ThaiPublica > เกาะกระแส > DIB Talk ธุรกิจคิดต่าง (2): สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา – “การอยู่กับธรรมชาติ ชื่นชมแต่ต้องปกป้องด้วย”

DIB Talk ธุรกิจคิดต่าง (2): สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา – “การอยู่กับธรรมชาติ ชื่นชมแต่ต้องปกป้องด้วย”

5 ธันวาคม 2015


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการจัดเสวนา Do it Better Talk (DIB Talk) ครั้งที่ 3 โดยบริษัท ป่าสาละ จำกัด ที่เป็นการเสนอความคิดของคนที่อยากทำให้โลกดีขึ้น ด้วยธุรกิจคิดต่าง (Do it Better by Unconventional Business) โดยมีวิทยากร ได้แก่ ณัฐพงศ์ เทียนดี จากสถานีโทรทัศน์ออนไลน์ SpokeDark.TV, สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา จากโรงแรมบ้านท้องทราย เกาะสมุย, แสงเดือน ชัยเลิศ จาก Elephant Nature Park จ. เชียงใหม่, วรวิทย์ ศิริพากย์ จากปัญญ์ปุริ (Panpuri) และประสิทธิ์ วิทยสัมฤทธิ์ จาก ชูใจ กะ กัลยาณมิตร

สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา
สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา

จากตอนที่ 1 “ณัฐพงศ์ เทียนดี” กล่าวถึงความยั่งยืนทางวัฒนธรรมการแสดงออก ผ่านรายการ Spokedark TV ในตอนที่ 2 นี้ “สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา” ได้พูดถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยเล่าถึงโรงแรมบ้านท้องทราย ที่เกาะสมุย เกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะและพลังงาน

สายสิริเล่าว่า จริงๆ แล้วศึกษามาทางด้าน information system และทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และเป็นพิธีกร สาเหตุคือแต่งงาน จึงต้องมาทำโรงแรมบ้านท้องทรายของพ่อสามี (อากร ฮุนตระกูล) เป็นเจ้าของ ซึ่งมีมา 15 ปีแล้ว

ความคิดที่จะทำธุรกิจเชิงอนุรักษ์นั้นคิดว่า ความฟุ่มเฟือยอยู่ตรงข้ามกับการอนุรักษ์ เพราะความฟุ่มเฟือยหมายถึงเราใช้ทรัพยากรที่ล้นหรือเกิน

“ก็เรามีหาดส่วนตัว มีพื้นที่ ทั้งหมดอยู่ที่ 72 ไร่ ทั้งโรงแรม แต่มีแค่ 83 ห้อง จะเห็นว่าพื้นที่ของโรงแรมทั้งหมดมีพื้นที่สีเขียวเยอะกว่าตึก”

คุณสายสิริเล่าต่อว่า โรงแรมสมัยนี้จะทำ volume คือพยายามจะสร้างห้องให้เยอะ เพื่อได้เงินเยอะขึ้น แต่เราพยายามทำให้มีธรรมชาติเยอะขึ้น ในหลายๆ ที่อาจจะมีสถาปัตยกรรมหรือจ้างดีไซเนอร์ที่สร้างโอ่งหรือโหลใหญ่ๆ พอเดินเข้าไปก็จะรู้สึก intimidate โดยประติมากรรมเหล่านี้

แต่ว่าของท้องทราย เราใช้ธรรมชาติเข้ามา intimidate ตัวเรา หมายถึง เวลาเดินเข้าไปจะรู้สึกว่าธรรมชาติของที่นี่มันยิ่งใหญ่ คือเราอยากได้ผลแบบนั้นจากแขก เราก็จะไม่ค่อยมีสิ่งก่อสร้างจากคนเท่าไหร่ พยายามให้มีน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้

“ในช่วงที่ไปทำโรงแรมบ้านท้องทราย ตอนแรกก็ทำด้าน operation คือรันโรงแรม เราก็ไม่ค่อยได้ทำเรื่องใหญ่ๆ สมัยนั้นคุณแม่ของสามี (ชมพูนุช ฮุนตระกูล) ยังทำอยู่ ก็มีการ renovate โรงแรม

ปรากฎว่าในวันหนึ่ง มีจดหมายมาจากฝรั่งคนหนึ่งแจ้งว่า มีพนักงานของโรงแรมบ้านท้องทรายคนหนึ่งเอาขยะไปทิ้งและเผา มันรบกวนชาวบ้านในชุมชนในซอยบ้านของฉันมาก เราก็ไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่ามีการเอาขยะไปทิ้งและเผา

ก็ไปดูกับตาก็เป็นเรื่องจริง ก็รู้สึกแย่มาก เลยเริ่มมาสนใจเรื่องของขยะมากขึ้น ว่าเราจะมีวิธีบริหารจัดการขยะอย่างไรให้มันดีกว่าที่เป็น และเราก็รู้สึกรับผิดชอบต่อชุมชนตรงนั้นด้วย นี่เป็นที่มาที่ไปของ green project จริงๆ เราเริ่มมาจากขยะ

พอเรามาเห็นแล้วว่า โรงแรมมีขยะเยอะมาก และมีเกือบทุกประเภท ตั้งแต่ขยะอันตรายจนถึงขยะธรรมชาติ ขยะที่ไม่ย่อยสลายและขยะที่ย่อยสลาย เราก็มาเริ่มจากเรื่องขยะก่อน

ปัจจุบันพนักงานโรงแรมบ้านท้องทรายจะต้องรู้จักวิธีการแยกขยะ 6 ชนิดด้วยกัน ต้องรู้ว่าถุงแต่ละสีแยกขยะประเภทอะไรบ้าง เริ่มแรกก็จะแยกขยะเป็น 2 ประเภท ประเภทหนึ่งจะเป็นขยะธรรมชาติ เช่น ใบไม้ และอาหาร เอาพวกเศษอาหารมาทำจุลินทรีย์ หรือ EM ซึ่งสมัยนี้ก็ทำกันเยอะแล้ว เอามาเป็นน้ำยาทำความสะอาดบ้าง ดับกลิ่นบ้าง

ส่วนขยะใบไม้ ก็เอามาทำปุ๋ย ซึ่งปุ๋ยเหล่านี้ก็จะกลับไปที่สวนออร์แกนิกที่เราปลูกเองให้แขกกับพนักงาน

ขยะที่ไม่ย่อยสลาย เป็นขยะที่เราอยากให้มีน้อยที่สุด พอเราได้มาแล้ว ก็จะมาดูว่ามันอาจจะมีขยะที่เป็นโฟม หลอดไฟ แบตเตอรี่ พวกนี้เราก็จะทำอย่างไรกับมัน เราก็เอามาแยกก่อน แล้วไปหาดูว่าแต่ละชนิดมันไปที่ไหนได้บ้าง มีบริษัทไทยไหนบ้างที่รับแล้วไปกำจัดมันให้ถูกวิธี

ส่วนใหญ่จะส่งไป GENCO ซึ่งก็หลีกเลี่ยงยาก อย่างทีวี โรงแรมที่ไหนก็ต้องมีทีวีให้แขกดู เราซื้อทีวี 32 เครื่อง ก็มีกล่องมา มีโฟมแพคมา ก็ติดต่อกลับไปที่ supplier ว่ารับคืนไหมเผื่อจะเอาไปแพคอย่างอื่นต่อ เขาก็ไม่เอา

อย่างกระป๋องสี เราก็มีปัญหาหนัก มีกระป๋องสี TOT เต็มไปหมด เพราะต้องมีการทาสีและบำรุงรักษาให้โรงแรมอยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา ก็โทรไปถาม supplier ว่ารับคืนไหม เผื่อเขาจะเอากระป๋องไปล้างให้สะอาดแล้วเอาสีมาขายใหม่ เขาก็ไม่เอา

ดังนั้น ก็เป็นภาระของเราที่ต้องจัดการมันให้ถูกต้อง ตามวิธีที่เหมาะสม สำหรับขยะที่ไม่ย่อยสลาย

สายสิริยังกล่าวถึงความคิดริเริ่มที่ทำให้ตนจริงจังกับเรื่องสิ่งแวดล้อมว่า รู้สึกเกรงใจ คือเริ่มต้นสมัยที่เราไปอยู่ที่สมุย สมัยก่อนพอเราไปเที่ยวธรรมชาติ คนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติจะคิดว่าเรารักธรรมชาติก็ไปเที่ยว แต่ความเป็นจริงพอไปอยู่กับธรรมชาติจริงๆ แล้ว การรับการชื่นชมมันไม่พอ มันต้องปกป้องด้วย

วิธีที่พนักงานคนนั้นไปเผาขยะที่ซอยนั้น มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้สร้างแค่ผลกระทบต่อชุมชนอย่างเดียว มันสร้างผลกระทบต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ตรงนั้นด้วย คือใจรักอยู่แล้วด้วย

และสมัยก่อนสมุยก็มีโรงแรมไม่กี่โรงแรม และเราก็เป็นโรงแรมเก่าที่อยู่มานาน ไปสร้างผลกระทบแบบนั้นกับชุมชนมันก็น่าอาย ก็ต้องแก้ปัญหา

พนักงานเป็นส่วนสำคัญมากในการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร ถ้าเกิดไม่ยัดเยียดเรื่องนี้ให้พนักงาน เราจะไม่สามารถเป็นองค์กรสีเขียวได้เลย คือช่วงปีแรก พนักงานทุกคนจะไม่เข้าใจ เพราะว่าเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเรายังไม่เคยได้ยินกระแสเรื่องโลกร้อนเลย ซึ่งยังไม่ฮิตเหมือนตอนนี้

ทีนี้จะอธิบายให้พนักงานที่ทำงานแบบเดิมๆ มานานมากๆ อยู่มาวันหนึ่งจะให้เขามาเป็นนักอนุรักษ์ มันยากมาก เราก็ต้องมีวิธีล้างสมองเขา ใช้เวลาประมาณ 2 ปี กว่าจะล้างสมองได้

ด้วยการพาเขาออกนอกสถานที่ ไปอยู่รวมกันในสถานที่ที่ไม่ใช่โรงแรม หรือพื้นที่ที่เขาทำงานปกติ แล้วก็จ้างคนมา 4-5 คนทำเรื่อง training เอานักอนุรักษ์มาสอนว่าทำไมต้องอนุรักษ์ เพราะบางครั้งเวลาเราพูด เขาไม่ฟัง ต้องเอาคนอื่นมาพูดแทน เหมือน outing และสอดไส้เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้าไปในทุกๆ training ด้วย คือเราก็ฝึกเรื่องงานบริการด้วย แต่เราจะฝึกเรื่องการอนุรักษ์เท่าเทียมกัน 50-50

นอกจากขยะแล้ว ยังมีการจัดการบริหารพลังน้ำ ระบบนิเวศ มีทั้งขยะที่รีไซเคิล ท่อพีวีซี ไม้เก่า และเทียน เป็นต้น ซึ่งเรามีขยะเทียนเยอะมาก เราก็เอามาใช้ทำเทียน วนอยู่อย่างนี้ เราก็ไม่ต้องซื้อใหม่ เป็นการลด cost ด้วย นี่เป็นต้นมะพร้าวที่ตายเอง สมุยมีปัญหาเรื่องด้วงกินมะพร้าวเยอะมาก เราก็เสียดายไม้มะพร้าวที่ตายแล้ว เราเลยเอามาแปรรูป เอากลับมาใช้ใหม่ที่โรงแรมได้ และปลูกทดแทนใหม่ด้วย

มีการลดขยะของโรงแรมและลดขยะของแขก คืออะไรที่เป็นพลาสติก เราก็เปลี่ยนเป็นแก้ว

อย่างถังที่เป็นอะลูมิเนียม แทนที่จะใช้ถุงพลาสติก เราก็มาใช้ตาข่ายแทน เพื่อลดถุงพลาสติก ในมินิบาร์ของเราจะไม่มีขวดพลาสติกเลย

supplier ที่เราทำงานด้วยหลายปี จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่มาส่งของที่โรงแรมท้องทราย ห้ามใส่ถุงพลาสติก เพราะเราจะไม่รับ

น้ำยาต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เราใช้ แต่เราก็ยอมรับว่าเรายังใช้บางส่วนที่เป็นเคมีบ้าง ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เราจะพยายามใช้ตัวที่ดีกับธรรมชาติมากที่สุด

เรื่องการทำความร้อนจากแอร์ เราก็เปลี่ยนหลอดเป็น LED ทุนสูงหน่อย แต่ระยะยาวดีต่อธุรกิจมากๆ เป็นการลด cost คือคอมเพรสเซอร์แอร์ ทำน้ำร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์ ก็คือปกติเวลาทำน้ำร้อนมันจะเป็นระบบที่ผ่านคอยล์ร้อน (condensing unit) ใช่ไหม ตัวนี้จะกินไฟมาก เพราะเวลาที่น้ำผ่านเข้าไป แล้วคอยล์ร้อนมันทำงาน มันจะดึงพลังงานไปใช้ค่อนข้างสูง

วิธีนี้คือว่าแอร์ต้องทำงานอยู่แล้ว มันก็มีความร้อนที่ปล่อยจากคอมเพรสเซอร์แอร์ เราก็เอาความร้อนนี้ไป keep น้ำ ซึ่งลดค่าไฟลงได้เยอะ

อันนี้เป็นเรื่องของการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งหลายๆ โรงแรมต้องทำอยู่แล้ว แต่เราจะมี wetland คือการบำบัดน้ำแบบธรรมชาติ คือให้กบและธูปเป็นตัวกรองน้ำจากน้ำเสียมาเป็นน้ำดี

มีน้ำที่ออกจากแผนกซักผ้า ที่มีถุงซักฟอก ซักผ้า นำไปกรองจนเสร็จก็เอาไปรดน้ำต้นไม้ได้ต่อเป็นการประหยัดน้ำ

เรื่องที่เราจะบอกกับพนักงานเกี่ยวกับการประหยัดน้ำในโรงแรม เพราะสมุยมีปัญหาเรื่องการใช้น้ำเหมือนกัน

สายสิริกล่าวถึงเสียงสะท้อนจากชุมชนที่ดีขึ้นว่า พอเราเริ่มไปจัดการเรื่องขยะตอนนั้น ไปทำเรื่องสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ชื่อเสียงของเราก็ดีขึ้นมาทันที จากแต่ก่อนอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร่ ตอนนี้มีหน่วยงานข้างนอกในชุมชนมาดูงานเราค่อนข้างเยอะ ชาวต่างชาติก็มา

นอกจากนั้น กระแสตอบรับจากลูกค้าเองก็เป็นไปในทางที่น่าพอใจ ยังมีการสร้างความตระหนักรู้ให้กับแขกที่มาพักและพนักงานอีกด้วย

“นอกเหนือจากการที่เราฝึกชุมชนหรือเด็กในชุมชนเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแล้ว เราก็ฝึกพนักงานเรื่องสิ่งแวดล้อม แล้วเราก็ฝึกแขกของเราด้วย อย่างเด็กที่มากับลูกค้าเราก็จับมาฝึกได้เหมือนกัน

เราก็จัดกิจกรรมร่วมกับแขก เช่น กิจกรรมให้เด็กๆ เขียนว่าเห็นสัตว์ในท้องทรายกี่ตัว เห็นนกกี่ตัว ชนิดอะไรบ้าง ก็สร้างความรู้ให้กับแขกในเรื่องของสัตว์ด้วย

สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา
สายสิริ ชุมสาย ณ อยุธยา

แขกก็ต้องแยกขยะเหมือนกัน ส่วนใหญ่แขกก็จะชอบและให้ความร่วมมือ ว่างๆ เราก็จะพาแขกไปดูสวนออร์แกนิก

มีระบบให้สแกนให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้ด้วย ในห้อง ในสถานที่ต่างๆ ก็จะมีป้ายบอกให้เขาช่วยประหยัดพลังงานด้วย ฉะนั้น ในโรงแรม แขกจะมีส่วนร่วมกับเราเยอะ

ก่อนที่จะเชกเอาต์ แขกก็ต้องเขียนฟีดแบ็คเกี่ยวกับโรงแรม คือจริงๆ จะมีใบถามว่าพึงพอใจกับเกี่ยวการอำนวยความสะดวกแค่ไหน แต่ส่วนหนึ่งเราอยากจะสร้าง awareness ให้กับแขก เราก็จะถามแขกว่าคุณคิดว่าคุณมีข้อแนะนำอะไรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมบ้าง และ คุณคิดว่าเราทำเพียงพอหรือยังในเรื่องสิ่งแวดล้อม แขกส่วนใหญ่จะตอบ ใช่

“อย่างมีใบหนึ่งที่บอกว่า ถ้าธรรมชาติมีปากมีเสียงก็คงขอบคุณโรงแรมบ้านท้องทราย จริงๆ ถ้าธรรมชาติมีปากมีเสียง คนคงโดนด่าไปเยอะแล้ว บางคนยังบอกว่าเขาอยากจะให้โรงแรมหรือธุรกิจในสมุย หรือแม้กระทั่งธุรกิจในเมืองไทย ทำเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้เยอะขึ้น เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วแขกที่มาจากประเทศที่ทำเรื่องสิ่งแวดล้อม เขาจะตื่นเต้นว่าธุรกิจในเมืองไทยก็ advance นะ ในเรื่องแบบนี้”

“มีกระแสเรื่องความยั่งยืนเกิดมามาก จริงๆ มีโรงแรมหลายโรงแรมมากที่มาดูงานเรา และโรงแรมบูทีคก็สนใจมากๆ พวกคนที่ทำเรื่องผักออร์แกนิกก็เยอะขึ้น ลดการใช้สารเคมีเยอะขึ้น

จริงๆ บางคนก็มาจริง บางคนก็มาปลอม คือ บางคนมาจริงเขาก็ทำจริง เจ้าของตั้งใจทำจริงๆ บางคนอาจจะทำเพื่อสร้างภาพ พีอาร์ก็มี หรือที่เขาเรียกว่า CSR แล้วก็ทำกันเยอะๆ ไม่พูดดีกว่า

“เลยไม่แน่ใจว่า trend ทำจริงมันมีเยอะแค่ไหน ซึ่งลูกค้าจะบอกได้ อย่างดิฉันเอง อย่างมีโรงแรมหนึ่งที่โฆษณาใน CNN ว่าเขาเป็นโรงแรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อมมาก เราก็อยากไปดูงาน ไปดูต้นแบบของโรงแรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อมในเมืองนอก เราก็เลยไป พอเราไปก็ผิดหวัง คือจริงๆ แล้วเขาก็ฉีดยุง ใช้สารเคมี และสร้างโรงแรมในพื้นที่ที่เป็นป่าสงวน มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า สำหรับเราที่เป็นลูกก็ไม่เชื่อถือจริงๆ ”

สำหรับกรณีที่มีคนอยากจะริเริ่มธุรกิจเป็น startup เป็น social enterprise และบ้างสนใจธุรกิจท่องเที่ยว

สายสิริกล่าวว่า “อย่างแรกเลยคือดิฉันเองก็ไม่ได้สร้างโรงแรมนี้ ในช่วงสร้างโรงแรม พื้นที่ธรรมชาติก็คงไปเยอะ แต่ในช่วงแรกคุณอากร พยายามจะลดเรื่องการตัดต้นไม้ เวลาที่สร้างโรงแรมท้องทรายจะไม่ตัดต้นไม้ใหญ่เลย เป็นนโยบายหนึ่ง เพราะฉะนั้นมันมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็คิดว่าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเราทำธุรกิจด้านนี้เราอยู่ในสังคมทุนนิยม ในความเป็นจริงเราก็คงทำลายและบริโภคธรรมชาติส่วนหนึ่ง”

จริงๆ สร้างโรงแรมใหม่มันดีกว่าทำต่อจากโรงแรมเก่าด้วยซ้ำ คือ ถ้าจะสร้างใหม่แล้วกัน ในความเป็นจริงคือคุณไปซื้อที่เก่ามาทำใหม่ได้ อันนี้อาจจะดีกว่า เพราะว่าคุณไม่รุกรานพื้นที่ธรรมชาติ เพราะมันเป็นพื้นที่ที่โดนรุกรานไปแล้ว คุณสามารถตั้งระบบได้มากมาย อย่างท้องทรายตอนนี้เวลาที่เราจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ ใช้พลังงานสะอาด มันก็ยาก เพราะด้วยโครงสร้างพื้นฐานของโรงแรมเดิมทำให้เดินสายไฟค่อนข้างจะลำบาก

ดังนั้น ถ้าใครอยากทำโรงแรมที่เรียกว่าเป็น environmental friendly หรือว่า green hotel จริงๆ ถ้าเริ่มทำใหม่ตั้งแต่ต้นเลยอาจจะง่ายกว่า ก็ไปดูว่าสมัยนี้มีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยลดพลังงาน ช่วยดูแลน้ำเสีย การประหยัดน้ำ และก็ทำให้แน่ใจว่าเราไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายสัตว์ เราต้องทำมันเพราะเรารักมัน

ที่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวก คือจริงๆ มันสร้างความตระหนักรู้ว่ามันมีเรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่นะ มีผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมเกิดอยู่นะ โดยเฉพาะในเกาะสมุย อย่างในสมัยก่อน ประมาณปี 2557 เกาะสมุยมีโรงแรมเยอะมาก มีสิ่งก่อสร้างเยอะมาก ฉะนั้นเราจะเห็นเลยว่าขยะเยอะขึ้น พลังงานที่ต้องใช้ก็เยอะขึ้น

“ตอนนี้เราสร้างได้แต่ความตระหนักรู้ แต่คนจะทำหรือไม่ มันอยู่ที่ตัวเรา ซึ่งก็วัดผลไม่ได้ จะเห็นว่าพื้นที่สีเขียวก็ลดลงเรื่อยๆ เวลาที่เราก่อสร้างในสมัยแรกก็ค่อนข้างมีการตัดไม้บ้าง แต่ก็มีต้นไม้ที่เริ่มโตขึ้น”

สำหรับบทบาทอื่นๆ ของสายสิรินั้น ยังเป็นกรรมการมูลนิธิโลกสีเขียว ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งที่หยุดจากงานโรงแรมไป แต่ตอนนี้ก็ทำน้อยลง เพราะทำงานที่โรงแรมเต็มตัวขึ้น อย่างไรก็ดี การทำงานโรงแรมก็ยังทำให้เธอได้ทำงานกับชุมชนเยอะ ล่าสุดก็ได้พาเด็กนักเรียนในชุมชนมาฝึก

“เด็กที่อยู่ต่างจังหวัดก็อยู่กับโลกปัจจุบัน ก็เล่นเกม เขาไม่ได้ติดกับโลกธรรมชาติอย่างเราคิดแล้ว บางคนก็ปลูกต้นไม้ไม่เป็นทั้งๆ ที่อยู่กับธรรมชาติ เราก็พยายามใส่เรื่องนี้ไปด้วย ช่วงที่ไม่ได้ทำงานในโรงแรมก็ทำกับชุมชนด้วย”

ทั้งนี้ โรงแรมท้องทราย ยังให้ความสำคัญกับสัตว์ที่อยู่ตามบริเวณบ้านท้องทรายด้วย เช่น มีงูเหลือมที่ลงไปว่ายน้ำกับแขก แม้แขกจะตกใจ แต่ก็จะห้ามพนักงานทุกคนทำร้ายสัตว์ ถ้าทำจะถูกไล่ออก นอกจากนั้นยังมีการพาพนักงานไปศูนย์กักกันสัตว์ป่า

พนักงานที่เข้ามาสมัครทำงานที่โรงแรมบ้านท้องทรายจะต้องถูกฝึกเรื่องสิ่งแวดล้อมก่อน เป็นส่วนหนึ่งในการปฐมนิเทศพนักงานเข้าใหม่และมีการให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ตามชายหาด เผื่อแขกถาม จะได้ตอบได้