“เปรมจิต สังขพงษ์” รองเลขาฯ ส.ป.ก. เผย ส่งทีมงานลงพื้นที่เขาใหญ่วันนี้ ตรวจเขตปฏิรูปที่ดิน “ปากช่อง-วังน้ำเขียว” เป็นรายแปลง พบรุกล้ำจะขอให้ย้ายออก ถ้าไม่ยอมต้องส่งฟ้องศาล ชี้บางคนครอบครองเป็นพันไร่ – เผยมีที่ดินยังไม่จัดให้เกษตรกร 9.3 หมื่นไร่ ส่วนใหญ่รุกล้ำในพื้นที่นี้
หลังจากคณะปฏิบัติการพิเศษกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นำโดย พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลายครั้ง หลังได้รับร้องเรียนว่าโครงการขนาดใหญ่ของเอกชนหลายโครงการอาจจะมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ โดยพื้นที่บางส่วนได้รุกล้ำเข้าไปในเขตปฏิรูปที่ดิน ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ทำให้นายสรรเสริซ อัจจุตมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก. ลงนามในคำสั่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบที่ดินของ ส.ป.ก. บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน อ.ปากช่องและวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยมอบหมายให้นางเปรมจิต สังขพงศ์ รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
นายสรรเสริญเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเราทำงานในเชิงรับมาตลอด เห็นได้จากกรณีโบนันซ่า คีรีมายา มูนแดนซ์ เมื่อมีผู้ร้องเรียนค่อยเข้าไปตรวจสอบ ต่อไปจะทำงานในเชิงรุกคือลงไปตรวจสอบก่อน ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่าที่ดิน ส.ป.ก. ที่มีปัญหาจะอยู่ในที่ดินซึ่งยังไม่ได้รังวัดจัดให้กับเกษตรกร หรือยังไม่ออกเป็น ส.ป.ก.4-01 ทั้งสิ้น ทั้งนี้ มีที่ดินซึ่งยังไม่ออก ส.ป.ก.4-01 ใน อ.ปากช่อง 4.3 หมื่นไร่ (จากเขตปฏิรูปที่ดิน 1.4 แสนไร่) และ อ.วังน้ำเขียว 5 หมื่นไร่ (จากเขตปฏิรูปที่ดินทั้งหมด 2.4 แสนไร่) โดยจะกำหนดระยะเวลาให้คณะทำงานของนางเปรมจิตทำงานให้เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม 2558
ล่าสุด คณะทำงานฯ ชุดนี้ก็เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินของ ส.ป.ก. ทั้ง 2 อำเภอเป็นครั้งแรก หลังจากได้มีการประชุมเตรียมงานไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นางเปรมจิตให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้าว่า ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2558 เป็นต้นไป ส.ป.ก. จะส่งนายช่างรังวัด นิติกร และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น อาทิ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือนายอำเภอ เพื่อตรวจสอบที่ดินของ ส.ป.ก. ใน อ.ปากช่อง และ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นรายแปลง
โดยการตรวจสอบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก จะดูที่ดินซึ่งยังไม่ได้จัด หากพบว่ามีการทำการเกษตร ก็จะนำผู้ใช้ที่ดินแปลงนั้นมาเข้าร่วมกระบวนการจัดที่ดิน แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะขอให้ผู้ใช้ที่ดินแปลงนั้นออกจากพื้นที่ แต่อาจมีการพิสูจน์ว่ามีเอกสารสิทธิ์ เช่น น.ส.3 ก. หรือโฉนดที่ดินหรือไม่ ถ้ามีก็จบ ถ้าไม่มีแล้วไม่ยอมย้ายออก ก็ต้องมีการเจรจาขอให้ออก ก่อนจะไปถึงขั้นตอนสุดท้ายคือยื่นฟ้องต่อศาล เบื้องต้นพบว่ามีการใช้ที่ดินแปลงขนาดใหญ่ ตั้งแต่ระดับ 100 ไร่ 500 ไร่ ไปจนถึง 1,000 ไร่ขึ้นไปจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามีจำนวนเท่าไร เพราะอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล และส่วนที่สอง คือที่ดินซึ่งมีการจัดไปแล้ว จะเข้าไปดูว่ามีการใช้ผิดประเภทหรือไม่ หรือคุณสมบัติผู้ใช้ที่ดินเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ซึ่งก็ให้นโยบายไปแล้วว่ากลุ่มไหนจะดำเนินการอย่างไร
“ที่ดิน ส.ป.ก. ที่อาจตรวจสอบได้ยุ่งยากกว่าคือแปลงที่ยังไม่ได้จัด เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ใช้ที่ดินแปลงนั้นอยู่ แล้วเขามีเอกสารสิทธิ์หรือไม่ ต้องไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลอื่นด้วย จึงอาจจะต้องเสียเวลาอยู่นิดหน่อย”
เมื่อถามว่าหากตรวจสอบแล้วผู้ใช้ที่ดินแปลงนั้นๆ อ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ เช่น น.ส.3 ก. หรือโฉนดที่ดิน คณะทำงานจะทำอย่างไร นางเปรมจิตกล่าวว่า เราก็ต้องยอมรับก่อน เพราะผู้ที่ออกเอกสารสิทธิ์ก็เป็นหน่วยงานของรัฐ แล้วที่ดินซึ่ง ส.ป.ก. ได้มา เดิมก็เป็นที่ของรัฐ อย่างป่าสงวนหรือป่าไม้ชุมชน หากยังไม่มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินนั้นๆ ส.ป.ก. ก็คงเข้าไปทำอะไรไม่ได้ เว้นแต่ได้รับการร้องเรียนเป็นรายกรณีก็อาจจะเข้าไปตรวจสอบ แต่ตามปกติคงจะมอบหมายให้เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบที่ดินในโครงการ คีรีมายา กอล์ฟ รีสอร์ต สปา เขาใหญ่ (Kirimaya Golf Resort Spa Khaoyai) ของบริษัท คีรีมายา จำกัด จำนวน 1,696 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีที่ดิน 644 ไร่ ที่สงสัยว่าอาจจะรุกล้ำที่ดินของ ส.ป.ก. นางเปรมจิตกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมที่ดินในการตรวจสอบ ก็คงต้องรอให้กระบวนการไปถึงที่สุดก่อน เช่น อธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารสิทธิ์ในที่ดินแปลงใด ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และมีการลงนามในคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงนั้นแล้ว ส.ป.ก. ถึงจะเข้าไปดำเนินการได้ แต่ในขั้นตอนนี้คงจะไม่ให้ผลการตรวจที่ดินโครงการคีรีมายาฯ ถึงที่สุด เพราะจะใช้เวลานาน
“คณะทำงานของ ส.ป.ก. คงไม่รอ เพราะกระบวนการต่างๆ ต้องใช้เวลานาน เราจะเดินหน้าตรวจสอบที่ดินซึ่งได้รับการประกาศให้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ทั้งที่จัดและยังไม่ได้จัด ใน อ.ปากช่องและวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาไปเลย” นางเปรมจิตกล่าว
เผยตรวจสอบ “คีรีมายา” ไม่คืบ – อธิบดีที่ดิน ยังตั้ง กก. สอบแค่ “โบนันซ่า”
ด้านนายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 61 ไปเพียงกรณีเดียว คือที่ดินสนามแข่งรถของบริษัท โบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ จำกัด ที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ไปเพียงคณะเดียวเท่านั้น กรณีอื่นๆ เช่น โครงการคีรีมายาฯ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไม่ได้ข้อยุติ จึงยังไม่มีการเสนอเรื่องขึ้นมาให้ตั้งคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 61
แหล่งข่าวจากคณะปฏิบัติการพิเศษของกระทรวงยุติธรรมกล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบโครงการคีรีมายาฯ ว่า โครงการคีรีมายาฯ ถูกตรวจสอบใน 2 ส่วน คือ 1. มีการเปลี่ยนแปลงลำรางหรือร่องน้ำสาธารณประโยชน์โดยไม่ได้ขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่ามีการทำฝายกั้นน้ำทับคลองเดื่อชัดเจน ทางเทศบาล ต.หมูสีจึงต้องไปแจ้งความกับ สภ.หมูสี ให้ดำเนินคดีและดำเนินการรื้อถอน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีการแจ้งความแล้วหรือไม่ จึงอาจจะรอเวลาอีกสักระยะก่อนขอให้กระทรวงยุติธรรมทำหนังสือเร่งรัดไปยังเทศบาล ต.หมูสี และ 2. มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบรุกล้ำเข้าไปในที่ดิน ส.ป.ก. กว่า 600 ไร่หรือไม่ เป็นอำนาจของสำนักงานที่ดิน อ.ปากช่อง และปฏิรูปที่ดิน จ.นครราชสีมา จะต้องร่วมมือกันตรวจสอบ เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการคีรีมายาฯ จากนายจิระศักดิ์ สุจริตตานันท์ เจ้าพนักงานที่ดิน อ.ปากช่อง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่นายมลศักดิ์ จงรักษ์ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา อ้างว่าติดประชุม
ขณะที่นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น นายชำนาญ กลิ่นจันทร์ ปฏิรูปที่ดิน จ.นครราชสีมา รายงานมาว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิ์ จาก น.ค.3 มาทับที่ดินของ ส.ป.ก. อย่างไรก็ตาม คงต้องรอให้การตรวจสอบเสร็จสิ้นก่อน ถึงจะบอกได้ว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิ์มาทับที่ดินของ ส.ป.ก. หรือไม่
ข่าวหรือบทความที่เกี่ยวข้อง
