ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : พระเชียงใหม่เลือดร้อน เขม่นหน้ากันคว้าฝาบาตรฟาด! ใครช่างภาพตัวจริงงานแต่งลิเดีย-แมทธิว สรุปจ้างทั้ง 3 เจ้า

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : พระเชียงใหม่เลือดร้อน เขม่นหน้ากันคว้าฝาบาตรฟาด! ใครช่างภาพตัวจริงงานแต่งลิเดีย-แมทธิว สรุปจ้างทั้ง 3 เจ้า

21 มีนาคม 2015


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 15-21 มีนาคม 2558

  • พระเชียงใหม่เลือดร้อน เขม่นหน้ากันคว้าฝาบาตรฟาด!
  • ใครช่างภาพตัวจริงงานแต่งลีเดีย-แมทธิว สรุปจ้างทั้ง 3 เจ้า
  • วธ. ห้ามสาวไทยเซลฟี่ตามเทรนด์มาแรง “อันเดอร์บู๊บ” เสี่ยงคุก 5 ปี
  • หนุ่มใหญ่ขี่บิ๊กไบค์ถูกยิงไม่ใช่รถล้มตาย ตร. รับผิด เพื่อนนักขับแห่ไว้อาลัย
  • มินิมาร์ทร้องโอย ฝาชาเขียวยี่ห้อดังถูกขโมยเกลี้ยง

พระเชียงใหม่เลือดร้อน เขม่นหน้ากันคว้าฝาบาตรฟาด!

monks
ที่มาภาพ: http://goo.gl/erVtQD

ในระยะที่ผ่านมา ข่าวฉาวของพระสงฆ์ได้ปรากฏบนหน้าสื่ออยู่เป็นประจำ ล่าสุดโลกออนไลน์ต่างพากันแชร์ข่าวพระสงฆ์จำนวน 2 รูป เป็นคู่กรณีทะเลาะวิวาทกันบริเวณตลาดประตูเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางพ่อค้าแม่ค้าชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า ต่างตะลึงมุงดูเหตุการณ์ไม่เหมาะสม โดยทั้งคู่หลังจากทะเลาะวิวาทกันแล้วก็ได้แยกย้ายกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่จึงได้นิมนต์พระทั้งสองมาสอบปากคำและปรับความเข้าใจกันที่โรงพัก

เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา จากการสอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติมทราบว่า พระสงฆ์ทั้ง 2 รูปที่ก่อเหตุนั้น รูปแรกเป็นพระสงฆ์จากวัดเจดีย์หลวง อ.เมืองเชียงใหม่ อายุประมาณ 30 กว่าปี ส่วนอีกรูปเป็นพระสงฆ์วัดศรีโขง ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ อายุประมาณ 52 ปี โดยขณะที่พระสงฆ์จากวัดศรีโขง กำลังเดินบิณฑบาตบริเวณตลาดประตูเชียงใหม่อยู่นั้น พระสงฆ์ของวัดเจดีย์หลวงที่มาบินฑบาตย่านนั้นเหมือนกันได้เดินเข้ามาหาและคว้าฝาบาตรปรี่เข้ามาตบศีรษะของพระสงฆ์วัดศรีโขงโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย พระสงฆ์วัดศรีโขงได้สอบถามว่าตบทำไม พระอีกรูปก็บอกว่ามองหน้าหาเรื่องก่อน จึงได้ก่อเหตุดังกล่าว

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบปากคำพระสงฆ์ทั้งสองรูปอยู่นั้น ได้มีพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร และพระผู้ใหญ่ของทางฝ่ายสงฆ์ ได้มาทำการเจรจาพระทั้งสองให้ยุติ อย่าเอาเรื่องกัน และให้สามัคคีกัน ในสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ ซึ่งพระสงฆ์ทั้งสองก็เข้าใจ และต่างฝ่ายก็ต่างสวดให้ศีลให้พรซึ่งกันและกัน และไม่ติดใจเอาความกัน ก่อนแยกย้ายกันเดินลงจากโรงพัก

ด้าน ร.ต.ท. วิชชาเยน วงค์เทพ ร้อยเวร เปิดเผยว่า พระสงฆ์คู่กรณีเกิดไม่พอใจกันและเข้ามาทำร้ายกัน แต่ก็ไม่ถึงกับมีบาดแผลหรือบาดเจ็บอะไรมากมาย และมีพระสงฆ์ผู้ใหญ่เข้ามาไกล่เกลี่ย ทั้งคู่ก็ไม่ติดใจเอาเรื่องเอาราวกัน ต่างฝ่ายต่างก็ให้ศีลให้พรซึ่งกัน ก่อนแยกย้ายกันไป โดยมี พ.ต.อ. วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ลงมาช่วยไกล่เกลี่ย จนเป็นที่ยุติของทั้งสองฝ่าย ไม่เป็นคดี ไม่มีการเปรียบเทียบปรับด้วย

ใครช่างภาพตัวจริง งานแต่งลีเดีย-แมทธิว สรุปจ้างทั้ง 3 เจ้า

Screen Shot 2558-03-20 at 7.54.33 PM
ที่มาภาพ: https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/10153211067698291

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นใหญ่โต เมื่อทีมช่างภาพในงานหมั้นของ “ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา” และ “แมทธิว ดีน” ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า เจ้าของเวดดิ้งสตูดิโอชื่อดัง BOX WEDDING ถูกนักเลงคีย์บอร์ดรุมโพสต์ต่อว่า โดยชาวเน็ตจำนวนหนึ่งก็ออกมาตั้งข้อสงสัยว่า BOX WEDDING เป็นทีมงานทางการงานลิเดียกับแมทธิวจริงหรือไม่ พร้อมกับข้อหาว่าที่ผ่านมาถ่ายงานให้ดาราฟรีๆ

ด้าน อาร์ม จักรกวินทร์ ภู่สวาสดิ์ เจ้าของ BOX WEDDING กล่าวถึงประเด็นดราม่าในโซเชียลที่มีคนแชร์นั้นว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริง ส่งผลทำให้ตนเองเสียหายเพราะล่าสุดมีการโพสต์เข้ามาในเฟซบุ๊กส่วนตัวและส่งกระจายข้อมูลผิดๆ ไปยังเพจและสื่อต่างๆ ทำให้ลูกค้าเก่าใหม่มากมายเข้าใจผิด โดยได้ทำการแจ้งความเอาผิดคนหมิ่นประมาทไปแล้ว โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ชาวเน็ตจึงได้ตั้งคำถามว่าจริงๆ แล้วผู้ที่ถูกจ้างงานมาถ่ายภาพนั้นเป็นเจ้าใดกันแน่

ล่าสุด เว็บไซต์สโปกดาร์กทีวี รายงานการสอบถามข้อสงสัยไปยัง “ลิเดีย-แมทธิว” ว่า ไม่ขอยุ่งกับเรื่องของช่างภาพ และยืนยันว่าได้จ้างช่างภาพมาจาก 3 เจ้า ได้แก่ Box Wedding, LERKDEE Production และ Gorgai Studio ซึ่งหากจะดึงใครมาช่วยงานบ้างตนไม่รู้ รับว่างงเหมือนกันแต่ไม่ได้ติดตามเท่าใดนัก ส่วนใหญ่มีคนคอยดูแลเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าจ้างทั้ง 3 ทีม

วธ. ห้ามสาวไทยเซลฟี่ตามเทรนด์มาแรง “อันเดอร์บู๊บ” เสี่ยงคุก 5 ปี

Screen Shot 2558-03-20 at 8.01.51 PM
ที่มาภาพ: http://goo.gl/1bIiZw

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้กระแสถ่ายรูป “Underboob Selfies” หรือ การถ่ายรูปให้เห็นเพียงครึ่งล่างของเต้านมของบรรดาสาวๆ นั้นกำลังมาแรง โดยในต่างประเทศได้มีการโพสต์รูปภาพเหล่านี้ในโชเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์

แต่ก่อนที่สาวไทยจะได้โพสต์ภาพตามเทรนด์กันบ้างนั้น ล่าสุด เว็บไซต์วอยซ์ทีวี รายงานว่า นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ผู้อำนวยการสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม แห่งกระทรวงวัฒนธรรม ออกมาเตือนสาวๆ ว่า อย่าทำตามเทรนด์ “Underboob Selfies” เพราะอาจจะเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ด้วยการเผยแพร่ภาพลามก หรือละเมิดข้อกฎหมายว่าด้วยการควบคุมไม่ให้โชว์สรีระส่วนที่ต้องสงวน ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี

ทว่า ก็มีข้อโต้แย้งว่า การถ่าย “Underboob selfies” ไม่ได้ต่างอะไรกับการถ่ายภาพที่มีเนินอก เพราะก็ไม่เห็นหัวนมเหมือนกัน และนิตยสารหลายฉบับก็เคยมีภาพถ่ายที่นางแบบเปลือยท่อนบนทั้งหมด แต่เอามือปิดหัวนมเอาไว้ ก็ยังไม่ถือว่าอนาจาร

หนุ่มใหญ่ขี่บิ๊กไบค์ถูกยิงไม่ใช่รถล้มตาย ตร. รับผิด เพื่อนนักขับแห่ไว้อาลัย

bigbike02
บิ๊กไบค์รวมพล ที่มาภาพ: http://hilight.kapook.com/view/117593

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยรัฐออนไลน์ รายงานข่าวสะเทือนวงการตำรวจ จากเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี ตั้งด่านตรวจบริเวณสะพานห้วยเล็ก ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งขณะนั้นนายนเรศ โรจน์บุญส่งศรี อายุ 40 ปี พนักงานอู่ต่อเรือบริษัทยูนิไทย ซิปยาร์ด แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ขี่รถจักรยานยนต์คาวาซากิ รุ่นนินจา สีส้มดำ ทะเบียน 1 กณ 5906 ชลบุรี แหกด่าน และเกิดอุบัติเหตุรถล้มส่งผลให้เสียชีวิต โดยตำรวจอ้างสาเหตุการตายเกิดจากอุบัติเหตุล้มศีรษะกระแทกพื้น เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา

ต่อมาแพทย์จากโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ได้ออกใบรับรองการวินิจฉัยว่าผู้ตายถูกยิงที่ศีรษะ สมองช้ำบวมรุนแรง เชื่อว่าน่าจะถูกกระสุนปืนเพราะสมองถูกทำลายไปกว่า 50% โดยหากเกิดจากรถล้มอย่างเดียวไม่น่าจะรุนแรงขนาดนี้ ต่อมาญาติร้องขอให้นำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมเพื่อผ่าศพพิสูจน์ถึงสาเหตุที่แน่ชัด

ขณะเดียวกันกลุ่มบิ๊กไบค์ที่ จ.ชลบุรี และใน กทม. รวมตัวกันทวงถามความยุติธรรมให้ตำรวจออกมารับผิดชอบ โดยมีการรวมตัวกันกว่า 300 คน พร้อมขี่รถราว 100 คัน ไปไว้อาลัยเพื่อนที่รถล้มใกล้ด่านตรวจ สภ.หนองขาม เพราะเชื่อว่าเพื่อนถูกยิงตาย ทั้งนี้ ทางกลุ่มจะรวมพลกันมากกว่านี้ในวันที่ 21 มีนาคม ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และที่เกาะลอยศรีราชา เพื่อไว้ทุกข์ให้กับผู้ตายและขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจในสิ่งที่มีการตอบโต้กัน กำหนดกติกาไว้ 3 ข้อ คือ ห้ามเบิ้ลเครื่องส่งเสียงดัง ต้องเคารพสถานที่ และชุมนุมอย่างสันติ

ด้านความคืบหน้าของผู้ก่อเหตุ ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. เปิดเผยว่า พล.ต.ต. นิติพงศ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รายงานว่าขณะนี้ ด.ต. สุพรรณ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา สำหรับในส่วนของการพิจารณาเอาผิดทางวินัยนั้นผู้บังคับบัญชากำลังพิจารณาอยู่ อีกทั้งรอผลการยืนยันในเรื่องของการชันสูตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการชันสูตรอยู่เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา

พล.ต.ท. ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ด.ต. สุพรรณขับรถชนท้ายรถเก๋งบริเวณแยกบางแสน คาดว่าอาจจะเกิดความเสียใจจากสิ่งที่ได้กระทำลงไป ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาขับรถโดยประมาทเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา และกรณีที่ชาวโซเชียลมีการโจมตีว่าเป็นตำรวจจึงไม่ต้องเป่าแอลกอฮอล์นั้นชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่แจ้งว่าเครื่องเป่าแอลกอฮอล์เสียจึงไม่ได้มีการตรวจ สำหรับกลุ่มบิ๊กไบค์ที่จะมีการรวมตัวกันในวันที่ 21 มีนาคม ขอยืนยันว่าตำรวจได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม เว็บไซต์ผู้จัดการรายงานเพิ่มเติมว่า ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พ.ต.อ. ดร.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมด้วยนายพัสกร เพชรในหิน ผอ.ศูนย์เยียวยาเหยื่ออาชญากรรม กรมคุ้มครองสิทธิฯ ร่วมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 100,000 บาท แก่ น.ส.ธัญชนก แจ่มสำเภาทอง อายุ 41 ปี ชาว จ. ชลบุรี ภรรยาของนายนเรศ โรจน์บุญส่งศรี อายุ 40 ปี ผู้เสียชีวิต โดยนายนเรศเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายต่อจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544

พ.ต.อ. ดร.ณรัชต์กล่าวว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มีภารกิจในการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อผู้เสียหายในคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย พ.ศ. 2544 กรณีถูกยิง ถูกแทง ถูกฆ่า ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกระเบิด หรือถูกข่มขืน โดยที่ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งผู้เสียหายสามารถยื่นคำขอรับค่าตอบแทนได้ตามกฎหมายดังกล่าว

ด้านนายนพพร โรจนบุญส่งศรี อายุ 51 ปี พี่ชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า มีความกังวลในเรื่องของคดีและเกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้า ทั้งนี้ได้รับการยืนยันจากอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ ว่าทางกรมจะมีที่ปรึกษาเกี่ยวกับคดีให้ หลังจากนี้ตนจะไปทำเรื่องร้องทุกข์ขอทนายเพิ่มเติมที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิฯ

มินิมาร์ทร้องโอย ฝาชาเขียวยี่ห้อดังถูกขโมยเกลี้ยง

news08
ที่มาภาพ: http://news.sanook.com/1764745/

17 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสนุกดอทคอม รายงานว่า ในโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพถ่ายขวดเครื่องดื่มน้ำชาเขียวยี่ห้อดัง สภาพไร้ฝาปิดขวด เนื่องจากถูกลักเปิดฝาเครื่องดื่มและขโมยเอาฝาไปชิงโชคลุ้นรางวัลที่กำลังแจกกันอย่างเข้มข้นในช่วงนี้ กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อท้องถิ่น

โดยตามรายงานระบุว่า โซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังพากันแชร์ภาพจากสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Joy Hudrudcha ซึ่งได้โพสต์ภาพขวดเครื่องดื่มน้ำชาเขียวยี่ห้อดัง ที่มีเพียงแค่ขวดกับน้ำชาเขียวเต็ม แต่ไม่มีฝากปิด เพราะถูกนักเสี่ยงโชคนิสัยไม่ดีลอบเปิดฝาและขโมยฝาไป

เจ้าของภาพดังกล่าวได้ระบุว่าข้อความไว้ว่า “รบกวนฝากไปถึงคุณตันนะคะ ตอนนี้ทางมินิมาร์ทซุปเปอร์ชีพ บางคณฑี จ.ภูเก็ต สต็อกอิชิตันและเย็นเย็น ได้ขาดไปเยอะเลยค่ะ เพราะมีบุคคลที่อยากได้รถเบนซ์ แต่ไม่ลงทุน มาขโมยฝาไปทุกวันเลยค่ะ”

ภาพดังกล่าวถูกแชร์ส่งต่อและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อยู่ในเวลานี้ หลายคนแสดงความคิดเห็นว่า ไม่ควรกระทำเช่นนี้ ถึงแม้จะมีโอกาสได้รับโชค แต่ก็อาจจะถูกตราหน้าเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย ไม่คุ้มกับประวัติอาชญากรรมที่จะติดตัวไปตลอดชีวิตเลย