ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ออกแถลงการณ์ “หยุดโกง” จำนำข้าว

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ออกแถลงการณ์ “หยุดโกง” จำนำข้าว

26 มิถุนายน 2013


องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) แถลงการณ์ “กรณีปัญหาคอร์รัปชันในโครงการรับจำนำข้าว” ที่  ณ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อวันที 25 มิ.ย. 2556 ผู้ร่วมแถลงการณ์ได้แก่ ดร.มานะ นิมิตมงคล  คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม นายประมนต์ สุธีวงศ์  นายวิชัย อัศรัสกร (จากซ้ายไปขาว)
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) แถลงการณ์ “กรณีปัญหาคอร์รัปชันในโครงการรับจำนำข้าว” ณ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2556 ผู้ร่วมแถลงการณ์ (จากซ้ายไปขวา) ได้แก่ ดร.มานะ นิมิตรมงคล, คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม, นายประมนต์ สุธีวงศ์ และนายวิชัย อัศรัสกร

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ประกาศจุดยืนและออกแถลงการณ์ “จำนำข้าว” หยุดโกง เอาคนผิดมาลงโทษ ช่วยชาวนาให้มากขึ้น และเสนอทางออก 4 แนวทางเร่งด่วน “เอาคนโกงมาลงโทษ-เปิดเผยข้อมูล-ปรับวิธีระบายข้าว-ตั้งศูนย์ช่วยเหลือชาวนา” พร้อมทำหนังสือถึง ป.ป.ช. ช่วยตรวจสต็อกข้าว เผยมีข้อมูลน่าเชื่อถือชี้จุดเอาผิดคนทุจริตได้ ชี้ “ปูพรม” ตรวจแบบรัฐบาลแค่สร้างภาพ

วันที่ 26 มิถุนายน 2556 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกแถลงการณ์ “กรณีปัญหาคอร์รัปชั่นในโครงการจำนำข้าว” โดยมีผู้ร่วมแถลงการณ์คือ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม รองประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) นายวิชัย อัศรัสกร เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และดร.มานะ นิมิตรมงคล ผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย)

นายประมนต์กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายประชานิยมโดยทำโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายอย่างต่อเนื่องถึงความไม่โปร่งใสในการบริหาร จนเกิดการร้องเรียนเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และส่าสุด รัฐบาลได้ปรับราคารับและจำกัดปริมาณลง

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ขอ “ประกาศจุดยืน” ว่า องค์กรฯ ไม่คัดค้านโครงการที่เอื้อประโยชน์ และสร้างความมั่นคงให้ชาวนาไทยอย่างยั่งยืนภายใต้ระบบการค้าเสรี แต่มีความกังวล เนื่องจากการดำเนินโครงการนี้มีความเสี่ยงต่อการคอร์รัปชันในขั้นตอนการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส ดังนั้น หากรัฐบาลยังยืนยันที่จะดำเนินการโครงการนี้ต่อไป องค์กรฯ ต้องการให้ขจัดการคอร์รัปชันให้ได้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวนาและประเทศชาติ

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเศไทยป

ข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนวทางแก่รัฐบาลขององค์กรฯ มีดังนี้

1. เร่งรัดให้มีการสอบสวนพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชันในทุกขั้นตอนของโครงการ เพื่อนำตัวคนผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษโดยเร็วที่สุด

2. การเปิดเผยข้อมูล ในส่วนของข้าวที่ได้รับจำนำไว้ก่อนหน้านี้ รัฐบาลต้องเปิดเผยตัวเลขราคา ปริมาณข้าว และประเภทข้าวที่จำหน่ายไปแล้ว และที่มีอยู่ในสต็อก เพื่อสร้างความโปร่งใส เพราะ “ข้าวที่จำนำทั้งหมดเป็นสมบัติของชาติ” ดังนั้นจึงเป็นสิทธิ์ของประชาชนทุกคนที่จะรับรู้ข้อมูลเหล่านี้

3. การระบายข้าว ต้องเปลี่ยนวิธีการเพื่อลดโอกาสการทุจริตคอร์รัปชัน ด้วยการรับจำนำข้าวเปลือกและประมูลขายข้าวเปลือกออกเป็นล็อตเล็กๆ ทันทีโดยไม่เก็บสต็อก เพื่อกำจัดขั้นตอนการทุจริต เช่น การลักลอบสวมสิทธิ์ข้าวจากต่างประเทศ การเวียนเทียนจำหน่ายข้าวจากสต็อกของรัฐบาล สับเปลี่ยนข้าวคุณภาพสูงด้วยข้าวคุณภาพต่ำหรือเสื่อมคุณภาพ เอื้อพวกพ้องของรัฐบาลด้วยการแอบขายข้าวในราคาต่ำเพื่อจำหน่ายต่อ เป็นต้น

4. ดำเนินการจัดตั้ง “ศูนย์ช่วยเหลือชาวนา” ทั่วประเทศ เพื่อให้มีศูนย์กลางรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างทั่วถึง และมีการดำเนินการช่วยเหลือในภาคปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอนและรวดเร็ว

“เพื่อให้ข้อเสนอดังกล่าวเป็นรูปธรรม เราจะพยายามใช้พลังประชาชน และสื่อผลักดัน เพื่อให้รัฐบาลตอบรับข้อเสนอ เพราะนี่คือข้อกังวลของประชาชนทั้งประเทศ หลังจากนี้ องค์กรฯ จะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องที่แถลงการณ์ ซึ่งมั่นใจว่าปัญหาการทุจริตลดลงได้ ถ้าทำกันอย่างจริงจัง” นายประมนต์กล่าว

นายประมนต์ สุธีวงศ์

นายประมนต์กล่าวว่า นอกจากแถลงการณ์นี้ องค์กรฯ ได้มีจดหมายถึงประธานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ทำการตรวจสอบสต็อกข้าว และตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีการระบายข้าวทั่วประเทศอย่างเข้มงวด โดยหากตรวจพบการทุจริตคอร์รัปชันในขั้นตอนใดๆ ก็ตาม จะต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะความเสียหายครั้งนี้มีผลกระทบมหาศาลต่อประเทศชาติและคุณภาพชีวิตของชาวนา

“องค์กรฯ ยินดีจะเข้าไปร่วมทำงานกับ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบสต็อกข้าว เพราะมีข้อมูลที่หนักแน่นและน่าเชื่อถือของคนในวงการที่เขาสามารถให้ไปตรวจ ณ จุดที่คาดว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้นได้ ขณะที่การตรวจสอบแบบปูพรมทั่วประเทศบอกได้เลยว่าไม่เกิดประโยชน์ เป็นการสร้างภาพ เพราะข้าวที่กองอยู่รวมกันจำนวนมากเป็นการยากที่จะบอกว่าข้าวกระสอบไหนเป็นข้าวประเภทใด ชนิดไหน ต้องใช้เซอร์เวเยอร์ผู้มีประสบการณ์ ซึ่งเอกชนมีความพร้อมเรื่องนี้” ประธานองค์กรฯ กล่าว

ด้านนายวิชัยกล่าวว่า หัวใจของโครงการจำนำข้าวถ้าจะทำต่อคือการระบายข้าว ซึ่งปัจจุบันตัวเลขที่รัฐบาลแถลงออกมายังมีข้าวอยู่ในสต็อกจำนวนมาก ถ้าไม่เร่งระบายจะกระทบหนักถึงชาวนา เพราะรัฐบาลไม่มีเงินมารับจำนำต่อ เนื่องจากคงไม่สามารถกู้เงินมาดำเนินโครงการได้ตลอด ดังนั้น เงินที่จะนำมาใช้ในรอบใหม่ของโครงการจำนำข้าวจะต้องมาจากการเร่งระบายข้าว โดยควรทำตามข้อเสนอขององค์กรฯ คือเร่งทยอยระบายข้าว และเปิดประมูลหน้าคลังทันที

“ที่หนักใจที่สุดคือเรื่องคุณภาพข้าว ตอนนี้อุตสาหกรรมข้าว ธุรกิจข้าวเสียหายไปแล้ว แม้จะเร่งแก้ไขในขณะนี้ก็คงกู้กลับคืนมาให้เหมือนเดิมยาก และไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน แต่องค์กรฯ จะพยายามดึงกลับมาให้ดีที่สุด” นายวิชัยกล่าว

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือชาวนาระยะยาว นายวิชัยกล่าวว่า จำเป็นต้องหาทางลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อให้ชาวนาเข้มแข็งและอยู่ได้ในระยะยาว โดยภายในสัปดาห์นี้ องค์กรฯ จะหารือกับบริษัทใหญ่ๆ ที่มีโมเดลในการทำนาที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ซึ่งจะช่วยกันคิดจนตกผลึกได้ “โมเดลกลาง” สำหรับนำไปเสนอให้รัฐบาลพิจารณานำไปช่วยเหลือชาวนา โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณ 2 สัปดาห์

นายวิชัย อัศรัสกร

“ปัจจุบันต้นทุนชาวนาอยู่ที่ประมาณ 8,600 บาทต่อตัน ถ้าสามารถลดลงเหลือประมาณ 6,000 บาทต่อตัน ก็น่าจะอยู่ได้ถ้าราคารับจำนำลดลงเหลือ 12,000 บาทต่อตัน” นายวิชัยกล่าว

ด้าน ดร.มานะ กล่าวถึงผลการศึกษาในต่างประเทศเรื่องการเปิดเผยข้อมูลการค้าขายแบบรัฐต่อรัฐว่า หากมีการเปิดเผยข้อมูลแบบตรงไปตรงมาจะเป็นการค้าที่บริสุทธิ์ แต่ถ้าปิดบังมักจะพบว่ารัฐบาลฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคอร์รัปชัน

เพราะฉะนั้น ข้ออ้างที่รัฐบาลบอกว่าการค้าขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐเป็นความลับ หรือกรณีการระบายขายข้าวไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้นั้น นายประมนต์กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่นำมาอ้าง และไม่มีน้ำหนักที่เพียงพอ

ขณะที่นายวิชัยระบุว่า การอ้างว่าเป็นความลับไปเรื่อยๆ ฟังไม่ขึ้น ควรเลิกพูดคำนี้ ถ้ายังพูดไปเรื่อยๆ พลังสังคมจะออกมาต่อต้าน

“ข้าวในโครงการรับจำนำเป็นสมบัติของชาติ ในฐานะประชาชนเรามีสิทธิ์ที่จะรู้ข้อมูลทั้งหมด” นายวิชัยกล่าว