ณัฐวุฒิ เผ่าทวี
www.powdthavee.co.ku
ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านเกือบทุกท่านคงจะเคยได้ยินคำว่า Emotional Intelligence (EI) หรือความสามารถของคนเราในการเข้าใจและควบคุมอารมณ์ของตัวเองและของคนรอบข้างมาก่อน [ซึ่งตามนักจิตวิทยาแดเนียล โกลแมน (Daniel Goleman) เป็นความสามารถที่สำคัญในการดำเนินชีวิตกว่า IQ ที่เรารู้จักกันดี] แต่ผมคิดว่าคงจะยังมีคุณผู้อ่านหลายท่านที่ไม่เคยได้ยินคำว่า Social Intelligence (SI) หรือความสามารถในการใช้ EI ที่เรามีในการบริหารสัมพันธภาพทางสังคมที่เรามีกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรัก หรือคนแปลกหน้าก็ตาม
แดเนียล โกลแมน กล่าวเอาไว้ในหนังสือ Social Intelligence: The New Science of Human Relationships ของเขาว่า คนที่มี SI สูง ส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือ empathy เป็นหลัก ซึ่งคนที่มีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นสามารถที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับอารมณ์และความรู้สึกของคนอื่นรอบตัวได้ง่าย ซึ่งก็จะทำให้การบริหารสัมพันธภาพทางสังคมง่ายขึ้น รวมทั้งการขจัดความขัดแย้งในสังคมให้หายไปและเพิ่มการเข้าใจจุดยืนที่แตกต่างของคนอื่นง่ายขึ้นตามๆ ไปเช่นกัน
Reading the mind in the eyes
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีความสามารถของการเอาใจเขามาใส่ใจเรามากน้อยขนาดไหน นักจิตวิทยาเขามีวิธีวัด empathyที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ไหม
มีสิครับ
ศาสตราจารย์ไซมอน บารอน-โคเฮน (Simon Baron-Cohen) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge) และญาติของนักแสดง ซาชา บารอน-โคเฮน (Sacha Baron-Cohen) ที่เรารู้จักจากหนังฮอลลีวูดหลายเรื่อง ได้คิดค้นวิธีวัด empathy ที่มีพื้นฐานจากความสามารถของคนในการอ่านใจคนอื่นจากดวงตา หรือที่เรียกกันว่า “reading the mind in the eyes” ตามหลักของจิตวิทยานั้น คนที่มีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเราสูงจะสามารถอ่านความรู้สึกที่แท้จริงของคนรอบข้างได้จากการมองแค่ตาของคนคนนั้นเท่านั้นเอง
แล้วคุณผู้อ่านอยากทราบไหมครับว่า คุณผู้อ่านมีความสามารถในการอ่านใจคนอื่นจากดวงตาขนาดไหน ถ้าคุณผู้อ่านอยากทราบละก็ ผมอยากให้คุณผู้อ่านลองทำแบบฝึกหัดขนาดย่อ (25 จาก 32 ข้อ) ของไซมอน บารอน-โคเฮน ข้างล่างดูนะครับ (ส่วนคำตอบนั้นคุณผู้อ่านสามารถหาได้ที่ตอนท้ายของบทความนี้นะครับ) ป.ล. ผมอยากให้คุณผู้อ่านอ่านคำอธิบายภาษาอังกฤษเป็นตัวประกอบไปด้วยนะครับ เผื่อว่าผมแปลได้ไม่ตรงตัว
a) เกลียดชัง (hateful)
b) อิจฉา (jealous)
c) หยิ่งยะโส (arrogant)
d) ตื่นตระหนก (panicked)
a) ขี้เล่น (playful)
b) ปลอบโยน (comforting)
c) ระคายเคือง (irritated)
d) เบื่อหน่าย (bored)
a) หยิ่งยะโส (arrogant)
b) รำคาญ (annoyed)
c) เสียใจ (upset)
d) หวาดกลัว (terrified)
a) มั่นใจ (convinced)
b) กระวนกระวายใจ (flustered)
c) ปรารถนา (desire)
d) ขี้เล่น (playful)
a) ขบขัน (amused)
b) ผ่อนคลาย (relaxed)
c) อิจฉา (jealous)
d) ยืนยัน (insisting)
a) เป็นกันเอง (friendly)
b) ระคายเคือง (irritated)
c) กังวล (worried)
d) เยาะหยัน (sarcastic)
a) เพ้อฝัน (fantasising)
b) ตระหนกตกใจ (alarmed)
c) กังวล (worried)
d) ใจร้อน (impatient)
a) ไม่สบายใจ(uneasy)
b) เป็นกันเอง (friendly)
c) รู้สึกผิด (guilty)
d) อิจฉา (jealous)
a) ตื่นเต้น (excited)
b) โล่งใจ (relieved)
c) ขี้อาย (shy)
d) สิ้นหวัง (despondent)
a) รำคาญ (annoyed)
b) ไม่เป็นมิตร (hostile)
c) หวาดกลัว (horrified)
d) หมกมุ่น (preoccupied)
a) ระมัดระวัง (cautious)
b) ไตร่ตรอง (contemplative)
c) ผ่อนคลาย (relaxed)
d) ยืนยัน (insisting)
a) ไม่เป็นมิตร (hostile)
b) หยอกเย้า (flirtatious)
c) ขบขัน (amused)
d) เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น (regretful)
a) ละอายใจ (ashamed)
b) ไม่แน่ใจ (skeptical)
c) ท้อใจ (dispirited)
d) ไม่แยแส (indifferent)
a) ขี้อาย (shy)
b) ตื่นตระหนก (panicked)
c) ข่มขู่ (threatening)
d) รอในสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้ (anticipating)
a) ระคายเคือง (irritated)
b) ผิดหวัง (disappointed)
c) กล่าวหา (accusing)
d) มั่นใจ (convinced)
a) ไตร่ตรอง (contemplative)
b) ปรารถนา (desire)
c) หมกมุ่น (preoccupied)
d) เบื่อหน่าย (bored)
a) รำพึง (thoughtful)
b) ระคายเคือง (irritated)
c) ให้กำลังใจ (encouraging)
d) สงสาร (sympathetic)
a) ขี้เล่น (playful)
b) รักใคร่ (affectionate)
c) ข่มขู่ (threatening)
d) เต็มไปด้วยความสงสัย (doubtful)
a) ขบขัน (amused)
b) เบื่อหน่าย (bored)
c) เด็ดขาด (decisive)
d) ข่มขู่ (threatening)
a) หยิ่งยะโส (arrogant)
b) ซึ้งในนำ้ใจ (grateful)
c) ไม่แน่ใจ (tentative)
d) ประชดประชัน (sarcastic)
a) เป็นกันเอง (friendly)
b) หวาดกลัว (horrified)
c) รู้สึกผิด (guilty)
d) เต็มไปด้วยความสงสัย (doubtful)
a) ตื่นตระหนก (panicked)
b) เพ้อฝัน (fantasising)
c) งงงวย (confused)
d) มั่นใจ (convinced)
a) หมกมุ่น (preoccupied)
b) ยืนยัน (insisting)
c) เด็ดขาด (decisive)
d) ไม่แน่ใจ (skeptical)
a) รำพึง (thoughtful)
b) ระคายเคือง (irritated)
c) ตื่นเต้น (excited)
d) ไม่เป็นมิตร (hostile)
a) เต็มไปด้วยความสงสัย (doubtful)
b) ตื่นตระหนก (panicked)
c) สนใจ (interested)
d) สิ้นหวัง (despondent)
เป็นยังไงกันบ้างครับ
ตามผลงานวิจัยของไซมอน บารอน-โคเฮน โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะทำคะแนนได้สูงกว่าผู้ชาย (คะแนนของผู้หญิงจะอยู่ที่ประมาณ 22 ส่วนผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณ 19) ส่วนกลุ่มที่ทำคะแนนได้ต่ำที่สุดในกลุ่มตัวอย่างของเขา (คะแนนน้อยกว่า 16) ก็คือกลุ่มของคน autistic ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีระบบการสื่อสารกับผู้อื่นในสมองบกพร่อง
ความสามารถในการอ่านอารมณ์ของคนอื่นจากการมองแค่ตาเป็นความสามารถที่สำคัญมากในชีวิตประจำวันของเรานะครับ ตามผลงานวิจัยหลายๆ ชิ้นพบว่าคนที่มีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเราสูงนั้นมักจะมีเพื่อนเยอะกว่าคนทั่วไป แถมโอกาสที่พวกเขาจะมีชีวิตการสมรสที่ดีและยาวนานกว่าคนอื่นก็สูงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย และที่สำคัญเราสามารถที่จะฝึกลูกหลานของเราให้มีความสามารถในการอ่านใจคนจากตาได้ด้วยผ่านทางการสอน theory of mind ต่างๆ นานา ซึ่งถ้าผมมีเวลาผมจะเขียนถึงการสอนเหล่านี้ในตอนต่อๆ ไปนะครับ
อ่านเพิ่มเติม
Chapman, E., Baron-Cohen, S., Auyeung, B., Knickmeyer, R., Taylor, K., & Hackett, G. (2006). Fetal testosterone and empathy: evidence from the empathy quotient (EQ) and the “reading the mind in the eyes” test. Social Neuroscience,, 1(2), 135-148.
Goleman, D. (2007). Social intelligence: the new science of human relationships. Random house.
คำเฉลย: 1.d, 2.a, 3.c, 4.c, 5.d, 6.c, 7.a, 8.a, 9.d, 10.d, 11.a, 12.d, 13.b, 14.d, 15.c, 16.a, 17.a, 18.d, 19.c, 20.c, 21.a, 22.b, 23.a, 24.a, 25.c