เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2557 คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม พร้อมนาย กุลิศ สมบัติศิริ เลขาธิการการประชุม มีมติเห็นชอบแล้วในหลักการ เรื่อง การปรับปรุงบัญชีโครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ (โครงสร้าง 58 ขั้น) 35 แห่ง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เนื่องจากเป็นการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่องมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจและสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ
โดยมติที่ประชุมในเรื่องดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
จากเดิมทีมีอัตราจ้างขั้นต่ำ 5,780-9,040 บาท ให้เริ่มมีอัตราขั้นต่ำที่ 9,040 บาท พร้อมปรับอัตราขั้นสูงสุด จากเดิมได้รับ 113,520 บาท ให้เพิ่มขั้นอีก 6.5 ขั้น โดยมีค่าจ้างอัตรา 142,830 บาท เป็นขั้นเงินเดือนสูงสุด ทั้งนี้ โครงสร้างอัตราค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ระหว่าง 9,040–113,520 บาท ยังคงเดิม(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)
กรณีที่รัฐวิสาหกิจใดจะขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงขึ้นไปสูงกว่าอัตราขั้นสูงที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน จะต้องขอความเห็นชอบจากกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หรือ ครส. และคณะรัฐมนตรีเป็นรายกรณีไป ทั้งนี้ การพิจารณาขยายเพดานอัตราค่าจ้างขั้นสูงต้องสอดคล้องกับขนาด ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบ ของรัฐวิสาหกิจที่มีความแตกต่างกันตามความเหมาะสมตลอดจนความสามารถในการรองรับภาระค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เพิ่มขึ้นของรัฐวิสาหกิจแห่งนั้น
ก่อนหน้านี้ในปี พ.ศ. 2537 อัตราเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจเริ่มต้นที่ 4,880-100,920 บาท ต่อมามติคณะรัฐมนตรีในปี 2547 ให้ปรับเพิ่มอีก 3% เริ่มต้นที่ 50,30-103,950 บาท จากนั้นมติคณะรัฐมนตรีในปี 2549 ให้เพิ่มอีก 5% เป็นเริ่มต้นที่ 5,290-109,150 บาท และมติคณะรัฐมนตรีในปี 2550 ให้เพิ่มอีก 4% เป็นเริ่มต้นที่ 5,510-113,520 บาท (เงินเดือนรัฐวิสาหกิจตั้งแต่ปี 2537-2550)
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการ สคร. ระบุว่า “พนักงานรัฐวิสาหกิจใช้ระบบตำแหน่งเหมือนข้าราชการ แต่ในแต่ละแห่งมีกฎเกณฑ์การใช้ไม่เหมือนกัน บางแห่งขั้นสูงอยู่ที่ 50 บางแห่งขั้นสูงอยู่ที่ 44 ก็ต้องไปดูกันอีกที จะกระโดดจากขั้น 44 ไปขั้น 53 นี่เป็นไปไม่ได้ ต้องขอ ครส. และ ครม. ก่อน พร้อมดูเรื่องภาระหน้าที่ และฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ ด้วย รัฐวิสาหกิจบางแห่งความแข็งแรงไม่เท่ากัน โครงสร้างเงินเดือนไม่เท่ากัน นี่ไม่ใช่การขึ้นเงินเดือนเลย แต่เป็นการปรับโครงสร้างให้ถูกต้องเท่านั้น ส่วนที่ว่าจะมีผลเมื่อใด ต้องรอ คนร. กลั่นกรอง และส่งเข้า ครม. อีกครั้ง”