปลดล็อกผังเมือง ภาคประชาสังคมห่วง โรงงานผุดได้ทุกที่

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ Green News TV (http://goo.gl/Dttmdl)
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ Green News TV (http://goo.gl/Dttmdl)

    21 ม.ค. 2559 เว็บไซต์ Green News TV รายงานว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. 2 ฉบับ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2559 โดยฉบับแรกให้ยกเว้นการบังคับใช้ผังเมืองรวมในกิจการบางประเภท ประกอบด้วย 1. โรงไฟฟ้า 2. โรงผลิตก๊าซซึ่งมิใช่ก๊าซธรรมชาติ ส่งหรือจำหน่วยก๊าซ 3. โรงงานปรับปรุงคุณภาพของรวม (โรงบำบัดน้ำเสีย/เตาเผาขยะ) 4. โรงงานคัดแยกและฝังกลบ 5. โรงงานเพื่อการรีไซเคิล

    ส่วนฉบับที่สองนั้นคือฉบับที่ 3/2559 เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้ยกเว้นกฎหมายผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคารในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งให้ยกเลิกข้อบัญญัติท้องถิ่นต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดของการห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย และใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร

    ทั้งนี้ เหตุผลในการออกคำสั่งดังกล่าว เป็นไปเพื่อจัดการกับปัญหาการจัดหาพลังงานและขยะล้นเมือง

    ในความเห็นของนางสุนีย์ ไชยรส รองประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) คำสั่งฉบับแรกนั้นจะทำให้สร้างโรงงานต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในพื้นที่ใดก็ได้ และทำให้การพยายามผลักดันกฎหมายผังเมืองเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชนไม่มีความหมายอีกต่อไป และยังน่ากังวลว่าหลังจากนี้จะมีการยกเว้นการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ด้วยหรือไม่ ส่วนคำสั่งฉบับที่สองนั้นก็เป็นการยกเว้นอำนาจการมีส่วนร่วมตัดสินใจขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งนับว่าอันตราย เพราะเกี่ยวเนื่องกับคนจำนวนมาก

    ส่วนทางด้านของ น.ส.ดาวัลย์ จันทรหัสดี นักวิชาการมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) ให้ความเห็นว่า ล่าสุดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ออกประกาศฉบับที่ 7/2558 ยกเว้นการจัดทำอีไอเอในโรงงานพลังงานความร้อนที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิงทุกขนาดไปแล้ว และประกาศที่เพิ่งออกนี้จะทำให้สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในพื้นที่ใดก็ได้ ซึ่ง น.ส.ดาวัลย์ตั้งคำถามว่า หากมีการตั้งศูนย์จัดการขยะขนาด 1,000 ไร่ ในพื้นที่ชุมชนหรือเกษตรกรรม ผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจะรุนแรงขนาดไหน

    ขณะเดียวกัน นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ยืนยันว่า การปลดล็อกผังเมืองนั้นไม่มีส่วนกับการจัดทำอีไอเอ โดยโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำอีไอเอก็ยังคงต้องทำเช่นเดิม ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำอะไรได้อย่างเสรี แม้ว่าโรงไฟฟ้าขยะจะไม่มีการทำอีไอเอ แต่ยังต้องอยู่ภายใต้ประมวลหลักการปฏิบัติ หรือ ซีโอพี (Code of Practice: CoP) ที่เป็นชุดของมาตรการขั้นต่ำที่ได้ประมวลผลมาจากอีไอเอไว้อย่างรัดกุมแล้วว่าโรงไฟฟ้าเหล่านี้จะต้องมีข้อกำหนดใดบ้าง ซึ่งนับรวมถึงขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นที่ยังคงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขประกอบการขออนุมัติอนุญาต

    “แต่ซีโอพีก็ไม่ได้สามารถใช้ได้กับทุกกรณี เพราะในบางพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม อย่างพื้นที่อนุรักษ์หรือพื้นที่ที่เป็นวิกฤติ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะก็ยังคงต้องทำอีไอเออยู่เช่นเดิม” เลขาฯ สผ. กล่าว

    เปิดตัวได้วันเดียว “แอปดาวเหนือ” ร่วง พบปัญหาความปลอดภัยข้อมูลผู้ใช้

    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ที่มาภาพ: เว็บไซต์ สนง.กกต. (http://www.ect.go.th/th/?p=7556)
    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ สนง.กกต. (http://www.ect.go.th/th/?p=7556)

    20 ม.ค. 2559 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สนง.กกต.) ได้รายงานข่าวการแถลงเปิดตัวแอปพลิเคชัน “ดาวเหนือ” บนโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟน (Smart Phone) และแท็บเล็ต (Tablet) เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหารายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สถานที่เลือกตั้ง และแผนที่เดินทางไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งได้ถูกต้อง รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการการเลือกตั้ง และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

    ทว่า ในวันต่อมา เว็บไซต์บล็อกนัน (Blognone) ก็รายงานว่าhttps://www.blognone.com/node/77010 มีผู้ค้นพบว่าแอปพลิเคชันดาวเหนือนั้นมีช่องโหว่ที่ทำให้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นได้โดยง่าย เช่น ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งหากมีผู้ไม่ประสงค์ดีนำเลขบัตรประชาชนของผู้อื่นมารวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไป ก็อาจเกิดปัญหาได้ ทั้งนี้ การเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นการยุ่งยากซับซ้อน และนักพัฒนาโปรแกรมทุกคนก็มีเครื่องมือที่ใช้ในการเข้าดูข้อมูลดังกล่าวได้ เพราะเป็นเคร่ืองมือปรกติที่ใช้ในการดูว่าแอปพลิเคชันนั้นๆ มีการส่งข้อมูลไปที่ไหนอย่างไร มีการป้องกันอย่างไร และแม้กระทั่งผู้ใช้ทั่วไปก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ได้ไม่ยาก

    จากรายงานของสำนักข่าวประชาไท วันที่ 22 ม.ค. 2559 นายสมชัยกล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า สำนักงานฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยได้ดำเนินการประสานงานกับสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง เพื่อเร่งดำเนินการเพิ่มมาตรการป้องกัน ดังนี้ 1. ปิดฐานข้อมูลเพื่อปรับปรุงระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันให้มีความเสถียร และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล 2. ป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่ให้ถูกเปิดเผยโดยได้ดำเนินการปกปิดข้อมูล ชื่อสกุล ไม่ให้ปรากฏบนแอปพลิเคชัน

    “สุปรีดา” นั่ง ผจก.สสส. คนใหม่ – ตั้ง กก.สรรหา 7 บอร์ด – งบโครงการเกิน 5 ล้านยังล็อก

    ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผจก.สสส. คนใหม่ ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/politics/374921)
    ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผจก.สสส. คนใหม่
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (http://www.dailynews.co.th/politics/374921)

    22 ม.ค. 2559 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ให้เป็นผู้จัดการกองทุน สสส. แทน ทพ.กฤษฎา เรืองอารีย์รัชต์ อดีตผู้จัดการ สสส. ที่ลาออกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว พร้อมกันนี้ยังได้ตั้งคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ตำแหน่ง เพื่อแทนคนเดิมที่ถูกปลดไปตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 1/2559 โดยให้ ศ. น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษากองทุน สสส. เป็นประธานคณะกรรมการสรรหา และนางประภาศรี บุญวิเศษ ผู้แทนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, นายระพีพันธุ์ สริวัฒน์ อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, นางทิชา ณ นคร บอร์ด สสส., รศ. ภก. ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.), ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ และมีผู้จัดการ สสส. เป็นเลขานุการฯ มีระยะเวลาสรรหา 30 วัน หากไม่แล้วเสร็จก็ขยายระยะเวลาได้อีก 30 วัน โดยใช้ระเบียบการสรรหาแบบเดิม ทั้งนี้ สำหรับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คนที่ถูกปลดออกก่อนหน้านี้ไม่พบว่ามีการทุจริต จึงจะส่งให้กฤษฎีกาตีความว่าสามารถสรรหาเข้ามาเป็นบอร์ดได้อีกหรือไม่

    นอกจากนี้ กรณีที่คณะกรรมกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายโครงการของรัฐ (คตร.) ไม่ให้มีการเบิกจ่ายในโครงการที่เกิน 5 ล้านบาทนั้น จะต้องมีการหารือร่วมไปกับการแก้ไขระเบียบของ สสส. ส่วนกรณีกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 5 ปี จากมูลนิธิและองค์กรต่างๆ ที่ทำงานกับ สสส. ไม่ได้นำเข้าที่ประชุม โดยคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของกระทรวงการคลังและการตีความข้อกฎหมาย