ThaiPublica > เกาะกระแส > “ขบวนการรับจ้างต่างชาติจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย” (2): อำเภอสามพรานออกจดหมายเรียก 257 คู่สอบปากคำ

“ขบวนการรับจ้างต่างชาติจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย” (2): อำเภอสามพรานออกจดหมายเรียก 257 คู่สอบปากคำ

20 กรกฎาคม 2015


เมื่อวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558 น.ส.ศิวพร กาญจนภิญพงศ์ อดีตปลัดอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เข้าพบพ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกกล่าวหาพัวพัน “ขบวนการรับจ้างชาวอินเดียจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย” เป็นเท็จ
เมื่อวันอังคารที่ 30 มิถุนายน 2558 น.ส.ศิวพร กาญจนภิญพงศ์ อดีตปลัดอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เข้าพบ พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกกล่าวหาพัวพัน “ขบวนการรับจ้างชาวอินเดียจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย” เป็นเท็จ

ต่อจากตอนที่แล้ว กรณี น.ส.ศิวพร กาญจนภิญพงศ์ อดีตปลัดอำเภอสามพราน นำเอกสารหลักฐานร้องเรียนกับ พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ยืนยันตนเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการการรับจ้างชาวต่างชาติจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย โดยน.ส.ศิวพร ได้ให้ข้อมูลต่อ พ.ต.อ. ดุษฎีว่า หลังจากกรมการปกครองตรวจพบสำนักทะเบียนอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ออก “ใบสำคัญการสมรส” ให้หญิงไทยกับชาวอินเดีย 257 คู่ ในช่วงเดือนตุลาคม 2557-กุมภาพันธ์ 2558 ตรงกับช่วงที่ น.ส.ศิวพร ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอสามพราน ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบและลงลายมือชื่อใบสำคัญรับรองการจดทะเบียนสมรส

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า หลังจาก น.ส.ศิวพร ทราบข่าวว่ากรมการปกครองตรวจสอบพบกรณีสำนักทะเบียนอำเภอสามพรานรับจดทะเบียนสมรสให้หญิงไทยกับชาวอินเดียมากผิดปกติ ในขณะนั้น น.ส.ศิวพรได้ไปปฏิบัติหน้าที่ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงเดินทางกลับมาที่อำเภอสามพราน เพื่อค้นหาพยานหลักฐาน พบว่ามีใบคำร้องขอจดทะเบียนสมรส (คร.1-คร.2) ระหว่างหญิงไทยกับชาวอินเดียอย่างถูกต้อง 7 คู่ ส่วนแฟ้มใบคำร้อง คร.1-คร.2 ที่เหลืออีก 250 คู่ สูญหายไปจากตู้เก็บเอกสาร จากนั้น น.ส.ศิวพร ได้สอบถามนายทวีวัฒน์ วีระสมวงศ์ ปลัดอำเภอสามพราน ซึ่งมีหน้าที่ลงนามรับรองการจดทะเบียนสมรส ได้รับการยืนยันจากนายทวีวัฒน์ว่า “เซ็นชื่อรับรองไปแค่ 2 คู่เท่านั้น” ส่วน น.ส.ศิวพรลงนามในใบสำคัญการสมรสไปจำนวน 5 คู่

ทั้งนี้ ข้อมูลทะเบียนสมรสที่บันทึกอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของสำนักทะเบียนอำเภอสามพราน พบว่ารายงานบันทึกข้อมูลทะเบียนสมรสมีรายชื่อหญิงไทยจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดียค้างอยู่ในฐานข้อมูลสำนักทะเบียนอำเภอสามพราน 257 คู่จริง

“จากรายชื่อดังกล่าว ได้ทำการสุ่มตรวจโดยเชิญหญิงไทย 2 รายมาสอบถาม พบว่าทั้ง 2 รายให้การตรงกัน คือได้รับการติดต่อจาก น.ส.กนกพรให้นำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านมาจดทะเบียนสมรสกับชาวอินเดียนอกสถานที่ ได้รับค่าตอบแทนรายละ 2,000 บาท ระหว่างที่ลงลายมือชื่อใบคำร้อง คร.1-คร.2 ไม่พบเจ้าหน้าที่อำเภอสามพรานร่วมลงนามเป็นสักขีพยานแต่อย่างใด จึงพาหญิงไทยทั้ง 2 รายไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2558 ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.กนกพรและพวกในข้อหาร่วมกันกระทำการจดทะเบียนสมรสเป็นเท็จเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2558″

แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า ล่าสุดนี้ได้รับรายงานจากจังหวัดนครปฐมว่าทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีจดทะเบียนสมรสเป็นเท็จ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อำเภอสามพรานออกจดหมายให้หญิงไทยและชาวอินเดียที่จดทะเบียนสมรสมาสอบปากคำ พร้อมกับนำหลักฐานประกอบการจดทะเบียนสมรส อาทิ หนังสือรับรองความเป็นโสดของชาวอินเดียที่ลงนามรับรองโดยเอกอัครราชทูตอินเดียประจำกรุงเทพฯ มายืนยันกับเจ้าหน้าที่อำเภอสามพราน หากไม่มาพบเจ้าหน้าที่ภายใน 1 เดือนนับจากวันที่ได้รับจดมาย ถือว่าไม่ให้ความร่วมมือกับจะถูกเพิกถอนสิทธิในการจดทะเบียนสมรส พร้อมกับทำหนังสือแจ้งสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำกรุงเทพฯ, กระทรวงต่างประเทศ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองต่อไป

ต่อกรณีอำเภอสามพรานออกจดหมายให้หญิงไทยที่สมรสกับชาวอินเดีย 257 คู่ มาให้ปากคำนั้น นายกำธร ตุ้งสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า “ขณะนี้ผมยังไม่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และยังไม่ได้เห็นหนังสือที่ให้ชาวต่างชาติที่สมรสกับหญิงไทยมาสอบปากคำ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงคงต้องใช้เวลาพอสมควร เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน คงต้องให้คนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องตอบคำถามนี้จะดีกว่า”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จังหวัดนครปฐมมีแนวทางในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไร นายกำธรกล่าวว่า “คงต้องดูที่เจตนาเป็นสำคัญ หากมีเจตนากระทำการทุจริต ก็ต้องยกเลิกทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นใบสำคัญการสมรส วีซ่า แต่ถ้ากระทำการโดยสุจริต คู่สมรสสามารถนำหลักฐานมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง การจดทะเบียนสมรสถือว่ามีผลผูกพันตามกฎหมาย”