ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 7 – 13 มิถุนายน 2558
- น้ำท่วมกรุง! มท.1 สั่งห้ามรถติดเกิน 1 ชม. โคว้ทเด็ดผู้ว่าฯ “ฝนชอบตกเวลาผมไม่อยู่”
- ซุป’ตาร์ เวียดนามทำจริง บอลแพ้ไทยไถผม!
- ผบ.ตร. ลั่น เอาผิดเพจแจ้งพิกัดตร. ตั้งด่าน
- จวกเจมส์จิ-เบลล่า “เสียงแบบนี้หรือจะร้องคอนเสิร์ตบัตรแพง”
- เตือนภัย “เพจปลอม” หลอกขายของ
น้ำท่วมกรุง! มท.1 สั่งห้ามรถติดเกิน 1 ชม. โคว้ทเด็ดผู้ว่าฯ “ฝนชอบตกเวลาผมไม่อยู่”
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมากแห่แชร์ภาพเหตุการ์น้ำท่วมขังอย่างหนักในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา พร้อมทั้งตั้งคำถามถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ไม่อยู่ดูแลกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากไปดูงานระบบระบายน้ำ ที่ประเทศฮอลแลนด์ จากปัญหาน้ำท่วมหนักครั้งนี้ทำให้โรงเรียนบางแห่งต้องประกาศหยุดเรียน 1 วัน
ทั้งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้เดินทางกลับทันทีภายหลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมนี้ขึ้น โดยเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าประชุมติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมร่วมกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อกล่าวโทษใคร แต่มาเพื่อรับฟังสถานการณ์ และสอบถามกทม.ถึงความต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปัญหาหลักที่ตนต้องการให้กทม. เร่งแก้ไข คือ 1. ปัญหาขยะ 2. หากฝนตกจนเกิดปัญกาน้ำท่วมขังบนผิวจราจร จะต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำการแก้ปัญหาระบายรถตามจุดสำคัญ 300 แยก เพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว และในพื้นที่วิฤติจะต้องจัดกำลังเข้าหน้าที่ทหารเข้าช่วยเหลือ 3.หากเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย จะมีการประสานสถาบันอาชีวศึกษา จัดชุดเคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือ ตนได้ตั้งเป้าหมาย หากเกิดฝนตกหนัก เหมือนวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนเกิน 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ หากฝนตกในช่วงเวลากลางคืน น้ำจะต้องแห้งก่อนเวลา 05.00 น. หากพื้นที่ใดไม่แห้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปิดถนนดังกล่าวเพื่อเร่งระบายน้ำ พร้อมแจ้งประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง และจะประสานเจ้าหน้าที่ทหาร จัดรถยกสูงรับส่งประชาชน เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสสังคมต้องการเรียกร้องให้ผู้ว่าฯกทม.ลาออกจากตำแหน่ง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนทำงานร่วมกับผู้ว่าฯกทม.มาโดยตลอด ซึ่งมั่นใจว่าท่านทำงานด้วยความตั้งใจ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น สังคมจะไปโทษคนคนเดียวก็ไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายควรช่วยเหลือกันเพื่อแก้ปัญหา
หลังจากจบการประชุม มีคลิปแถลงข่าวของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ เผยแพร่ออกมา ซึ่งมีคำพูด “ฝนชอบตกเวลาผมไม่อยู่” ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตติงว่าคำพูดนี้เป็นคำพูดที่เหมาะสมสำหรับผู้บริหารกทม. แล้วหรือไม่ จนมีการนำไปล้อเลียนในวงกว้าง
ซุป’ตาร์ เวียดนามทำจริง บอลแพ้ไทยไถผม!
ถือเป็นข่าวฮือฮาวงการกีฬาระดับประเทศอีกข่าวหนึ่ง เมื่อเว็บไซต์สนุกรายงานว่า “Thethao24” เว็บไซต์ฟุตบอลของเวียดนาม รายงานข่าวว่า “ตวน ฮุง” นักร้องระดับเซเลบริตี้ชื่อดังของประเทศประกาศออกสื่อก่อนการแข่งขันว่า หากทีมชาติเวียดนาม ไม่สามารถเอาชนะทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลซีเกมส์ ในช่วงค่ำวันที่ 10 มิถุนายน 2558 เขาจะโกนศีรษะของตนเอง
โดยนักร้องหนุ่มเปิดเผยอย่างมั่นใจว่า “ทีมฟุตบอลซีเกมส์รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของเวียดนาม เป็นทีมที่มีประสิทธิภาพสุดยอด นักเตะเล่นอย่างสมาธิ และ มีแท็กติกที่ยอดเยี่ยม ขณะที่ทีมชาติไทยในซีเกมส์ ดูจะฟอร์มฝืดไปหน่อย ดังนั้นตนจึงเชื่อว่า นี่เป็นโอกาสดีที่เวียดนามจะเอาชนะทีมไทยได้”
นอกจากนี้ “ป็อปสตาร์” ขวัญใจชาวเวียดนาม ยังกล่าวอีกว่า “ที่ผ่านมาไทยสร้างความขมขื่นให้เวียดนามมาหลายครั้ง และนี่คือโอกาสที่จะเอาคืนแล้ว”
ทว่า เมื่อผลการแข่งขันออกมา ทีมไทยชนะเวียดนาม 3-1 ชาวโซเชียลเมืองไทยพากันโพสต์ภาพตัดต่อและล้อเลียนต่างๆ นานา หลังจากที่นักร้องระดับเซเลบริตี้ชื่อดังรายนี้ เคยประกาศออกสื่อว่า หากทีมชาติเวียดนาม ไม่สามารถเอาชนะ ทีมชาติไทย “เขาจะโกนศีรษะของตนเอง” และเขาก็โกนจริงตามที่ได้พูดไว้
ผบ.ตร. ลั่น เอาผิดเพจแจ้งพิกัดตร. ตั้งด่าน
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2558 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตรวจสอบหาเว็บไซต์ เว็บเพจ หรือช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ตั้ง เวลา การตั้งด่านของตำรวจ ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีเพจเฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์ลักษณะนี้จำนวนมากนำเสนอข้อมูลการตั้งด่าน ทั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ด่านความมั่นคง ด่านกวดขันวินัยจราจร ของตำรวจทุกวัน
ทั้งนี้ แต่ละเพจมีผู้ติดตามร่วมแสน เช่นเพจ “คนรักด่าน” บางเพจฯ อ้างว่า ทำเพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชนเตรียมตัวรับการตรวจเมื่อถึงด่าน ตรงนี้ต้องบอกว่าไม่จำเป็นเพราะการตรวจที่ด่านไม่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารหรือเตรียมตัวอะไร ขอแจ้งว่าเพจหรือเว็บที่ให้ข้อมูลการตั้งด่านถือว่ามีความผิด เพราะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลด้านความมั่นคงตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(3) และหากมิจฉาชีพ คนร้ายนำข้อมูลนี้ไปใช้หลบเลี่ยงด่าน หนีการถูกจับกุม ผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลการตั้งด่านถือว่าสนับสนุนการกระทำผิดและการหลบหนี มีโทษทางอาญาด้วย
ล่าสุด 12 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวกรุงเทพธุรกิจ รายงานเพิ่มเติมว่า บรรดาเพจเฟซบุ๊กแจ้งข้อมูลด่านในเมืองและ จ. ชลบุรี ปิดเพจและไม่แสดงความเคลื่อนไหว บางรายได้แสดงเจตนารมย์ในการนำเสนอข้อมูลเพื่อสาธารณชนอย่างน่าสนใจ ซึ่งบรรดาลูกเพจและผู้ติดตามต่างร่วมให้กำลังรวมถึงแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง ในส่วนของเพจ “เรารักด่านพัทยา” ที่ได้โพสต์นำเสนอจุดยืนของเพจโดยยืนยันจะไม่ปิดเพจก่อนหน้านี้นั้น จากการตรวจสอบพบว่าเพจดังกล่าวไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เชื่อว่าแอดมินประจำเพจได้พยายามหยุดการแสดงออกหรือไม่ก็อาจจะพยายามปิดเพจดังกล่าวแล้วด้วยเช่นกัน
จวก เจมส์จิ-เบลล่า “เสียงแบบนี้หรือจะร้องคอนเสิร์ตบัตรแพง”
เป็นกระแสต่อเนื่องยาวนาน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2558 จากการที่ เบลล่า-ราณี แคมเปญ ไปเป็นแขกรับเชิญให้คู่จิ้น เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เพื่อโชว์ไฮไลต์ที่มีในคอนเสิร์ตใหญ่ “Magic James The Concert” ของเจมส์ จิรายุ ที่มีขึ้นวันที่ 13 มิถุนายน แต่ทั้งคู่กลับร้องผิดคีย์และเพี้ยน ทำให้มีผู้ไปตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปว่า
“แอบทึ่งมาก ทำไมถึงกล้าให้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ ติดๆกันแบบนี้ละ
เสียงร้องไม่โอเคเลย ร้องเหมือนดาราที่ไปทีวี 3 สัญจรเลย
ร้องเพี้ยนทั้งคู่เลยนะ
หรือคอนนี้เน้นเต้นอย่างเดียว เห็นไปเทรนถึงเกาหลีเลย
เสียงร้องคุ้มค่าตั๋วหรือเปล่า จริงๆน่าจะจัดเป็นงานแฟนมีตก็พอมั้ง
ส่วนตัวคิดว่าศักยภาพยังไม่มากพอที่จะจัดคอนเสิร์ตใหญ่เดี่ยวแบบนี้นะ
ผู้จัดการคิดอะไรอยู่ ทำไมผลักดันแบบก้าวกระโดดขนาดนี้”
จากนั้นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก มีการหยิบยกประเด็นนี้มาถกเถียงว่า คุณภาพเสียงของทั้งคู่นั้นเหมาะสมกับราคาบัตรหรือไม่ เพราะมีการแสดงถึง 2 รอบการแสดง จำหน่ายบัตรในราคา ต่ำสุด 1,000 บาท และสูงสุดถึง 6,000 บาท เทียบเท่ากับราคาบัตรของศิลปินต่างประเทศที่เข้ามาแสดงในประเทศไทย
ล่าสุด เดลินิวส์รายงาน เบลล่า-ราณี เปิดเผยถึงกระแสที่เกิดขึ้นว่า “สำหรับกระแสดราม่าที่หาว่าหนูกับเจมส์ ร้องเพลงผิดคีย์จนเสียงเพี้ยน ด้วยความที่มันเป็นมิวสิกคัล ต้องร้องเพลงและเล่นละครไปด้วย เพราะฉะนั้นมันก็เป็นสิ่งที่ยากในการควบคุมเสียง แล้วที่โชว์ในรายการมันเป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้น แต่เราก็ไม่ถึงกับนอยด์ เรารับฟังและเอาความคิดเห็นของแต่ละคนมาปรับปรุงมาซ้อมให้มันดีขึ้น ที่ผ่านมาก็มีทั้งกระแสวิจารณ์และมีคนที่ให้กำลังใจด้วย ซึ่งเราก็รู้ว่ามันไม่ได้เพอร์เฟกต์ขนาดนั้น เราไม่ใช่นักร้องหรือศิลปิน แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนบัตรคอนเสิร์ตเจมส์ขายดีขึ้นรึเปล่า อันนี้เราก็ไม่ทราบค่ะ ยังไม่ได้คุยกับทีมงานเลย แต่ด้วยความที่เราก็ซ้อมด้วยกันค่อนข้างเยอะ ก็ให้กำลังใจตัวเอง แล้วก็บอกเขาให้สู้ ๆ ค่ะ”
เตือนภัย “เพจปลอม” หลอกขายของ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสแฟนเพจปลอมระบาดหนัก โดยเฉพาะเพจของนักธุรกิจชื่อดัง “ตัน ภาสกรนที” ที่ทางแอดมินเพจ ได้ใช้กลยุทธ์กระตุ้นความอยากได้ โดยนำภาพของรางวัลมาอัปโหลด พร้อมระบุว่าอยากได้ ให้ไลก์และแชร์ ทว่า หากสังเกตดีๆ สินค้าที่นำมาไม่มีอยู่จริง เช่น ไอโฟน 6 เอส ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวางจำหน่ายแต่อย่างใด
หลังจากนั้น มีเพจที่ปลอมขึ้นมาเพื่อหวังเป็นมิจฉาชีพ โดยใช้วิธีการเดียวกับเพจ “ตัน ภาสกรนที” แต่เป็นการล่อลวงให้ซื้อไอโฟนในราคาถูก แต่ต้องโอนเงินมาก่อนจึงจะได้สินค้า
ล่าสุด ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) รายหนึ่งได้เปิดเผยว่า พร้อมดำเนินคดีทันที หากมีผู้เสียหาย แต่หากยังไม่มีผู้เข้าร้องเรียนแจ้งความ ก็จะใช้วิธีการล่อซื้อ หรือล่อจับเป็นลำดับถัดไป
ขณะเดียวกัน เสี่ยตัน ภาสกรนที โพสต์ข้อความผ่านเพจ”ตัน ภาสกรนที” โดยระบุว่า “แจ้งเตือนระวังกลุ่มมิจฉาชีพ เนื่องจากตอนนี้มีเฟซบุ๊กปลอมของผมระบาดหนัก ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งหาตัว ผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากมีการปลอมแปลงชื่อ แก้ไข ดัดแปลงรูปภาพของผม นำไปหลอกให้โอนเงินเพื่อรับของรางวัลต่างๆ ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนได้รับความเสียหายแบบนี้ ไม่ถูกต้อง เป็นภัยต่อสังคมครับ
อีกกลุ่ม คือ พวกที่ ตัดต่อ รูปภาพ ปลอมแปลงข้อมูล นำภาพต่างๆ มาบิดเบือนข้อมูล ล้อเลียน รวมถึงการอ้างว่าจะแจกรางวัลต่างๆ ตั้งแต่มอเตอร์ไซต์ รถ เรือ เครื่องบิน บ้าน สารพัด บ้างก็ทำเพื่อความคึกคะนอง บ้างก็ทำเพื่อมีจุดประสงค์แอบแฝง เพื่อให้มีคนเข้าเพจเยอะๆ แล้ว เปลี่ยนชื่อเพจนำไปขายต่อ หรือหาผลประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะการนำชื่อ นามสกุล และรูปภาพของผมไปใช้แอบอ้าง ล้วนเป็นความผิดตามกฎหมาย สำหรับกลุ่มนี้ ผมไม่เคยคิดติดใจเอาความใดๆ ขอเพียงความร่วมมือให้หยุดการกระทำดังกล่าวครับ ผมคงไม่ไปแจ้งความดำเนินคดี เพราะสุดท้ายผมเชื่อว่า คนเราใครทำอย่างไรก็จะได้อย่างงั้น แต่ถ้ามีผู้เสียหาย ได้รับความเดือดร้อน เกิดขึ้น ผมต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง และให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองครับ
ผมมีเฟซบุ๊ก ตัน ภาสกรนที ที่เดียว (สังเกตง่ายๆ มีแฟนเพจประมาณ 11 ล้านคน) อิชิตันก็มีเฟซบุ๊กที่เดียว (มีแฟนเพจประมาณ 3 ล้านคน), ไอจีมีอันเดียวคือ tanichitan ไม่มีอะไรนอกจากนี้ทั้งสิ้น
ฝากช่วยเหลือ ช่วยกันกระจายข่าวบอกต่อๆ กันไปนะครับ”
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
