ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > บอร์ดสลากอ้างคุมราคาหวย 80 บาท เพื่อคัดคนขายหวยตัวจริง แต่ไม่คุมราคาเสือนอนกิน”ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว” รายใหญ่ – ยังไม่เปิดรายชื่อโควตาที่จัดสรรใหม่ทั้งหมด

บอร์ดสลากอ้างคุมราคาหวย 80 บาท เพื่อคัดคนขายหวยตัวจริง แต่ไม่คุมราคาเสือนอนกิน”ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว” รายใหญ่ – ยังไม่เปิดรายชื่อโควตาที่จัดสรรใหม่ทั้งหมด

7 สิงหาคม 2015


ศูนย์การค้าสลากไทย

หลังจาก “พล.ต. อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ประกาศโรดแมป 3 ระยะ แก้ปัญหาขายสลากเกินราคาที่สะสมมานานกว่า 3 ทศวรรษ โดยระยะที่ 1 จัดระเบียบและบังคับใช้กฎหมายตรึงราคาสลากปลายทางก่อนถึงมือผู้บริโภคไม่เกินคู่ละ 80 บาท โดยการปรับลดเงินนำส่งคลังจาก 28% เหลือ 20% ของรายได้จากการขายสลาก เพื่อนำมาเพิ่มส่วนลดให้กับตัวแทนจำหน่ายสลาก พร้อมมาตรการเข้มงวดกวดขันกับผู้ค้าสลากรายย่อยที่ขายสลากเกินราคา

หลังได้ดำเนินการในระยะที่ 1 ไประยะหนึ่ง ทางสำนักงานสลากฯ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นคนขายหวยตัวจริงจังหวัดนครปฐม ปรากฏว่ามาตรการตรึงสลากคู่ละ 80 บาท ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าสลากรายย่อยอย่างรุนแรง คนขายหวยตัวจริงรายได้ลด 50% ทั้งนี้เนื่องจากมาตรการดังกล่าวไม่ได้ควบคุมราคาขายส่ง โดยราคาจากสำนักงานสลากคู่ละ 70.40 บาท ผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว บวกกำไรกันมา 3-4 ทอด ถึงมือคนขายหวยตัวจริง ต้นทุนสลากคู่ละ 75-76 บาท

คนขายหวยตัวจริง กำไรหด 50%

นางสาวภาวนา ว่องอมรนิธิ ผู้ค้าสลากรายย่อยจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า เป้าหมายของมาตรการแก้ปัญหาสลากเกินราคาในระยะที่ 1 เข้าใจว่าทางรัฐบาลต้องการลดจำนวนพ่อค้าคนกลาง โดยบีบส่วนต่างกำไรให้แคบลงเพื่อจะให้เหลือแต่ผู้ค้าสลากตัวจริง แต่รัฐบาลไม่มีมาตรการมาควบคุมราคา “ขายส่ง” ของผู้ที่ได้โควตา แต่ควบคุมราคาปลายทางไม่เกิน 80 บาท ดังนั้นเมื่อยี่ปั๊ว-ซาปั๊วปรับราคาขายส่งขึ้นมา ภาระทุกอย่างจึงมาตกอยู่กับผู้ค้าสลากตัวจริง นอกจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อถดถอยแล้ว ผู้ค้าสลากรายย่อยต้องรับผิดชอบทั้งในเรื่อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าแผง รวมทั้งกรณีเลขไม่สวย ก็ต้องเอามาขายเลหลังคู่ละ 70-75 บาท ยอมขายขาดทุน ยังดีกว่าขายไม่ได้ ไม่ถูกรางวัล ยิ่งขาดทุนหนัก ยอมรับว่าตอนนี้ผู้ค้าสลากตัวจริงส่วนใหญ่รายได้ลดลงไปเกือบ 50% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนที่รัฐบาลจะออกมาตรการมาควบคุมราคาสลาก

“สมัยก่อนไม่มีการกำหนดราคาขาย ผู้ค้าสลากรับสลากมาแพงก็ขายแพง รับมาถูกก็ขายถูก แต่ตอนนี้รับมาแพงอย่างไรต้องขาย 80 บาทราคาเดียวเท่านั้น ปัญหาคือคนขายจริงจะอยู่ไม่ได้ ยกตัวอย่าง ตนเคยสอบถามเพื่อนที่เปิดแผงขายสลากอยู่ในปั๊มน้ำมัน ได้รับการจัดสรรโควตาจากสำนักงานสลากกว่า 10 เล่ม ขายหมดได้กำไรเล่มละ 500 บาท ขาย 2 งวดต่อเดือนได้กำไรไม่ถึง 20,000 บาท แต่ต้องมาจ่ายค่าเช่าแผงให้เจ้าของปั้มเดือนละ 10,000 บาท ถามว่าทำไมไม่เลิกขาย เธอตอบว่าไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไร และทำสัญญาเจ้าแผงไว้กับเจ้าของปั๊ม ต้องอดทนขายไปจนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาเช่า ตรงนี้เป็นปัญหาที่ผู้ค้ารายย่อยที่ต้องทนขายต่อไป” น.ส.ภาวนากล่าว

นางสาวภาวนากล่าวต่อว่า ตนเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากรายย่อยได้รับการจัดสรรโควตาจากสำนักงานสลากฯ งวดละ 7 เล่ม ได้ส่วนลดคู่ละ 9.60 บาท ทุกๆ งวดต้องเดินทางไปรับสลากจากยี่ปั๊วที่ศูนย์การค้าสลากไทย สนามบินน้ำ คู่ละ 73 บาท ทั้งนี้เพื่อนำมาเฉลี่ยกำไรกับโควตาสลากที่ได้รับการจัดสรรจากสำนักงานสลากฯ สาเหตุที่ตนซื้อสลากได้ในราคาที่ถูกกว่าผู้ค้าสลากรายย่อยทั่วไปเพราะซื้อลอตใหญ่ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 100 เล่ม หากรับสลากมาขายน้อยกว่านี้ก็ขาดทุน รายได้ไม่พอจ่ายค่าเช่าแผง 7 แห่ง หักลบกันแล้วก็พอมีกำไรบ้าง

นายมานิตย์ ศรีสมาน ผู้ค้าสลากรายย่อยจังหวัดนครปฐม
นายมานิตย์ ศรีสมาน ผู้ค้าสลากรายย่อยจังหวัดนครปฐม

ชี้ยี่ปั๊วขึ้นราคาขายส่งคู่ละ 76 บาท แต่บีบคนขายปลายทาง

ด้านนายมานิตย์ ศรีสมาน ผู้ค้าสลากรายย่อยจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ตนได้รับการจัดสรรโควตาจากสำนักงานสลากฯ งวดละ 5 เล่ม ทุกๆ งวดต้องไปซื้อสลากมาขายเพิ่ม ในราคาคู่ละ 75-76 บาทจากยี่ปั๊วที่ศูนย์การค้าสลากไทย สนามบินน้ำ ไม่ต่ำกว่า 20 เล่ม ถึงจะอยู่รอด ถามว่ามีกำไรเหลือพอที่จะเลี้ยงชีพหรือไม่ ถ้าจะให้พูดความจริงก็คืออยู่ไม่ได้ ก่อนที่รัฐบาลจะมีมาตรการควบคุมราคาสลาก เคยมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว (ค่าเช่าแผงที่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์เดือนละ 1,200 บาท) เดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท วันนี้มีรายได้เหลือเดือนละ 4,500-5,000 บาท

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมผู้ค้าสลากรายอื่นรับสลากจากยี่ปั๊วคู่ละ 73 บาท นายมานิตย์ตอบว่า “ตามความเป็นจริง ยี่ปั๊วขายสลากคู่ละ 73 บาท แค่ 10 คน ก็เลิกขาย เหมือนกับผักชีโรยหน้า พอขายไปได้ 10 คน ยี่ปั๊วก็บอกว่าสลากคู่ 73 บาท หมดแล้ว ส่วนยี่ปั๊วรายย่อยอยู่แผงข้างๆ ก็ฉวยโอกาสปรับราคาขายส่งขึ้นทันที

ถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าสิ้นเดือนธันวาคม 2558 ผู้ค้าสลากรายย่อยจะได้รับการจัดสรรโควตาสลากเพิ่มรายละ 10 เล่ม นายมานิตย์กล่าวว่า “เปอร์เซ็นต์เป็นศูนย์เลย สำนักงานสลากฯ จะเอาโควตาสลากที่ไหนมาให้ผู้ค้าสลากรายย่อย นอกจากพิมพ์เพิ่ม ของดีใครก็อยากได้ ยิ่งได้รับการจัดสรรโควตาสลากมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรวย คนไม่มีเส้นสายก็ต้องทำใจ”

ยันเกลี่ยโควตาหวยใหม่รายย่อยได้กว่า 2 หมื่นราย

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องการจัดสรรโควตาสลาก 74 ล้านฉบับ ทำไมคนขายหวยตัวจริงได้รับการจัดสรรโควตาสลากไม่เพียงพอ ต้องไปรับสลากคู่ละ 75-76 บาทจากยี่ปั๊วมาขาย พ.ท. หนุน ศันสนาคม คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการจัดสรรโควตาสลาก ได้กล่าวว่า เรื่องการจัดสรรโควตาสลาก 74 ล้านฉบับ สำนักงานสลากฯ ได้ดำเนินการตามหลักการที่บอร์ดสลากฯ ชุดก่อนเคยมีมติให้ปรับเกลี่ยโควตาสลากอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม จึงจัดสรรโควตาให้ผู้ค้าสลากรายย่อยคนละ 5 เล่ม การจัดสรรโควตาสลากครั้งนี้ทำให้คนขายหวยตัวจริงได้รับประโยชน์กว่า 20,000 ราย จากตัวแทนจำหน่ายสลากทั้งหมด 30,000 ราย ผู้ค้าสลากกลุ่มนี้ในอดีตเคยได้รับจากจัดสรรโควตาสลากรายละ 1-2 เล่ม วันนี้ได้รับ 5 เล่ม ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ประมาณ 8,000 ราย เคยได้รับสลากรายละ 10 เล่ม, 20 เล่ม และ 100 เล่ม ถูกปรับลดโควตาลงมาเหลือ 5 เล่ม จะเห็นได้ว่ามีผู้ได้รับผลประโยชน์มากกว่าผู้ที่เสียประโยชน์หลายเท่าตัว นอกจากนี้สำนักงานสลากฯ ได้นำโควตาที่เหลือไปจัดสรรให้กับผู้ค้าสลากที่เคยมาลงทะเบียนขอรับการจัดสรรโควตาอีก 4 แสนราย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีสำนักงานสลากฯ ไม่ควบคุมราคาขายส่ง ทำให้พ่อค้าคนกลางบวกกำไรกันมา 3-4 ทอด ถึงมือผู้ค้ารายย่อยในราคาคู่ละ 75-76 บาท จะแก้ปัญหานี้อย่างไร พ.ท. หนุนกล่าวยอมรับว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่สำนักงานสลากฯ กำลังหาทางแก้ไขอยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประมวลผลข้อมูลการสำรวจผู้ค้าสลากตัวจริง ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานสลากฯ ทำการสำรวจไว้บ้างแล้ว แต่เพื่อให้ข้อมูลมีความทันสมัย จึงได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทหารและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าสลากเพิ่มเติม โดยสำนักงานสลากฯ จะนำข้อมูลทั้ง 3 ส่วนมาทำการวิเคราะห์ ก่อนที่จะออกมาตรการแก้ปัญหาสลากเกินราคาเฟส 2 ภายในเดือนกันยายน 2558 ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่กระบวนการหรือวิธีการในการจัดสรรโควตาสลากที่ดีที่สุด ถึงมือผู้ค้าสลากตัวจริง

โครงสร้างสลากกินแบ่งใหม่

คนขายสลากควรเป็นยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว หรือไม่ควรจะมี

พล.ต.ต. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรณีที่ยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว ขายส่งสลากคู่ละ 77 บาท ตรงนี้เป็นปัญหาที่สะสมมานานกว่า 30 ปี ก่อนหน้านี้โครงสร้างราคาออกจากสำนักงานสลากฯ ต้นทุน 72.40 บาท ถึงมือผู้บริโภค 100 บาท มีกำไรส่วนต่าง 27.60 บาท พ่อค้าคนกลางประกอบด้วยเจ้าของโควตาสลาก, ยี่ปั๊ว, ซาปั๊ว และผู้ค้าสลากตัวจริง บวกกำไรกันมา 4 ทอด เอา 4 หาร แต่ละทอดได้กำไร 7 บาท ปัจจุบัน สำนักงานสลากฯ บีบราคาลงมาจาก 100 บาท เหลือ 80 บาท มีส่วนต่างกำไรแค่ 9.60 บาท เอา 4 หาร ได้กำไรทอดละ 2.40 บาท จากคู่ละ 7 บาท เหลือ 2.4 บาท

“มาตรการที่เราทำจะบอกว่าไม่มีคนเดือดร้อนก็โกหกกัน วันนี้ทุกคนเคยได้เท่าไหร่ก็ต้องลดลงมา เมื่อก่อนกำไรดี มีส่วนต่าง 27 บาท คนก็อยากเข้ามาขาย แต่จริงๆ แล้วสำนักงานสลากฯ ไม่เคยสนับสนุนระบบการขายผ่านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ตั้งแต่ก่อตั้งสำนักงานสลากฯ เราต้องการขายเอง แต่กลไกการค้าเสรีทำให้ไม่สามารถไปบังคับใครได้ เจ้าของโควตาพอใจจะขายคู่ 80 บาท ผมผิดตรงไหน คนขายหวยตัวจริงมารับสลากไปขายในราคา 90 บาท ผมผิดอะไร แต่ตอนนี้สำนักงานสลากฯ บีบส่วนต่างเหลือ 9.60 บาท แต่ช่องทางการจัดจำหน่ายยังมี 4 ระดับเหมือนเดิม เมื่อเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง คนที่เคยได้โควตาจะเป็นเสือนอนกินแบบก็เดิมไม่ได้แล้ว ตอนนี้หลายคนไม่มารับโควตา หลายคนดีใจได้โควตาเพิ่ม หลายคนเสียใจได้โควตาลดลง ทุกคนต้องยอมหั่นโควตาสลากส่วนที่ตนจะเคยได้รับลงไป จนกว่ามันตกผลึกจริงๆ จากนั้นก็จะพบว่าคนที่ควรจะอยู่ในวงการสลากควรจะเป็นใคร ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วไม่ควรจะมี ควรเอาออกไปจากระบบ หรือถ้าจะอยู่ในวงการนี้ต่อไปก็ต้องยอมรับสภาพ การที่เราออกมาตรการมาบีบเพื่อให้เห็นคนที่ควรจะอยู่ในวงการนี้ ใครคือคนขายหวยตัวจริง ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ถ้าอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ต้องหาทางเลือกอื่น” พล.ต.ต. สุวัฒน์กล่าว

พล.ต.ต. สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า “มาตรการแก้ปัญหาสลากเกินราคาที่จะออกมาในระยะต่อไปจะเน้นเรื่องความยั่งยืน หากสมัครใจจะอยู่ตรงนี้ต่อไป ก็ต้องยอมรับโครงสร้างราคาแบบนี้ ซึ่งที่ผ่านมาถูกปล่อยให้เกิดการบิดเบือนมานาน เงินส่วนที่ควรจะเป็นรายได้เข้ารัฐเดือนละ 1,000 ล้านบาท ปีละ 12,000 ล้านบาท มันไปตกอยู่ที่กระเป๋าใครก็ไม่ทราบ การแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่าใจร้อน มาตรการคุมราคาระยะแรกมีมีทั้งบวกและลบ มีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย คน 20,000 คน เคยได้ 2-3 เล่ม ปรับเพิ่มเป็น 5 เล่ม ก็ดีใจ คนที่เคยได้ 100 เล่น ลดเหลือ 5 เล่ม ก็เสียใจ คนที่เคยได้กำไรคู่ละ 15 บาท วันนี้ได้กำไรแค่ 5-6 บาท แต่ขายได้มากขึ้น ขายยากหน่อย ก็ต้องออดทน”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คนขายสลากตัวจริงกำไรคู่ 3-4 บาท ขณะที่ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วไม่ได้ขายแต่ได้กำไร 6-7 บาท ทำไมมาคุมราคาต้นทางด้วย พล.ต.ต. สุวัฒน์ กล่าวว่า “คุมทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ตรงไหนที่เราใช้มาตรการที่มีอยู่มาแก้ปัญหาไม่ได้ก็ใช้มาตรการภาษี ผมพูดหลายครั้งแล้ว ผมยืนยันว่าสถานการณ์ขายสลากเกินราคาตอนนี้ดีขึ้น ราคาขายส่งล่าสุดมันลดราคาจากคู่ละ 76 เหลือ 73 บาทแล้ว นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่ามันอึดอัด อะไรที่ควรจะอยู่ อะไรที่ควรจะกำจัดออก ระบบการขายผ่านยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว 3-4 ทอด เกิดขึ้นมานานแล้ว อยู่ดีๆ จะไปไล่ให้เขาเลิกขาย คงทำไม่ได้”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมยังไม่เปิดเผยรายชื่อตัวแทนจำหน่ายสลาก พร้อมกับจำนวนโควตาที่ได้รับจากจัดสรรในเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ พล.ต. ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกล่าวว่า จริงๆ สำนักงานสลากฯ นำ รายชื่อตัวแทนจำหน่ายสลากที่ได้รับการจัดสรรโควตา ประกาศบนเว็บไซต์ของสำนักงานสลากฯ แล้ว และในขณะนี้เรากำลังแยกส่วนที่เป็นต่างจังหวัด คือเรากำลังมีการปรับโครงสร้างการจัดสรรใหม่ การจัดสรรสลากครั้งนี้มีการจ่ายสลากให้กับตัวแทนผู้ค้ารายย่อยในกลุ่มคนพิการให้ไปรับสลากตามสถานที่ขายสลาก ส่วนรายย่อยที่มาลงทะเบียน 4 แสนรายก่อนหน้านี้ ใช้วิธีการ Random แล้วกระจายโควตาไปยังต่างจังหวัด (จัดสรรรายละ 5 เล่ม) ขณะเดียวกันก็มีการอัพเดทข้อมูลบัญชีรายชื่อที่ไปขึ้นทะเบียนกับผู้ว่าราชการจังหวัด และบัญชีรายชื่อของสำนักงานสลากฯ

“ตอนนี้รายการจัดสรรโควตาสลากให้กับรายใหญ่ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ใครได้เท่าไหร่ แต่ตัวแทนสลากรายย่อยๆ ยังทำไม่เสร็จ จึงไม่สามารถเปิดเผยได้ ก็พยายามจะอัปเดตให้เร็วที่สุด ตอนนี้อายุสัญญาตัวแทนจำหน่ายก็สั้นลง จาก 2 ปี เหลือ 1 ปี เหลือ 6 เดือน ล่าสุด เหลือ 4 เดือน” พล.ต. ฉลองรัฐ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกครั้งว่าว่า ตกลงผู้อำนวยการสลากฯ จะนำรายชื่อตัวแทนพร้อมจำนวนโควตาสลากเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ ใช่หรือไม่ พล.ต. ฉลองรัฐ ตอบสั้นๆ ว่า “จำนวนโควตาสำหรับรายย่อย คนละ 5 เล่มอยู่แล้ว แทบจะไม่ต้องเปิด ทุกคนทราบดีแล้ว ส่วนคนพิการได้โควตารายละ 3 เล่ม”