ThaiPublica > เกาะกระแส > สวรส. แจงผลสอบข้อเท็จจริงทุนวิจัย IDRC โปร่งใส – แต่วงในระบุผลเจรจา IDRC-ทูตที่ออตตาวา ถ้าไม่ทำตามข้อเสนอแนะพร้อมยกเลิกทุน 3 ล้านเหรียญ

สวรส. แจงผลสอบข้อเท็จจริงทุนวิจัย IDRC โปร่งใส – แต่วงในระบุผลเจรจา IDRC-ทูตที่ออตตาวา ถ้าไม่ทำตามข้อเสนอแนะพร้อมยกเลิกทุน 3 ล้านเหรียญ

18 กุมภาพันธ์ 2015


ตามที่สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ว่า กรณีที่มีข่าวปรากฏในสื่อแขนงต่างๆเกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการวิจัยของ สวรส. ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก International Development Research Center (IDRC) ประเทศแคนาดา ว่ามีการดำเนินงานที่มีการยกเว้นไม่ปฏิบัติตามนโยบายและข้อบังคับของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ทำให้เกิดความเสี่ยง และมีปัญหาความไม่โปร่งใสในการดำเนินงาน คณะกรรมการ สวรส. จึงได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมี รศ. ดร.ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา เป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ คณะอนุกรรมการตรวจสอบ พบว่าไม่ได้มีการยกเว้นการปฏิบัติตามนโยบายและข้อบังคับของ สวรส. และการบริหารไม่มีปัญหาเรื่องความโปร่งใสแต่ประการใด

นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการ สวรส. ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจาก สวรส. เป็นหน่วยงานที่ใช้งบประมาณของประเทศ และเป็นองค์กรด้านวิชาการที่ต้องสามารถถูกตรวจสอบและเปิดเผยทุกข้อมูลอย่างชัดเจนต่อสาธารณะได้

สำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว คณะอนุกรรมการตรวจสอบได้พิจารณาข้อมูลทั้งจากเอกสาร และการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวม 7 ท่าน รวมทั้งผู้อำนวยการ IDRC ประจำภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ส่วน ศ. นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล อดีตผู้อำนวยการ สวรส. ได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบ

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ พบว่า ข้อสรุปของ IDRC ซึ่ง ศ. นพ.สมเกียรติ อ้างถึงนั้น ได้สรุปโดยอ้างคำสั่งมอบอำนาจของ ผอ. สวรส. (นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข) ให้แก่หัวหน้าโครงการ ว่าได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามนโยบายและข้อบังคับ ของ สวรส. จนนำไปสู่ข้อสรุปของ IDRC ที่ว่า ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการบริหารโครงการ รวมทั้งมีความไม่โปร่งใสนั้น จากการตรวจสอบคำสั่งมอบอำนาจดังกล่าว ไม่พบว่ามีการยกเว้นตามที่ IDRC สรุป แต่ได้ระบุไว้ชัดเจนในข้อ 4 ของคำสั่งมอบอำนาจว่า “ในการดำเนินการตามคำสั่งมอบอำนาจนี้ ให้ผู้รับมอบอำนาจต้องดำเนินการตามข้อบังคับ ระเบียบ หลักเกณฑ์ แนวทางปฏิบัติและมติคณะกรรมการ สวรส. ที่เกี่ยวข้องด้วย” คณะอนุกรรมการฯ ยังได้ตรวจสอบการดำเนินการทั้งการจ้างเจ้าหน้าที่โครงการ การกำหนดเงินเดือน การใช้จ่ายเงินในโครงการ ก็ไม่พบการดำเนินการใดที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับหรือระเบียบของ สวรส. รวมทั้งเคยมีการตรวจสอบจากทาง IDRC และหน่วยตรวจสอบภายในของ สวรส. มาก่อนหน้านี้ก็ไม่พบว่ามีการดำเนินการที่ขัดต่อข้อบังคับและระเบียบของ สวรส. แต่ประการใด

คณะอนุกรรมการฯ พบว่า เจ้าหน้าที่โครงการมีเอกสารที่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดบัญชีโครงการที่มีหนังสือขอเปิดบัญชีจาก สวรส. ไปยังธนาคาร การประกาศรับสมัคร และการสัมภาษณ์ผู้สมัครพนักงานในโครงการ การกำหนดเงินเดือน การใช้จ่ายเงินในโครงการ

ด้าน นพ.ภูษิต ประคองสาย รักษาการผู้อำนวยการ สวรส. ได้แจ้งผลการสอบข้อเท็จจริง และหลักฐานต่างๆ ไปให้ IDRC แล้ว และทาง IDRC ก็มีหนังสือแสดงความพอใจและยอมรับผลการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งได้ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของ IDRC ได้รับเพียงข้อมูลจากอดีต ผอ. สวรส. (ศ. นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล) และเจ้าหน้าที่ สวรส. ที่เกี่ยวข้อง โดยอาจมีอุปสรรคในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ และมิได้มีการแปลเอกสารคำสั่งมอบอำนาจหรือเอกสารใดๆ เป็นภาษาอังกฤษ รวมทั้งไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่โครงการ รวมทั้ง ผอ. สวรส. คนก่อน (นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข) ซึ่งเป็นผู้บริหารโครงการมาก่อน

ทาง IDRC มีความพึงพอใจในผลการตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องการที่ไม่มีการยกเว้นการดำเนินการ ตามนโยบายและข้อบังคับของ สวรส. และไม่มีความกังวลในเรื่องความโปร่งใสของการบริหารโครงการอีกต่อไปแล้ว เรื่องทั้งหมดเกิดจากการที่ IDRC ได้ข้อมูลที่ผิดพลาด และไม่ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ที่ได้รับอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพียงพอ

ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล อดีตผู้อำนวยการสวรส.
ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล อดีตผู้อำนวยการสวรส.

IDRC ยื่นเงื่อนไขถ้าไม่ทำตามข้อเสนอแนะจะยกเลิกทุน 3 ล้านเหรียญแคนาดา

แหล่งข่าวจาก สวรส. เปิดเผยว่าก่อนที่จะมีการแถลงข่าวข้างต้น เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 ทางผู้บริหารระดับสูงของ IDRC ได้พบกับนายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา เพื่อพูดคุยกันในเรื่องนี้ ซึงข้อสรุปจากการพูดคุยนั้นทาง IDRC ต้องการให้ สวรส. ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ(ต้นฉบับภาษาอังกฤษ) ที่ได้แจ้งมาก่อนหน้านี้ (ในช่วงที่ นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สวรส.)พร้อมทั้งระบุว่า หากไม่ทำตามข้อแนะนำดังกล่าว ทาง IDRC จะยุติการให้ทุนโครงการนี้วงเงิน 3 ล้านเหรียญแคนาดา

ต่อเรื่องนี้ นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล อดีต ผอ. สวรส. ได้เคยให้ สัมภาษณ์“ไทยพับลิก้า” เกี่ยวกับ IDRC ว่าเป็นโครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากประเทศแคนาดาให้กับประเทศไทยเป็นแม่ข่ายในการให้ทุนวิจัยในโครงการย่อยๆ เกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ โรคอุบัติซ้ำ เพื่อสร้างเครือข่ายให้เกิดความรู้ในภาคพื้นอาเซียน ตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน โดยเฟสแรกปี 2551-2555 แต่ตนเริ่มสงสัยเพราะไม่เห็นโครงการต่างๆ เหล่านั้นว่าได้รับเงินไปเท่าไหร่ ใครเป็นหัวหน้าโครงการในแต่ละประเทศ ไม่มีรายละเอียดที่ปรากฏในฐานข้อมูล สวรส.

“เริ่มแรกที่พบ จากมีคนมาให้ผมเซ็นโอนเงินจาก สวรส. ไปที่บัญชี “APEIR CO” มีเลขบัญชีชัดเจนของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับรายงานจากฝ่ายการเงินว่าทำกันมาเป็นประจำอยู่แล้ว ผมก็บอกว่างั้นไปดูว่าที่ทำในอดีต ภายใต้คำสั่งอะไร เขาบอกว่าคำสั่ง สวรส. ที่ 28/2551 ลงวันที่ …ลงนามโดยอดีตผู้อำนวย สวรส.(นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข) เมื่อดูในรายละเอียดเงื่อนไข ในข้อ 4 ระบุว่า ต้องมีการรายงานโครงการต่อผู้อำนวย ผมก็ตามเรื่อง แต่ก็ตามไม่ได้ ผมก็สงสัย ถามก็ไม่ยอมบอก ผมก็ลำบากใจ ก็อีเมล์ไปถามทางแคนาดาว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร เขาตกใจมากว่าผู้อำนวยการไม่รู้เรื่องราวโครงการที่ทำมา และไม่มีการส่งเรื่องต่อได้อย่างไร ผมก็นัดพบผู้บริหารระดับสูงของแคนาดา พูดคุยในประเด็นต่างๆ ว่าเรื่องนี้ผมไม่สามารถเห็นได้”

นพ.สมเกียรติกล่าวต่อว่า “หลังจากที่พูดคุย เขาส่งคนมาตรวจสอบ และทำรายงานให้ สวรส. ระบุชัดเจนว่าไม่โปร่งใส ทำให้ระบบการบริหารจัดการโครงการที่ได้รับทุนจาก IDRC อยู่นอกระบบ สวรส. ที่เขาบอกว่าดีอยู่แล้ว เขาบอกว่าเขาเสียใจมากที่โครงการของเขาไม่อยู่ในระบบ สวรส. ไปอยู่ในบัญชีแยกต่างหาก และการจ้างบุคคลากรไม่มีการจ้างตามระบบ สวรส. ทำให้เขาสงสัยที่มาที่ไป รวมไปถึงการใช้จ่ายของผู้จัดการงานวิจัยก็อยู่นอกระบบ อาทิ การเดินทางไปต่างประเทศ ก่อนเดินทางจะต้องตรวจสอบการใช้จ่ายก่อนว่าคุณมีสิทธิ์เบิกเท่าไหร่ แต่นี่ปรากฏว่าไปมาแล้วก็มาเบิก เขาบอกว่ารับไม่ได้ นี่คือปรากฏในรายงาน ซึ่งฝ่ายตรวจสอบภายในก็ระบุว่าโครงการนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะผู้จัดการการวิจัยไม่อนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบ”

“จน ณ บัดนี้ บัญชีธนาคารที่ใช้ชื่อAPEIR CO ยังไม่สามารถปิดได้ ก็ฝากให้เจ้าของประเทศ ผมรายงานเรื่องนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 ถึงรองนายกฯ ยงยุทธ ยุทธวงศ์ แล้ว ก็ยังไม่สามารถปิดบัญชีได้”

อ่านเพิ่มเติมหนังสือชี้แจงกรณีปฏิเสธให้สัมภาษณ์ต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบ