รายงานโดย…อิสรนันท์
ผ่านพ้นปีใหม่ 2557 ได้เพียงไม่กี่วัน สถาบันกษัตริย์แห่งเมืองกระทิงดุสเปนมีอันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อผู้พิพากษาเมืองพัลมา เดอ มาญอร์กา บนหมู่เกาะบาเลียริก ได้ออกหมายเรียกให้เจ้าหญิง คริสตินา ดัชเชสแห่งพัลมา พระชนม์ 48 ปี พระธิดาองค์เล็กในสมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาร์ลอส และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย และทรงเป็นรัชทายาทอันดับ 7 เสด็จไปให้การต่อศาลในวันที่ 8 มีนาคมนี้ หลังจากทรงถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการว่าฉ้อโกง ฟอกเงิน และเลี่ยงภาษี
นับเป็นครั้งแรกที่พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงจะต้องขึ้นศาลเพื่อแก้ต่างในคดีอาญา หากศาลมีหลักฐานว่าทรงทำผิดจริง ศาลก็เตรียมออกหมายจับอย่างเป็นทางการ เพื่อพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และให้เป็นไปตามพระราชดำรัสของพระเจ้าฮวน คาร์ลอส ที่เคยตรัสเมื่อหลายสิบปีมาแล้วว่า “ภายใต้กฎหมายแล้วทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน”
เมื่อปีที่แล้ว ศาลเมืองพัลมาเคยออกหมายเรียกเจ้าหญิงคริสตินามาแล้วครั้งหนึ่งในข้อหาว่าพัวพันกับคดีทุจริตคอรัปชันเงินจากกองทุนการกุศลนูส์ ของนายอินากี อูร์ดันการิน ดยุคแห่งพัลมา พระสวามีซึ่งเคยเป็นนักกีฬาเหรียญทองแฮนด์บอลโอลิมปิก แต่อัยการได้คัดค้าน อ้างว่าหลักฐานไม่เพียงพอ จนศาลต้องถอนหมายเรียกตัวในครั้งนั้น
อย่างไรก็ดี ตัวแทนของกลุ่มสหภาพแรงงานขวาจัดได้ยื่นฟ้องเจ้าหญิงคริสตินาซ้ำในข้อหาเลี่ยงภาษีและฟอกเงิน หลังจากเจ้าหน้าที่สรรพากรพยายามเตะถ่วงไม่ยอมยื่นฟ้องดำเนินคดีใดๆ แม้จะพบหลักฐานชิ้นใหม่บ่งชี้ว่าพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆของพระสวามี และศาลก็ประทับรับฟ้องโดยผู้พิพากษาให้ความเห็นว่าอยากฟังคำชี้แจงโดยตรงจากเจ้าหญิงคริสตินาด้วยความยุติธรรม ไม่ใช่แค่จากข่าวลือที่จินตนาการเอาเอง
หลักฐานใหม่ที่พบก็คือ อีเมลหลายฉบับที่ดยุคแห่งพัลมาส่งถึงเจ้าหญิงพระชายา เพื่อปรึกษาเรื่องการเงินของกองทุน “นูส์” ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์เรื่องการจ่ายเงินภาษีหรือบัญชีเงินฝากในธนาคาร ร้านอาหารและรายจ่ายของครอบครัว ทำให้ศาลตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหญิงอาจรู้เห็นเรื่องการคอร์รัปชันครั้งนี้ หากเจ้าหญิงร่วมกระทำผิดจริง ก็สมควรถูกลงโทษภายใต้กฎหมายเดียวกับสามัญชน
แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่พระองค์อาจจะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมาย และขอเลี่ยงการเข้าให้ปากคำดังกล่าว
กรณีอื้อฉาวที่กระหน่ำสถาบันกษัตริย์ให้ยิ่งง่อนแง่นมากขึ้นไปอีก มีขึ้นหลังจากมีการกล่าวหานายอูร์ดันการินว่าสมคบกับนายดิเอโก ตอร์เรส อดีตหุ้นส่วน ยักยอกงบประมาณในการจัดกิจกรรมกีฬาและการท่องเที่ยวของกองทุนการกุศลสถาบัน “นูส์” จำนวน 8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 240 ล้านบาท ระหว่างที่เป็นประธานมูลนิธินี้เมื่อปี 2547-2549 และได้โอนเงินจำนวนหนึ่งไปฝากในบัญชีธนาคารต่างประเทศ
แม้ว่าทั้งสองคนจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่สำนักพระราชวังสเปนก็ประกาศลดบทบาทดยุคแห่งพัลมาลงตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา ขณะที่ศาลได้สั่งยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 8 ล้าน 2 แสนดอลลาร์ หรือราว 256 ล้านบาท ของดยุคแห่งพัลมา นอกเหนือจากอายัดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงพระตำหนักหรูหลังใหญ่ นอกเมืองบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์และเจ้าหญิงคริสตินา ตลอดจนทรัพย์สินอื่นๆ ที่พระองค์สะสมเอาไว้ ทั้งที่อยู่บนเกาะบัลเรียริค และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
ข่าวนี้มีขึ้นเหมือนกับผีซ้ำด้ำพลอย เนื่องจากสถาบันกษัตริย์กำลังตกเป็นเป้าโจมตีอย่างต่อเนื่องจนคะแนนนิยมมีแต่ลดลงตามลำดับตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผลการสำรวจความเห็นที่จัดทำโดยสถาบันซิกมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่า คะแนนนิยมของพระเจ้าฮวน คาร์ลอส ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เหลือแค่ร้อยละ 50 จากเดิมร้อยละ 75
ขณะเดียวกัน มีชาวสเปนไม่น้อยเรียกร้องให้พระเจ้าฮวน คาร์ลอส พระชนม์ 76 ชันษา ทรงสละราชย์ เนื่องจากยิ่งมีพระชนม์มากขึ้นก็ยิ่งทรงเลอะเลือน และยิ่งทรงห่างเหินจากประชาชน นอกเหนือจากถูกโจมตีในเรื่องความฟุ่มเฟือย โดยเสด็จไปล่าสัตว์ที่ประเทศบอตสวานา ทั้งๆ ที่ประชาชนต่างต้องรัดเข็มขัดจนท้องกิ่ว แม้ว่าจะมีเศรษฐีชาวซาอุดีอาระเบียเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ก็ตาม จนทำให้พระองค์ต้องออกมาตรัสขอโทษประชาชนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
สำหรับพระประวัติของเจ้าหญิงคริสตินา ซึ่งต้องทรงตกเป็นจำเลยของสังคมอันเนื่องจากการกระทำของพระสวามีและของพระบรมชนกนาถ เข้าตำรา “ตีวัวกระทบคราด” มีพระนามเต็มว่าเจ้าหญิงคริสตินา เฟเดริกา วิคตอเรีย แอนโทเนีย พระราชธิดาพระองค์เล็ก ในสมเด็จพระราชาบดี ฮวน คาร์ลอส กับพระราชินิโซเฟีย ประสูติเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2508 ในกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน นับเป็นรัชทายาทลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์บูร์บง
ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสเปนเมื่อปี 2532 จากนั้นทรงศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐฯ
เข้าพิธีเสกสมรสกับ นายอินากิ เออร์ดันการิน สามัญชนเชื้อสายบาสก์ซึ่งเป็นนักกีฬาแฮนด์บอลทีมบาร์เซโลนา เมื่อปี 2540 ขณะมีพระชนม์ 32 พรรษา จากนั้น ได้รับการสถาปนาเป็นดัชเชสแห่งพัลมา เคียงคู่กับพระสวามี ดยุคแห่งพัลมา มีโอรส-ธิดารวม 4 พระองค์ ช่วงที่มีข่าวกระเส็นกระสายเรื่องการคอร์รัปชัน ได้พาโอรส-ธิดาย้ายไปประทับที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามพระสวามีที่ได้งานใหม่ที่นี่
ชาวสเปนส่วนใหญ่ต่างชื่นชมเจ้าหญิงคริสตินามาตลอด เพราะทรงปฏิบัติกรณียกิจมากมาย อีกทั้งยังทรงมากความสามารถ ตรัสได้หลายภาษา ทั้งภาษาสเปน อังกฤษ ฝรั่งเศส และภาษากรีก รวมถึงภาษาคาตาลัน อันเป็นภาษาท้องถิ่น ทรงเคยฝึกงานกับองค์การยูเนสโก ที่สำนักงานใหญ่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2534 ปูทางให้ทรงร่วมงานกับองค์การระหว่างประเทศมาตลอด โดยเฉพาะในโครงการด้านวัฒนธรรม วิชาการ และคุณภาพชีวิตทั่วโลก
นอกจากนี้ยังเสด็จไปช่วยเหลืองานของยูเนสโกในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบยุโรปและละตินอเมริกา กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีแห่งสหประชาชาติ ในการประชุมว่าด้วยผู้สูงอายุครั้งที่ 2 เมื่อปี 2544
ด้วยความที่โปรดกีฬาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการทรงเรือใบที่โปรดมาเป็นพิเศษ จนได้ทรงเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายครั้ง รวมไปถึงทรงเคยเป็นนักกีฬาเรือใบทีมชาติสเปนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 2531 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเจ้าหญิงคริสตินายังทรงเป็นประธานมูลนิธิกีฬาเรือใบคนพิการสากลด้วย