ThaiPublica > ประเด็นสืบสวน > สินเชื่อ สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน (2): เขื่อนไซยะบุรีที่ไร้หลักอีเควเตอร์

สินเชื่อ สิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน (2): เขื่อนไซยะบุรีที่ไร้หลักอีเควเตอร์

21 มีนาคม 2013


สฤณี อาชวานันทกุล

ปัญหาใหญ่ประการหนึ่งของการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งมักต้องอาศัยเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ คือ ที่ผ่านมารัฐแทบไม่เคยคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและสิทธิของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบอย่างเพียงพอ ขณะที่ไม่เพียงแต่คุ้มครองสิทธิของนักลงทุนและบริษัทผู้ดำเนินโครงการ แต่ยังมักจะออกมาตรการจูงใจต่างๆ มากมาย เพราะกลัวจะสูญเสียเม็ดเงินลงทุนมากกว่ากลัวชาวบ้านเดือดร้อนและระบบนิเวศเสียหาย

ความไม่สมดุลนี้คือบ่อเกิดของ “การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน” ในอดีต ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นนับไม่ถ้วน

เนื่องจากเขื่อนขนาดใหญ่มักส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน คณะกรรมการเขื่อนโลก (World Commission on Dams) จึงเสนอว่าก่อนตัดสินใจสร้าง โครงการจะต้องได้รับการยอมรับจากสาธารณะ และการตัดสินใจใดๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนจะต้องตั้งอยู่บนความยินยอมอย่างสมัครใจ ล่วงหน้า และได้รับข้อมูลพอเพียง (free, prior and informed consent – FPIC) ซึ่งเป็นหลักการที่ยอมรับในระดับสากล และเป็นเนื้อหาสำคัญของปฏิญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. 2550 (United Nation Declaration on the Rights of Indigenous Peoples – UNDRIP) ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนบอกว่าจะปฏิบัติตาม

ฉะนั้น รายงานประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) “ที่ดี” จึงหมายถึงรายงานที่ระบุและประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ ก่อน ที่โครงการจะได้รับอนุมัติให้สร้าง

มาตรฐานเหล่านี้สะท้อนอยู่ใน “หลักอีเควเตอร์” (Equator Principles) – ชุดมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อโครงการขนาดใหญ่ เป็นมาตรฐานโดยสมัครใจซึ่งตั้งอยู่บนมาตรฐานของบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation: ไอเอฟซี) องค์กรลูกของธนาคารโลกที่ปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ ปัจจุบันมีสถาบันการเงิน 79 แห่ง จาก 32 ประเทศทั่วโลกร่วมลงนามในหลักอีเควเตอร์ ปล่อยสินเชื่อรวมกันกว่าร้อยละ 90 ของสินเชื่อโครงการทั้งโลก

หลักการ 10 ข้อ ของชุดหลักอีเควเตอร์ ที่มาภาพ: http://www.equator-principles.com/images/Graphics/ep%20logo%20with%20principles.jpg
หลักการ 10 ข้อ ของชุดหลักอีเควเตอร์ ที่มาภาพ: http://www.equator-principles.com/images/Graphics/ep%20logo%20with%20principles.jpg

น่าเสียดายที่ยังไม่มีธนาคารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใดแม้แต่ธนาคารเดียวร่วมลงนามรับหลักอีเควเตอร์ไปใช้ในกระบวนการปล่อยสินเชื่อ ถึงแม้ว่าธนาคารที่ลงนามไปแล้วจำนวนมากจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลักอีเควเตอร์เป็นประโยชน์ต่อธนาคารเพราะช่วยระบุ “ความเสี่ยง” และ “ประเด็นร้อน” ต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบโครงการ ช่วยลดผลกระทบของโครงการขนาดใหญ่ต่อชุมชนสิ่งแวดล้อม เกลี่ยผลประโยชน์จากโครงการอย่างเป็นธรรมมากขึ้น และช่วยให้ธนาคารได้พูด “ภาษา” เดียวกันเกี่ยวกับประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม จากที่ก่อนหน้านี้ไม่มีมาตรฐานกลางใดๆ ในเรื่องนี้เลย แต่ละธนาคารใช้วิจารณญาณของตัวเอง

หลายธนาคารบอกว่าหลักอีเควเตอร์ช่วยปรับปรุงกลไกบริหารจัดการความเสี่ยงภายในของธนาคาร ซึ่งเป็นหัวใจของโมเดลธุรกิจธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ยังช่วยลด “ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง” เพราะหลักอีเควเตอร์เป็นมาตรฐานระดับสูง การนำไปใช้โดยเฉพาะในประเทศที่กฎหมายประชาพิจารณ์และธรรมาภิบาลยังไม่ได้มาตรฐานสากล ทำให้ธนาคาร “ดูดี” ยิ่งขึ้นในสายตาประชาคมโลก และทำให้ลูกหนี้ผู้ดำเนินโครงการต้องไปทำงานกับผู้มีส่วนได้เสียในชุมชนอย่างใกล้ชิดและเปิดกว้างมากขึ้น ลดความไม่ไว้วางใจของคนในชุมชนลง

พูดง่ายๆ คือ การใช้หลักอีเควเตอร์เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของธนาคาร และเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ตั้งแต่ลูกหนี้ ชุมชน สิ่งแวดล้อม รัฐ ฯลฯ

น่าเสียดายที่เขื่อนไซยะบุรีในลาว โครงการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมูลค่ากว่าแสนล้าน นอกจากจะไม่ใช้หลักอีเควเตอร์ ยังน่าข้องใจว่าเป็นการ “ส่งออก” กระบวนการด้อยมาตรฐานจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ด้อยพัฒนากว่าหรือไม่

แบบเขื่อนไซยะบุรี ที่มาภาพ: http://www.theconstructionindex.co.uk/public/assets/news_articles/2012/11/1352708372_12nov2012-xayaburi--hydropower.jpg
แบบเขื่อนไซยะบุรี ที่มาภาพ: http://www.theconstructionindex.co.uk/public/assets/news_articles/2012/11/1352708372_12nov2012-xayaburi–hydropower.jpg

โครงการไซยะบุรี มี 4 บริษัทจากไทยร่วมลงทุน ประกอบด้วย 1. บริษัท ช.การช่าง จำกัด ถือหุ้น 57.5% 2. บริษัท นที ชินเนอร์ยี่ จำกัด (บริษัทลูก ปตท.) ถือหุ้น 25% 3. บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (บริษัทลูกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ถือหุ้น 12.5% และ 4. บริษัท พี.ที.คอนสตัคชั่นแอนด์อิริเกชั่น จำกัด ถือหุ้น 5%

เขื่อนนี้ใช้เงินกู้ทั้งโครงการ 115,000 ล้านบาท ปล่อยกู้โดยธนาคารไทยล้วนหกแห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย กรุงไทย ไทยพาณิชย์ ทิสโก้ และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์)

ไซยะบุรีเป็นเขื่อนแรกใน 11 โครงการเขื่อนที่มีการวางแผนก่อสร้างในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ในลาว พรมแดนไทย-ลาว และกัมพูชา เป็นหัวใจของแผนระดับชาติของลาวที่จะเป็น “แบตเตอรี่แห่งเอเชีย” โดยจะผลิตไฟฟ้าขนาด 1,260 เมกะวัตต์ ขายไฟฟ้าร้อยละ 95 ให้แก่ไทย

แผนการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง ที่มาภาพ: https://www.scmp.com/sites/default/files/2012/11/22/scm_news_xayaburi21.art_2.jpg
แผนการก่อสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง ที่มาภาพ: https://www.scmp.com/sites/default/files/2012/11/22/scm_news_xayaburi21.art_2.jpg

ตอนนี้ผู้เขียนลองเปรียบเทียบหลักอีเควเตอร์แต่ละข้อกับกรณีโครงการไซยะบุรี (ดูตารางประกอบ) ตอนหน้าจะมาว่ากันต่อว่า ทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไร

[scribd id=131533519 key=key-5f3cispsnos3o0263bj mode=scroll]