ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > คตง. แนะรัฐบาลไม่ควรจ่ายค่าโง่คลองด่าน จี้เรียกค่าเสียหายจาก ” กิจการร่วมค้า NVPSKG ” 2.37 หมื่นล้าน มาหักกลบ ระบุผิดเงื่อนไข TOR

คตง. แนะรัฐบาลไม่ควรจ่ายค่าโง่คลองด่าน จี้เรียกค่าเสียหายจาก ” กิจการร่วมค้า NVPSKG ” 2.37 หมื่นล้าน มาหักกลบ ระบุผิดเงื่อนไข TOR

21 ธันวาคม 2015


สืบเนื่องจากศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ให้จำคุกอดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษกับพวกรวม 3 คน คนละ 20 ปี ฐานทุจริตต่อหน้าที่โครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปี 2538-2546 โดยเอื้อประโยชน์และช่วยเหลือผู้รับจ้างโดยมิชอบ เช่น การเปลี่ยนสถานที่ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย, การกำหนดราคาค่าก่อสร้างให้สูงขึ้น การทำสัญญากับผู้รับจ้างทั้งๆ ที่ขาดคุณสมบัติตาม TOR เป็นเหตุให้รัฐเสียหายอย่างร้ายแรง 23,700 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าเสนอข่าว “ย้อนรอย ค่าโง่คลองด่าน” ว่า เดิมโครงการนี้จะก่อสร้างขึ้น 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดสมุทรปราการ คือ ฝั่งบางปู และฝั่งพระสมุทรเจดีย์ แต่ต่อมากลับรวมโครงการดังกล่าวนี้ไว้บนที่ดินผืนเดียวบนฝั่งตะวันออกของตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ บนที่ดิน 1,900 ไร่ ซึ่งขัดแย้งกับผลการศึกษาของบริษัท มอนต์โกเมอรี่ วัตสัน เอเชีย จำกัด ที่มีความเห็นว่า ที่ดินบริเวณฝั่งคลองด่านไม่มีความเหมาะสม เพราะเป็นดินเหลว และที่ดินฝั่งคลองด่านส่วนหนึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์ แต่มีการออกโฉนดโดยมิชอบ เพื่อนำมาขายให้แก่กรมควบคุมมลพิษในราคาที่สูงมาก เป็นเหตุให้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายวัฒนา อัศวเหมเป็นเวลา 10 ปี

นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มวงเงินโครงการจากเดิม 13,612 ล้านบาท เป็น 22,955 ล้านบาท และเดิมมีผู้ซื้อซองประกวดราคา 13 ราย แต่เมื่อมีการกำหนดคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงใน TOR ว่าผู้รับจ้างต้องมีประสบการณ์ในการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ทำให้มีผู้ยื่นซองประมูลจริงเพียง 4 ราย และผ่านคุณสมบัติเพียง 2 ราย ได้แก่ “กิจการร่วมค้า NVPSKG” และ “กลุ่มบริษัทมารูบินี” ต่อมานายปกิต กิระวานิช อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษขณะนั้น ได้แก้เงื่อนไขการประมูล โดยให้รวมโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียไว้บนที่ดินผืนเดียว ทั้งๆ ที่มติ ครม. ระบุให้ทำบนที่ดินสองผืน ทำให้กลุ่มบริษัทมารูบินีถอนตัวเพราะหาที่ดินไม่ทัน กิจการร่วมค้า NVPSKG จึงชนะการประมูลที่ราคา 22,949 ล้านบาท

แต่ก่อนทำสัญญา บริษัท นอร์ธเวสต์ วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (NWWI) ซึ่งเป็นบริษัทเดียวที่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียได้ถอนตัวจากกิจการร่วมค้า NVPSKG ทำให้กิจการร่วมค้าขาดคุณสมบัติตามเงื่อนไขใน TOR เพราะผู้ร่วมค้าอีก 5 บริษัทไม่มีประสบการณ์ในการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่มีการทำสัญญาทั้งที่ขาดคุณสมบัติ

และในระหว่างการก่อสร้าง นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขณะนั้น ตรวจพบประเด็นทุจริตหลายรายการ รวมทั้งกรณีที่ NWWI ถอนตัวจากกิจการร่วมค้า NVPSKG นายประพัฒน์จึงสั่งให้ยุติการก่อสร้าง ทางกิจการร่วมค้า NVPSKG ยื่นคำร้องให้อนุญาโตตุลาการพิจารณา ปรากฏว่าอนุญาโตตุลาการตัดสินให้กรมควบคุมมลพิษจ่ายเงินค่าเสียหาย 9,000 ล้านบาท ทางกรมควบคุมมลพิษจึงนำคดีนี้ส่งให้ศาลปกครองพิจารณา แต่สุดท้ายศาลปกครองสูงสุดก็มีคำพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษจ่ายค่าเสียหายตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)
นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.)

ต่อกรณีดังกล่าว นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เปิดเผยว่า “การที่อดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษกับพวกทุจริตต่อหน้าที่โดยกระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์และช่วยเหลือกิจการร่วมค้า NVPSKG ให้เป็นผู้รับจ้างงานโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านโดยมิชอบ ทั้งที่กิจการร่วมค้าฯ ขาดคุณสมบัติตาม TOR ของกรมควบคุมมลพิษ เนื่องจากบริษัท นอร์ธเวสต์ วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งมีประสบการณ์ในการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียขอถอนตัวจากกิจการร่วมค้าก่อนมีการลงนามในสัญญาจ้าง ย่อมเข้าข่ายการกระทำละเมิดต่อกรมควบคุมมลพิษ ทำให้กรมควบคุมมลพิษเสียหายอย่างร้ายแรง 23,700 ล้านบาท ผู้ร่วมค้าทั้ง 5 บริษัท และอธิบดีกรมควบคุมมลพิษกับพวก จึงต้องร่วมกันรับผิดชอบโดยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมควบคุมมลพิษ 23,700 ล้านบาท ถึงแม้ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้กรมควบคุมมลพิษจ่ายค่าเสียหายให้ผู้ร่วมค้าทั้ง 5 บริษัท 9,000 ล้านบาท แต่กรมควบคุมมลพิษขอหักกลบลบหนี้กันได้

ดังนั้น ผู้ร่วมค้าทั้ง 5 บริษัท ต้องจ่ายเงินให้กรมควบคุมมลพิษ 14,700 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย แม้รัฐบาลตกลงกับผู้ร่วมค้าทั้ง 5 บริษัท ขอผ่อนชำระแล้ว รัฐบาลก็ขอหักกลบลบหนี้ได้ เพราะหนี้ละเมิดผิดนัดเริ่มนับตั้งแต่เวลาที่ทำการละเมิด ฉะนั้น รัฐบาลจึงควรพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบในการใช้งบกลางจ่ายเงินให้ผู้ร่วมค้าทั้ง 5 บริษัท 9,000 กว่าล้านบาท

“ก่อนคดีค่าโง่คลองด่าน ก็มีคดีค่าโง่ทางด่วนสายบางนา-บางพลี-สมุทรปราการเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าอนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จ่ายค่าเสียหายให้กิจการร่วมค้า BBCD 6,000 ล้านบาท แต่ศาลฎีกาก็มีคำพิพากษาที่ 7277/2549 ให้ กทพ. ไม่ต้องจ่ายตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการแม้แต่บาทเดียว เพราะผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทยทำสัญญากับกิจการร่วมค้า BBCD ผู้รับจ้าง โดยเอื้อประโยชน์และช่วยเหลือผู้รับจ้าง สัญญาจ้างจึงเกิดจากกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่มีผลผูกพันกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกันกับคดีค่าโง่คลองด่านนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐก็เอื้อประโยชน์และช่วยเหลือผู้รับจ้างเช่นเดียวกัน ผลคดีน่าจะไม่ต่างกัน คือ รัฐไม่ควรจ่ายค่าโง่เหมือนกัน แต่เมื่อคดีค่าโง่คลองด่าน ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้จ่าย รัฐบาลก็ควรแก้ด้วยการขอหักกลบลบหนี้กับค่าเสียหายที่ผู้รับจ้างต้องร่วมรับผิดชอบ เพื่อให้รัฐบาลไม่ต้องจ่าย และยังเรียกร้องให้ผู้รับจ้างจ่ายค่าเสียหายอีก 14,700 บาทได้ด้วย” นายชัยสิทธิ์กล่าว