แม้ผลการคัดเลือกประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะยังไม่ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกอย่างอย่างเป็นทางการ แต่หลายเสียงมั่นใจว่า ดร.วีรพงษ์ รามางกูร หรือ “ดร.โกร่ง” คือผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ แทน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ที่หมดวาระเมื่อ 1 เมษายน 2555
จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า แนวคิดของ ดร.โกร่งที่มักเห็นต่างจากแบงก์ชาติจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญๆ ของแบงก์ชาติ โดยเฉพาะการนำเงินสำรองระหว่างประเทศมาจัดตั้ง “กองทุนมั่งคั่ง” เพื่อนำเงินสำรองฯ ให้รัฐบาลนำไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มศักยภาพประเทศในระยะยาว
จากข้อกังวลดังกล่าว นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง ยืนยันว่า เท่าที่ทราบ อาจารย์วีรพงษ์เป็นศิษย์หลวงตามหาบัวมากกว่าใครๆ ในแบงก์ชาติเสียอีก และตั้งแต่ตนเข้ามาเป็นรัฐบาลทำหน้าที่คุมเศรษฐกิจ เป็นรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และมาเป็นรัฐมนตรีคลังก็พูดมาตลอดว่า “รัฐบาลไม่มีนโยบายจัดตั้งกองทุนมั่งคั่ง เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มีนโยบายก็ไม่ต้องกังวล”
ทั้งนี้ ทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม มีจำนวน 1.78 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนข้อห่วงใยเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการขัดแย้งกับทางกระทรวงการคลังหรือไม่ ภายใต้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่ที่เป็น ดร.โกร่ง ประเด็นนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังชี้แจงว่า “ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกัน เห็นได้จากเรื่องอัตราดอกเบี้ยตอนผมมาเป็นรัฐมนตรีคลังใหม่ๆ อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3.5% ตอนนี้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 3%”
ขณะที่นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังระบุว่า ได้พูดมาตลอดว่าที่ผ่านมาเราได้ดุลเยอะ (ดุลบัญชีเดินสะพัด) ซึ่งมีข้อดี และข้อยากลำบากทำให้ผู้ส่งออกสู้ไม่ไหว เนื่องจากถ้าคิดว่าส่งออกสำคัญอยู่ ก็ต้องเห็นใจผู้ส่งออกบ้าง เพราะถ้าเงินบาทแข็งผู้ส่งออกจะแข่งขันยาก แต่หากมองด้านผู้บริโภค ถ้าเงินบาทอ่อน ก็จะปัญหากดดันเงินเฟ้อ ดังนั้นควรปล่อยให้เป็นไปตามภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เกินดุลหรือขาดดุล ต้องไปดูว่าเกิดจากการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยหรือนำเข้าสินค้าทุน ถ้าเป็นการนำเข้าสินค้าทุนก็จะเป็นผลดีในระยะยาว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การประสานงานนโยบายระหว่างแบงก์ชาติกับกระทรวงการคลังต่อไปเป็นอย่างไร นายกิตติรัตน์กล่าวว่า “การประสานงานระหว่างแบงก์ชาติกับกระทรวงคลังที่ผ่านมาก็ได้ผลดี”
ส่วนการเมืองจะเข้าแทรกแซงแบงก์ชาติหรือไม่ นายกิตติรัตน์กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ การเมืองมาจากการเลือกตั้ง จึงมีหน้าที่ประสานงานทุกฝ่าย และควรให้น้ำหนักไปในทิศทางที่การเมืองเสนอ เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย หน่วยงานต่างๆ ก็มีหน้าที่ของตัวเอง และฝ่ายการเมืองมีหน้าที่ทำให้เศรษฐกิจมั่นคง เจริญเติบโต มีรายได้ มีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายชื่อประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่จากคณะกรรมการคัดเลือก เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการคัดเลือกต้องแจ้งไปยังผู้ได้รับการคัดเลือกให้ลาออกจากการดำรงตำแหน่งในกรรมการบริษัทอื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงจะมีการเสนอชื่อมายังรัฐมนตรีคลัง เพื่อเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังอะไรถ้า ดร.โกร่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ นายกิติรัตน์กล่าวว่า “ถ้าเป็น ดร.วีรพงษ์เข้ามาก็ดี เพราะท่านเป็นคนมีความสามารถ”
ทางด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกตัวว่า ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ เนื่องจากระบวนการคัดเลือกยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนกรณีที่ ดร.โกร่งเคยแสดงความเห็นให้แบงก์ชาตินำทุนสำรองระหว่างประเทศออกไปลงทุนในโครงการของรัฐบาล ผู้ว่าการ ธปท. ระบุเพียงว่า เรื่องนี้เมื่อถึงเวลาค่อยมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอีกครั้ง
“โดยส่วนตัวยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่าใครได้รับคัดเลือกเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ แต่ไม่ว่าใครจะเข้ามารับตำแหน่ง ทางแบงก์ชาติก็หวังว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้” ดร.ประสารกล่าว
สุดท้ายแล้ว การเปลี่ยนตัวประธานบอร์ดแบงก์ชาติครั้งนี้ ถ้าเป็นไปตามที่ที่รัฐมนตรีคลังบอกว่า “ไม่ต้องกังวล” คงทำให้คนในแบงก์ชาติหลายคนสบายใจขึ้น แต่จะวางใจได้แค่่ไหน เป็นอีกประเด็นที่เชื่อว่ามีหลายคนยังติดใจอยู่!