ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ — ฉาวไม่จบ! เปลือยหน้าอกวาดภาพ และ สนามบินสุวรรณภูมิระบบไฟฟ้าขัดข้อง

ประเด็นฮอตในโซเชียลมีเดียรอบสัปดาห์ — ฉาวไม่จบ! เปลือยหน้าอกวาดภาพ และ สนามบินสุวรรณภูมิระบบไฟฟ้าขัดข้อง

23 มิถุนายน 2012


ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากสุดในโซเชียลมีเดียในรอบสัปดาห์ 17-23 มิถุนายน 2555

สำหรับสัปดาห์นี้ ถือว่ามีวันดีสำหรับนายกรัฐมนตรีหญิง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 45 ปี เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 21 มิถุนายน โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้มีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 9 รูป จากวัดบึงทองหลาง ที่บ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 พร้อมสามี นายอนุสรณ์ อมรฉัตร และลูกชาย ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ซึ่งน้องไปป์พับกระดาษเป็นโมเดลจำลองรูปเปียโน พร้อมเขียนคำอวยพรหวานๆ จนคุณแม่น้ำตาคลอด้วยความปลื้มใจ มอบเป็นของขวัญให้ด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องราวน่ารักๆ จนคนที่ได้เห็นภาพแอบอมยิ้มไปด้วย

มาที่ เรื่องแรก ของสัปดาห์ ฮอตๆ ร้อนแรง ยืดยาว เป็นเรื่องเป็นราวที่สร้างกระแสสังคมให้พูดถึงอย่างต่อเนื่องทั้งสัปดาห์จริงๆ สำหรับรายการ Thailand′s Got Talent ซีซั่น 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เรียกน้ำตาจากสาวเสียงทรงพลัง “กิ๊ก วารุณี สุวรรณรักษ์” ที่ดังเพราะเสียงเพลงที่สะกดผู้ฟังได้อยู่หมัด อีกทั้งประวัติทางครอบครัวที่เจ้าตัวบอกช่างน่ารันทด แต่แล้วก็ต้องถูกสังคมคุดขุ้ยไปต่างๆ นานา ว่าคล้ายกับมีการปกปิดประวัติเพื่อให้น่าสนใจ

และสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรายการได้มีการเผยแพร่เทปที่มีผู้สมัครเข้าแข่งขันรายการ ชื่อ “ปอนด์ ดวงใจ จันทร์เสือน้อย” อายุ 23 ปี โดยโชว์การแสดงถอดเสื้อเปลือยกาย และใช้หน้าอกวาดภาพบนเวที จนเป็นที่ฮือฮาถึงขนาดสื่อต่างประเทศยังให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงและสำนักข่าวต่างๆ ก็เล่นข่าวกันอย่างต่อเนื่อง จนรายการ “แฉแต่เช้า” รายการจอมแฉชื่อดัง อ่านข่าวดังกล่าวออกในรายการ จากนั้นได้มีข้อความ sms ส่งเข้ามายังรายการ อ้างว่าเป็นเพื่อนของน้องปอนด์ ดวงใจ โดยในข้อความระบุว่า “เตี๊ยมค่ะ คนที่เต้นเป็นเพื่อนหนูเอง”

หลังจากนั้นทีมงานโทรศัพท์ไปตรวจสอบเรื่องราวที่แท้จริงว่าเป็นยังไง ซึ่งน้องเกด (นามสมมุติ) เพื่อนของ ปอนด์ ดวงใจ บอกกับทีมงานว่า ปอนด์เป็นนางแบบนู้ด มีคนมาจ้างให้เงิน 10,000 บาท มีรถมารับมาส่งถึงที่ มีสีและอุปกรณ์ให้พร้อม แต่ปอนด์ไม่รู้จริงๆ และไม่ทราบว่าใครเป็นคนมาจ้าง โดยอาจเป็นโมเดลลิ่งที่จ้างมาก็เป็นได้

อีกทั้งน้องเกด (นามสมมุติ) เพื่อนของปอนด์ ดวงใจ ยังขอร้องว่าอย่าด่าว่าเพื่อนของเธอเลย เพราะปอนด์ไม่รู้จริงๆ ต้องทำงานหาเงิน เมื่อมีคนมาจ้างให้ทำอะไร ก็ทำไปตามที่เขาจ้างเท่านั้น

เรื่องนี้ร้อนถึง “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” บอสใหญ่แห่งบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการ ต้องออกมาขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้นไปแล้ว เพราะหลายคนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นการจัดฉาก ซึ่งเสี่ยตาบอกว่าจากการสอบถามหาความจริง ก็ยืนยันได้ว่าน้องปอนด์ถูกจ้างมาจริงผ่านทางเอเย่นต์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกของการจ้างคนมาร่วมรายการ และหากบุคคลจะมาอาศัยรายการของตนทำแบบนี้เพื่อสร้างชื่อเสียง เป็นเรื่องที่ตนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ แต่ขอบอกว่านับจากนี้ ใครที่คิดจะทำแบบนี้ในรายการอีก บอกเลยว่าจะไม่ยอมรับการแสดงดังกล่าวอีก

พร้อมบอกอีกว่า จริงๆ แล้วทางทีมงานของเวิร์คพอยท์เป็นเพียงผู้เปิดโอกาส ใครจะนำการแสดงหรือความสามารถใดๆ มาโชว์ผ่านทางรายการก็ได้ทุกรูปแบบ โดยกรณีนี้เหมือนเป็นการเรียนรู้ของสังคม อย่างคุณโจ จิรายุส วรรธนะสิน ที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของรายการ ที่ตัดสินให้น้องปอนด์ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยให้เหตุผลว่าเป็นการแสดงออกทางศิลปะ ท่ามกลางความคาใจของคนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่ปอนด์ ดวงใจ แสดงออกนั้นเป็นศิลปะจริงหรือ โจเองก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ให้ผ่าน ถ้าเลือกใหม่ได้ คุณโจก็จะไม่ให้ผ่าน พร้อมกล่าวขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย

ทางด้านนางไฮ จันทร์สระน้อย แม่ของปอนด์ ถึงขนาดร่ำไห้เอ่ยขอโทษประชาชนทุกคน โดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ปอนด์ออกจากบ้านไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นและส่งเงินกลับมาที่บ้านเดือนละ 5,000 บาท ซึ่งลูกสาวก็ไม่ได้บอกว่ามีอาชีพอะไร เพียงแต่ส่งลูกสาววัย 6 เดือนมาให้พ่อแม่ช่วยเลี้ยงเท่านั้น ส่วนพ่อของปอนด์ก็ป่วยเป็นอัมพาตมานานกว่า 11 ปีแล้ว ยอมรับว่าครอบครัวค่อนข้างลำบาก

ที่มาภาพ:  httpnews.tlcthai.comnews31666.html
ที่มาภาพ: httpnews.tlcthai.comnews31666.html

มติของ กสท. เห็นชอบตามการพิจารณาของคณะอนุกรรมการเนื้อหาว่า การเผยแพร่ออกอากาศรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ มีเจตนาฝ่าฝืนมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 27 (6) ที่กำหนดให้ กสทช. กำกับดูแลการประกอบการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ประกอบกับมาตรา 57 (2) และมาตรา 59 (3) ลงโทษทางปกครองด้วยการปรับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในอัตราสูงสุด 5 แสนบาท และสั่งให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ตรวจสอบและงดเว้นมิให้เกิดการเผยแพร่รายการในลักษณะนี้ซ้ำอีกต่อไป ตามมาตรา 63

โดย พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม และประธานอนุกรรมการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า “ถ้าการกระทำเช่นนี้อยู่ในกลุ่มของเขา ไม่เผยแพร่สู่สาธารณชน ถือเป็นสิทธิของเขา แต่อย่ามาเปิดเผยอวัยวะในที่สาธารณะ เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี คิดว่าเป็นศิลปะก็ได้ คิดว่าไม่เป็นศิลปะก็ได้ ซึ่งอาจทำให้เยาวชนเข้าใจผิดว่าการกระทำนี้ได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเด็กๆ เลียนแบบ ก็อาจเกิดปัญหาในสังคม และส่งผลต่อศีลธรรม วัฒนธรรม ประเพณีของบ้านเมืองเราได้”

ขณะที่ในส่วนของการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านโลกไซเบอร์ ก็เป็นไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมันเช่นกัน ส่วนใหญ่ต่างพากันโพสต์ข้อความต่อว่าไปยังช่อง 3 และบริษัท เวิร์คพอยท์ โดยมองว่าทั้งสองบริษัทนั้นไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เห็นแก่เรื่องของกระแสเรตติ้งเป็นหลัก ซึ่งบางส่วนยังได้เรียกร้องให้มีการถอดรายการออก เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า รายการนี้ไม่ได้แข่งประกวดทักษะความสามารถกันอย่างแท้จริง หากแต่มีการเตี๊ยมและจัดฉากกันขึ้นมานั่นเอง

“รายการของคุณปัญญาเป็นแบบนี้บ่อย จะใช้คำว่าเตี๊ยม หลอกลวง หรืออะไรก็ตาม ควรถอดรายการนี้ออก และแอนตี้ทุกรายการของปัญญา ให้เป็นกรณีตัวอย่าง ผู้จัดรายการคนอื่นๆ จะได้มีคุณธรรมและจรรยาบรรณ ไม่ดูถูกคนดู เสี่ยปัญญา คุณทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้วทั้งแฟนพันธุ์แท้ เกมทศกัณฑ์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ชิงร้อยชิงล้าน คนอวดผี อีก”

“จะเตี๊ยมหรือไม่ไม่รู้ รู้แต่ว่าผู้ชายในรายการทั้งหลายทำตัวน่าเกลียดมาก เริ่มจากกรรมการ โจ และ โย ทำเป็นคึกคัก อ้างศิลปะมั่วๆ และ พิธิกร 2 คน น้าเน็ค กับ กฤษณ์ ทำท่าลุ้นและเชียร์กันซะออกนอกหน้า นอกจากนี้ก็คนดูในห้องส่งอีก ทำเหมือนไม่ให้เกียรติผู้หญิง ลองคิดดูว่าถ้าเป็นแม่หรือ ลูกเมีย คุณ ได้รับจ้างให้มาทำแบบนี้บ้าง จะหัวเราะออกไหม”

“น้อยไปสำหรับความผิด เป็นส่วนทำลายวัฒนธรรมอันดีงาม พล.ต.อ.วันชัยท่านพูดถูก ถ้ามันทำอยู่ในกลุ่มก็ไม่เท่าไหร่ นี่เป็นการเผยแพร่ออกทีวีทั่วประเทศ เยาวชนที่ยังคิดไม่เป็นอีกเยอะแยะดูรายการนี้อยู่ รายการทีวีมันน่าจะเป็นอะไรที่ปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้เยาวชนมากกว่า แล้วหน่วยงานเซ็นเซอร์อยู่ไหน? ทำไมไม่แบน? มันน่าจะเอาผิดกองเซ็นเซอร์ด้วยนะเนี่ย”

“ช่อง 3 ต้องร่วมรับผิดชอบ เพราะที่จริงแล้วรายการนี้ไม่ใช่เสาะหาคนเก่ง มีพรสวรรค์ สามารถอะไรเลย เป็นรายการที่เตี๊ยมกันมาจัดฉาก สร้างกระแส และตุ้มตุ๋นคนดูด้วย เพราะในรอบชิงก็จะมีการให้โหวต ใครได้อีกงานนี้ แต่คนที่ชนะอย่างปีที่แล้ว ก็บอกว่ามีคนโทรโหวตเยอะ หาความเชื่อถือไม่ได้ แค่คำขอโทษ แถลงการณ์ ไม่เพียงพอ ขอให้ผู้มีหน้าที่ดูแลสื่อ ผู้หญิงคนนี้อยู่แพร่ ไม่ได้มีอาชีพด้านศิลปะเลย พ่อป่วย มีลูกอ่อน ทีมงานไปจ้างมาเพื่ออะไร ไหนความสามารถที่มี โชว์อะไรที่เรียกว่า Talent น่ะ รายการที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน พอจับได้ ก็แก้ตัวไปเรื่อยๆ ว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่เอเย่นต์อาจไปหามา มีการจ่ายเงินกันบ้าง เราต้องให้ทุกคนขึ้นโชว์ ไปปิดกั้นเขาไม่ได้ เขามาแสดงความสามารถ อยากถามคุณปัญญาว่า 1. ถ้าไปจ้างมา ความสามารถอะไร ไหน อยู่ไหน และ 2. คุณทำเพื่อเงินทั้งนั้น เพราะไม่ใช่รายการสด สามารถไม่ให้ออกอากาศได้ แต่ไม่ทำ อ้างว่าเขามาเพื่อแสดงความสามารถ ปิดกั้นกันไม่ได้”

“ศิลปะคือความสวยงาม เรือนร่างผู้หญิงคือความงามยิ่งกว่าศิลปะ อยากเห็น อยากดู อยากสัมผัส สุดท้ายอยากเป็นเจ้าของ สิ่งไม่งาม ไม่สวย ไม่มีใครอยากดูหรอกครับ ปกติผมไม่ค่อยดูรายการนี้อยู่แล้ว เพราะเห็นมีเต้นและร้องเพลงมากกว่า ถ้ามีอย่างนี้อีก ผมจะขอเป็นแฟนรายการละครับ เป็นกำลังใจคุณปัญญาให้ทำต่อไป ขอเพียงอย่าจัดฉากสร้างกระแส ให้เกิดจากธรรมชาติก็พอแล้วครับ”

“การเต้น การร้องรำทำเพลงใดๆ ก็ตาม ที่กระตุ้นราคะ, โทสะ และโมหะของคนดู ถึงจะเรียกว่าเป็นศิลปะ แต่ก็ผิดศีลธรรมในพระพุทธศาสนา ทำไมจึงเรียกว่าผิดศีลธรรม ก็เพราะกระตุ้นราคะหรือโทสะหรือโมหะอย่างใดอย่างหนึ่งของคนดูให้เพิ่มขึ้นนั่นเอง นักเขียนในแนวนู้ดกระตุ้นราคะคนก็ดี นักเขียนนวนิยายหยาบโลนตามนิตยสารรายปักษ์ก็ดี นักสร้างหนังอีโรติกก็ดี นักสร้างหนังเรทอาร์ก็ดี นักถ่ายภาพนู้ดก็ดี คนทำโฆษณานู้ดก็ดี คนเป็นเจ้าของบาร์ คลับ เธค ที่มีสาวๆ เต้นเปลือย คนเป็นเจ้าของอาบ อบ นวด นักศึกษานุ่งสั้นยั่วยวนกิเลสคนอื่นก็ดี นายแบบนางแบบที่แต่งตัวเย้ายวนราคะก็ดี โคโยตี้ที่แต่งตัวยั่วราคะในงานต่างๆ เช่น งานเปิดตัวรถยนต์ก็ดี โดยที่สุด แม้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์, นิตยสาร หรือวารสารที่นำภาพลามกอนาจารไปตีพิมพ์ รวมทั้งเจ้าของสื่อนั้นๆ ที่นั่งจ้องรอดูยอดขายด้วยความละโมบ ก็จัดเข้าในกลุ่มผู้นำเสนอเช่นเดียวกัน ว่าตามพุทธวจนะแล้ว คนจำพวกที่หากินด้วยการมอมเมาชาวบ้านด้วยวิธียั่วกิเลสเหล่านี้ทั้งหมดในอนาคตชาติ ถ้าไม่ไปจัดปาร์ตี้สะแด่วแห้วกันในขุมนรกชื่อ ‘ปหาสะ’ ก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างใดอย่างหนึ่ง รวมทั้งนักแสดงที่รับแสดงหนังแนวอีโรติกนั้นด้วย กฎแห่งกรรมไม่เหลือใครไว้หรอกครับ ยิ่งมีส่วนมอมเมาผู้คนในสังคมมานานหลายปี ยิ่งมีผลหนักเพราะสั่งสมจนเป็นกรรมหนักนั่นเอง”

เรื่องที่สอง เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยได้ส่งคนไปเชิญให้พรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล โดยแลกกับการเลิกต่อต้านรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ซึ่งเรื่องนี้ ทางพรรคเพื่อไทย โดยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย มีการแจ้งว่า เป็นการกุข่าวที่เหลวไหลและเชื่อถือไม่ได้ ไม่มีใครในรัฐบาลบ้องตื้นไปชวนพรรคประชาธิปัตย์ให้มาร่วมรัฐบาลด้วย เพราะขณะนี้เสียงของรัฐบาลมีประมาณ 300 เสียง หากเอาพรรคประชาธิปัตย์มาอีกก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการสภา ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เหมือนน้ำกับน้ำมัน นโยบายไม่ตรงกัน คงเข้ากันไม่ได้ เราบริหารประเทศบนหลักประชาธิปไตย ไม่เคยบริหารให้มีคนเจ็บ คนตาย จำนวนมาก ไม่เคยเอา สปก.ไปแจกให้คนบุกรุกป่า ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เป็นเพียงฝันกลางวันของนายสุเทพเท่านั้น

อีกทั้งเรื่องนี้ ทาง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,398 คน ระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายน 2555 ซึ่งสรุปผลได้ดังนี้

52.65% คิดว่าเป็นการสร้างกระแสเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง / เป็นการเล่นเกมทางการเมือง

15.92% คิดว่าต้องการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ / เป็นพรรคที่มีบทบาทและรัฐบาลให้ความสำคัญ

12.65% คิดว่าต้องการชี้ให้สังคมเห็นว่าการบริหารงานของนายกฯ ยิ่งลักษณ์กำลังมีปัญหา และลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล

9.80% คิดว่าเป็นการออกมาพูดเพื่อหยั่งเชิงดูว่า สังคมหรือกลุ่มนักการเมืองที่เกี่ยวข้องจะมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องนี้

8.98% คิดว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่มีการพูดคุยหรือมาติดต่อทาบทามกัน แต่ไม่น่าถึงขั้นจริงจังหรือลึกซึ้งอะไร

ประชาชนเชื่อหรือไม่? จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาเปิดเผยข่าวดังกล่าว

47.96% ไม่แน่ใจ เพราะการเมืองไทย ณ วันนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ที่นักการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ ควรตระหนักก็คือ การสร้างความปรองดองและหวังให้บ้านเมืองสงบสุขเป็นสำคัญ ฯลฯ

29.03% ไม่เชื่อ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 2 พรรค ที่อยู่ต่างขั้วกันมาตลอดจะมาเข้าร่วมรัฐบาลเดียวกัน, เป็นเกมการเมืองที่นายสุเทพหวังสร้างกระแสเพื่อเรียกความสนใจจากสังคม ฯลฯ

23.01% เชื่อ เพราะน่าจะมีมูลความจริง เนื่องจากนายสุเทพเป็นนักการเมืองอาวุโสและเป็นที่เคารพนับถือของนักการเมืองทั่วไป มีนิสัยกล้าพูด, เรื่องที่เปิดเผยเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่สมควรนำมาพูดเล่น ฯลฯ

ประชาชนจะรับได้หรือไม่? ถ้าหากการเมืองไทยจะมีฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว

84.12% รับไม่ได้ เพราะเป็นการบริหารบ้านเมืองแบบเผด็จการ ไม่มีการถ่วงดุลหรือคานอำนาจ ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย, นักการเมืองมีอำนาจในการบริหารประเทศมากเกินไป เกิดการทุจริต คอรัปชั่น ในวงกว้าง ฯลฯ

15.88% รับได้ เพราะหากข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายหรือยุติลงได้ ถ้าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านสามารถทำได้จริง อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข นักการเมืองมีความสามัคคี ปรองดอง ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศ ฯลฯ

ประชาชนคิดว่าจากกรณีดังกล่าวเป็นการเล่นเกมการเมืองหรือไม่?

73.86% เป็นเกมการเมือง เพราะเป็นการออกมาพูดเพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลและกระแสของสังคมว่าจะเป็นอย่างไร, ต้องการเรียกร้องความสนใจและอยากให้กลุ่มผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลเกิดความเข้าใจผิด และทำให้บ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวาย ฯลฯ

21.13% ไม่แน่ใจ เพราะสถานการณ์บ้านเมือง ณ วันนี้ไม่มีเสถียรภาพที่จริงแท้แน่นอน นักการเมืองต่างเล่นละครเข้าหากัน พูดจาเอาดีใส่ตัว ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอก ฯลฯ

5.01% ไม่เป็นเกมการเมือง เพราะจากกระแสข่าวที่ออกมา คิดว่าน่าจะมีมูลความจริงอยู่บ้าง การออกมาพูดอาจเป็นเพียงสิ่งที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงทิศทางทางการเมืองที่ดีที่อาจมีขึ้นก็เป็นได้ ฯลฯ

สิ่งที่ประชาชนได้รับจากข่าวที่เกิดขึ้น

42.95% ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากการเมือง นอกจากความรู้สึกเบื่อหน่ายและหดหู่ใจ

27.24% ได้เห็นพฤติกรรมของนักการเมืองที่มุ่งหวังแต่อำนาจและผลประโยชน์ / การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

16.67% ได้รับรู้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายออกมากล่าวหาหรือแก้ต่างกัน

13.14% รู้สึกสับสน / ขาดความเชื่อมั่น ไม่มั่นใจในตัวนักการเมือง ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ

ที่มา: http://news.mthai.com/politics-news/171758.html

ทำให้ประเด็นนี้ น่าสนใจและเป็นที่พูดถึง เพราะต่างฝ่ายต่างอยากรู้คำตอบที่เป็นความจริงว่า พรรคการเมืองอันดับต้นของประเทศไทย ที่เกิดอยู่ในช่วงที่ประเทศไทยมีปัญหาและการแบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างต่อเนื่องนั้นจะมารวมกันได้อย่างไร และประชาชนที่มีความคิดแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนจะทำอย่างไรต่อไป หรือนี่เป็นเพียงแค่คำพูดลอยๆ เพราะเรื่องที่เป็นไปได้จริง พรรคการเมืองคงมีการซื้อตัวนักการเมืองเข้าร่วมพรรคได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่นี้เป็นการรวม 2 พรรคใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วแบบนี้ ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กเขาบ่น หรือมีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง

“ยุทธศาสตร์ของฝ่ายอนุรักษ์ขณะนี้คือ “ยัน” ฝ่ายเสรีนิยมให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ใช้วิธีการบั่นทอนบ่อนทำลายฝ่ายเสรีนิยมด้วยวิธีการต่างๆ นานา โดยหวังให้ฝ่ายเสรีนิยมเกิดความระแวงซึ่งกันและกัน การออกมาเปิดประเด็นว่ามีการทาบทาม ปชป.ไปร่วมรัฐบาล เป็นการทำให้เกิดความหวาดระแวงของเสื้อแดงหัวก้าวหน้าและให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพียงลงทุนแค่น้ำลายแถลงการณ์ว่ามีคนทาบทาม ปชป. ให้ร่วมรัฐบาลเท่านั้น หากไม่ได้ผลก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่หวังได้ว่าอาจจะได้ผลบ้างไม่มากก็น้อย เราต้องตามเกมเขาให้ทัน แล้วตั้งรับให้มั่น ยุทธศาสตร์ของเสรีนิยมนั้นเห็นว่าแค่ตั้งรับให้มั่น เวลาจะทำให้เขาแพ้ภัยตนเอง”

“น้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได้ฉันใด เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ก็เข้ากันไม่ได้ฉันนั้น เพราะอุดมการณ์และนโยบายมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ข่าวที่ออกมา น่าจะเป็นการโยนหินถามทางของสุเทพแห่งประชาธิปัตย์มากกว่า ที่อยากเข้าร่วมรัฐบาล เพราะเป็นฝ่ายค้าน ก็ค้านแบบค้านสายตาแฟนมวย ค้านแบบไร้สาระ กลายเป็นตัวตลกแห่งรัฐสภา ค้านและขวางทุกอย่างที่รัฐบาลเสนอมา ไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนและสังคมส่วนรวม ต่อไปอนาคตพรรคนี้ดูแล้วมืดมนเหลือเกิน”

“พอกันหละ คนนึงแต่งเรื่องได้เป็นตุเป็นตะ หลอกคนได้ทั้งเมือง อีกคนนึงก็ไม่เคยยอมรับอะไร ไม่ว่าจะทำจริงหรือไม่ ปฎิเสธไว้ก่อน รับอย่างเดียว คือ ผลประโยชน์”

“ช่วยพัฒนาประเทศให้เหมือนต่างประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วได้ปะ ด่ากันอยู่ได้ เอาเวลาไปพัฒนาคนดีกว่ามั๊ย ท่านทั้งหลายห่วงรวย ห่วงหน้า ห่วงพวกพ้อง กันอยู่ได้”

“สำหรับทักษิณ ชินวัตร แล้ว ทำอะไรที่ใครไม่คาดคิดได้ทั้งนั้นแหละ อย่ารุกเพลิน เพื่อแลกกับอะไรต่างๆ น่ะ อย่าลืมว่า ถ้าสองพรรคนี้เข้าร่วมรัฐบาลกันได้ ทุกอย่างมันคงจะสงบมากกว่าทุกวันนี้ สีเสื้อนะเหรอ ลองไปคิดกันเองว่าใครสีเสื้อไหน ชอบใคร สุเทพเป็นเพื่อนซี้กับทักษิณ ชินวัตร มาก่อน การเมืองไม่เคยมีมิตรและศัตรูที่ถาวร คงจำกันได้ ที่เพื่อไทยและแดงออกมาตีกัน กลัวว่าข่าวนี้เป็นจริงละซิ และถ้าเป็นจริง หมาหัวเน่าเยอะเลย แต่ว่าขอให้จำไว้ว่า ไม่มีข่าวไหนที่ไม่จริง เพื่อเงิน เพื่อได้กลับบ้านโดยที่ไม่ต้องติดคุก และเพื่อได้ตำแหน่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้”

เรื่องที่สาม ปัจจุบัน การรับสื่อและการแสดงออกทางด้านความคิดของมนุษย์เราสมัยนี้ ก็มีอิสระเสรีและทำได้มาก การจะนำเสนอเรื่องราวใด ต้องมีการพิจารณาไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ใช่เพียงแต่นำเสนอในแบบความคิดของตนเพียงฝ่ายเดียว ควรจะเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้รับสาร และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่จะนำเสนอด้วยว่า ยอมรับและเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน

ที่มาภาพ: httpwww.pantip.comcafechalermthaitopicA12267681A12267681.html
ที่มาภาพ: httpwww.pantip.comcafechalermthaitopicA12267681A12267681.html

ล่าสุด รายการ “ที่นี่หมอชิต” ออกอากาศเมื่อวันวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้นำเสนอเรื่องราวการรับประทานซุปหมา หรือต้มยำหมา ในประเทศเกาหลี โดยมีพิธีกรของรายการ “เสนาลิง สมเกียรติ จันทร์พราหมณ์” และแขกรับเชิญพิเศษ “จียอน” นักแสดงไทยเชื้อสายเกาหลี ที่ไปร่วมเปิบพิสดารในครั้งนี้ อีกทั้งเมื่อได้ลิ้มลองชิมรสชาติก็เอ่ยปากว่า “อร่อยมาก” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ในบ้านเรา เพิ่งมีข่าวประเทศจีนนำเนื้อสุนัขมาเป็นส่วนผสมในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จนต้องกระตุ้นให้ทาง อย. เร่งตรวจพิจารณาอาหารสำเร็จรูปในไทยกันเป็นการใหญ่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวัฒนธรรมการกินเนื้อสุนัขในประเทศเพื่อนบ้านจะยังมีการบริโภคกันอยู่ทั้งที่มีกฎหมายห้าม แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว คนไทยยังไม่ยอมรับกับวัฒนธรรมดังกล่าว มีความละเอียดอ่อนมาก เมื่อได้เห็นภาพสุนัขสัตว์เลี้ยงแสนรู้ถูกทำร้าย ไล่ล่า ฆ่า ทารุณ แล้วนำมารับประทาน

แน่นอนว่าหลังจากรายการออกอากาศ กระแสตอบรับเป็นไปในทางลบ ชาวอินเทอร์เน็ตที่มีใจรักสุนัขต่างก็แสดงความคิดเห็นทั้งเสียใจและเสียความรู้สึก พากันแอนตี้รายการ และไม่สามารถรับได้กับการนำเสนอเนื้อหาในเทปนี้

“จริงๆ เลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยงนะคะ เราว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังรับไม่ได้ และคงไม่ไปทัวร์กินเนื้อหมาที่เกาหลีหรอก (แถมโชว์รูปน้องหมาที่ถูกเลี้ยงไว้กินด้วย) พาไปดูอย่างอื่นดีกว่า อย่างคุณลุงชาวประมงใจดีคนนั้นน่ะ นำเสนอแง่มุมนี้จะดูสดใสกว่า อะไรที่มันอ่อนไหวกับจิตใจคนส่วนใหญ่ก็ต้องระวังค่ะ”

“เรื่องเลี่ยงการกินเนื้อหมาเพื่อมานำเสนออกอากาศ อันนี้เห็นด้วย แต่เรื่องที่บอกว่าขัดกับวัฒนธรรมไทยเนี่ย มันไม่ใช่แล้วหละ วัฒนธรรมคนอีสาน จ.สกลนคร เค้าก็กินเนื้อหมากันเป็นเรื่องปกตินะ”

“โทษทีนะ มันก็เป็นวัฒนธรรมของเขา เราไม่กินก็ไม่ใช่ว่าคนอื่นห้ามกินนิ หมู ไก่ ปลา วัว ก็เนื้อไม่ใช่หรอ ถ้าเลิกกินพวกนี้ได้ค่อยไปว่าเค้า”

“กลุ่มคนรักสัตว์ จะไปประท้วงในห้องส่งรายการที่นี่หมอชิต โปรดเตรียมตัวให้พร้อม เอาเอกสารข้อมูลและข้อเรียกร้องให้มีการจัดเรตของรายการที่นำเสนอในเรื่องแบบนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการชี้นำสังคมทำตามๆ กันทุกเพศทุกวัย ทำให้เกิดความเสื่อมสังคมในการรับประทานอาหารที่ถูกต้องไม่ให้ขัดแย้งกับกลุ่มที่รักสัตว์ทุกประเภท”

“เรื่องนี้ต้องโทษสื่อเรานะครับ ที่มีการนำเสนอรับประทานสุนัข และเอามาถ่ายทอดอีก ประเทศไทยเราต้องออกกฏหมายการควบคุมนำเสนอข้อมูลให้ถูกต้องเหมาะสมกับคุณค่าวัฒนธรรมประเพณี ศาสนา ด้วย จะได้ไม่เบียดเบียนกันละกัน”

“สมัยนี้อันตรายมาก จะนำเสนออะไร ในฐานะคนทำงานสื่อ ต้องคิดให้มาก ต้องคิดให้หนัก”

เรื่องที่สี่ สนามบินสุวรรณภูมิป่วน เมื่อหอบังคับการบิน บริษัท การบินแห่งประเทศไทย จำกัด ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดเหตุขัดข้องไฟฟ้าดับ เรดาร์ควบคุมการบินใช้การไม่ได้ เมื่อเวลา 19.00 น. ของวันที่ 21 มิถุนายน 2555 นักบินต้องนำเครื่องลงเอง ทำให้เกิดความล่าช้า เครื่องบินหลายลำต้องย้อนกลับไปลงสนามบินอื่น

สาเหตุกิดจากกระแสไฟฟ้าขัดข้องกะทันหัน จนไม่สามารถจ่ายไฟส่งไปยังเรดาร์รับส่งสัญญาณให้เครื่องบินขึ้นหรือลงจอดได้ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สั่งจ่ายไฟไปยังเรดาร์ระเบิด ระบบไฟฟ้าจะตัดไฟกะทันหัน ทำให้ต้องรีบูทเครื่องใหม่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่ไม่มีผลต่อความปลอดภัย มีเพียงผลต่อความสะดวกของผู้โดยสารเท่านั้น ส่งผลกระทบเครื่องบินล่าช้าไปประมาณ 40 นาที เครื่องบินที่จะทำการบินลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่สามารถลงจอดได้ ทางเจ้าหน้าที่สนามบินมีการเปลี่ยนสถานที่ลงจอดที่สนามบินอู่ตะเภาแทน ในเบื้องต้นมี 6 ลำ และสนามบินภูเก็ต อีก 2 ลำ

และก็มีเครื่องบินส่วนที่เหลือบางส่วน ต้องบินรอเวลาลงจอดอยู่บนท้องฟ้าเป็นระยะพอสมควร จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ของสนามบินสามารถแก้ไขระบบไฟฟ้าได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์เครื่องบินขึ้นและลงได้เรียบร้อยแล้วโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม คาดว่ามีเครื่องบินบางส่วนต้องไปลงจอดเพื่อเติมน้ำมัน และน่าจะมีเที่ยวบินที่ล่าช้ากว่า 30-40 เที่ยวบิน และมีเครื่องบินจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์มายังสุวรรณภูมิแต่ลงไม่ได้ ต้องบินกลับไปลงที่มาเลเซีย 2 ลำ

ส่วนสาเหตุที่เมื่อเกิดปัญหาแล้วเครื่องบินไม่สามารถลงที่สนามบินดอนเมืองแทนได้นั้น เนื่องจากระบบการจราจรทางอากาศของสนามบินดอนเมืองกับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นระบบเดียวกัน ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปประจำการที่หอบังคับการบินที่ทุ่งมหาเมฆด้วย

“สนามบินระดับชาติไม่น่ามีเหตุการณ์อย่างนี้เลย เพราะเริ่มต้นไม่ดีนั่นเอง”

“ไม่มีระบบสำรองไฟ หรือ มี แต่่ พังกันแน่ อายเลย”

“ระบบไฟฟ้าหลักขัดข้อง แล้วไม่มีระบบไฟฟ้าสำรอง UPS สำหรับ essential load เหรอ”

“นี่สนามบินเพิ่งเปิดใช้หรือเปล่า ทดลองระบบไฟฟ้ามั้ง”

“มีปัญหาตั้งแต่ปูน ถนน ลามไปเรื่อยถึงระบบไฟฟ้า กลวงไปหมดเลยเนอะ ค่อยๆ พังไปเรื่อย”

เรื่องที่ห้า มาถึงเรื่องราวที่น่าชื่นชมกันบ้าง เมื่อนักฟุตบอลชื่อดังก้องระดับโลก คริสเตียโน โรนัลโด้ ปีกซูเปอร์สตาร์ทีมเรอัล มาดริด โชว์ความเป็นพ่อพระใจบุญ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรักษาโรคมะเร็งของเจ้าหนูนูฮาเซท แฟนบอลรุ่นเล็กวัย 9 ขวบ ชาวสเปน

โดยเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อครอบครัวของนูฮาเซท ผู้ป่วยโรคมะเร็งวัย 9 ขวบจากหมู่เกาะคานารีของสเปน ได้รับคำตอบจากแพทย์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ไม่อาจรักษาโรคมะเร็งที่ลามไปยังกระดูกสันหลังถึง 3 แห่งได้แล้ว ทำได้แค่รอเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง ซึ่งเมื่อครอบครัวของนูฮาเซทได้ยินดังนั้น ก็มีความคิดที่จะทำให้ความฝันของนูฮาเซทเป็นจริงก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ด้วยการพานูฮาเซทไปพบกับนักเตะทีมเรอัล มาดริด ซึ่งทางครอบครัวก็ได้ลองติดต่อกับจอร์เก้ เมนเดส เอเย่นต์ของคริสเตียโน โรนัลโด้ และผลปรากฎว่าเมนเดสได้เข้าพูดคุยกับ โฟลเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรของสโมสรฟุตบอลเรอัล มาดริด ในเวลาต่อมา ทำให้นูฮาเซทและครอบครัวได้มีโอกาสไปชมการแข่งขันของทีมเรอัล มาดริด และได้เข้าพักในโรงแรมในเมืองมาดริด โดยมีนักเตะ คริสเตียโน โรนัลโด้ และจอร์เก้ เมนเดส ให้การสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด

คริสเตียโน โรนัลโด้ และ เจ้าหนูนูฮาเซท ที่มาภาพ: httphilight.kapook.comview72773
คริสเตียโน โรนัลโด้ และ เจ้าหนูนูฮาเซท ที่มาภาพ: httphilight.kapook.comview72773

และนอกจากโรนัลโด้และเมนเดสจะสานฝันนูฮาเซทให้เป็นจริง ด้วยการไปพบกับนูฮาเซทเป็นการส่วนตัวพร้อมกับถ่ายรูปด้วยแล้ว โรนัลโด้และเมนเดสยังออกตัวรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการพานูฮาเซทไปทดลองการรักษามะเร็งแนวใหม่ที่สหรัฐอเมริกาด้วย

ซึ่งขณะนี้นูฮาเซทยังคงอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่สหรัฐอเมริกา และคาดว่าอาจจะได้กลับบ้านในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อรอการรักษาอย่างต่อเนื่องต่อไป

งานนี้ คริสเตียโน โรนัลโด้ ได้รับเสียงชมจากชาวเน็ตกันอย่างล้นหลาม จนสร้างภาพลักษณ์เป็นนักเตะพ่อพระได้อย่างดีทีเดียว

“ทั้งหล่อทั้งใจดี ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญ ขนาดลูกคนอื่นยังดีด้วย เชื่อว่าลูกชายของพี่โด้ต้องเป็นเด็กที่น่าอิจฉาอีกคนหนึ่งเลยแหละ”

“ดีแล้ว รวยขนาดนี้ใช้คนเดียวก็ไม่หมดหรอกเงิน ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แบ่งปันให้คนอื่น ๆ ที่จน ที่ลำบากกว่าตน ยอดเยี่ยมมาก ได้บุญทั้งนั้น”

“นายเยี่ยมมาก เราเริ่มชอบนายแล้วล่ะ ยังมีคนที่ต้องการความช่วยเหลืออีกมาก นายมีโอกาสที่จะทำได้ ทำไปเยอะๆ เถอะ เพราะเป็นสิ่งที่ดี”

“ต่างจากคนรวยล้นบางคนในบ้านเรา ไม่ช่วยเหลือคนแล้วยังไม่รู้จักพอ จะเอาจากคนจน ซ้ำให้แย่ไปมากกว่าเดิมอีก”

“นึกว่าจะเก็ก แกล้งล้มในสนามเป็นอย่างเดียวซะอีก ต่อชีวิต สร้างชีวิต ผู้ที่อยากใช้ชีวิตอยู่ ดีมากนะ อนุโมทนาด้วย”

“นอกจากจะเป็นนักเตะสุดยอดของโลกแล้ว นายยังเป็นผู้ให้ที่น่าชื่นชม และเป็นแบบอย่างของผู้มีอันจะกินทั่วโลก ที่จะพึงปฎิบัติเยี่ยงนาย โรนัลโด้ นักเตะที่มีฝีเท้า และมีน้ำใจเป็นเลิศของโลก”