ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ เผยตรวจทุจริตเงินอุดหนุนวัด คืบ 90% – มติ ครม. ชงออก ม.44 ดันรถไฟไทย-จีนตัดผ่านที่ดิน สปก. ได้

นายกฯ เผยตรวจทุจริตเงินอุดหนุนวัด คืบ 90% – มติ ครม. ชงออก ม.44 ดันรถไฟไทย-จีนตัดผ่านที่ดิน สปก. ได้

14 มิถุนายน 2017


พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาลมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน วันนี้เป็นวันแรกที่นายกรัฐมนตรีออกมาตอบคำถามสื่อมวลชนด้วนตนเอง หลังจากงดตอบคำถามสื่อ 3 สัปดาห์

ตรวจทุจริตเงินอุดหนุนวัด คืบ 90%

พล.อ. ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามกรณีทุจริตเงินอุดหนุนวัดว่า ได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุม ครม. ซึ่งได้รับรายงานว่าขณะนี้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องสอบสวนเป็นรายกรณีไป ขอประชาชนอย่าได้กังวล รัฐบาลโดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ได้หารือร่วมกับมหาเถรสมาคม (มส.) มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขึ้นทะเบียน และบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งเรากำลังเข้าไปตรวจสอบรายได้ของวัด โดยเริ่มตรวจสอบวัดที่พบว่ามีปัญหาเป็นอันดับแรก ซึ่งการแก้ปัญหานี้ได้พัฒนามาจากการดำเนินงานก่อนปี 2557-2558 มาพอสมควรแล้ว ทั้งนี้ขอให้รอฟังการชี้แจงโดยผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้

ต่อกรณีการทุจริตจัดซื้อหมึกพิมพ์ตั๋วรถไฟ ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จนทำให้ล้นสต็อก นายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบในเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อตนทราบเรื่องได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคมนาคมให้ดำเนินการตรวจสอบ แต่ประเด็นปัญหาจะต้องติดตามกับทางกระทรวงคมนาคมและทาง รฟท. เอาเอง

เตือนอดีต ส.ส. พบปะคุยกันเมืองตอนนี้ยังไม่เหมาะ

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีกลุ่มอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นัดรวมตัวพบปะเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2560 ก่อนถูกเจ้าหน้าที่เชิญออกนอกพื้นที่ ว่าตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน เพิ่งได้ยินข่าวจากสื่อ สำหรับความเหมาะสมในการที่จะรับประทานอาหารร่วมกันต้องดูว่ามีประเด็นการเมืองหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ คสช. จะพิจารณา ที่ผ่านมาได้รับแจ้งข้อมูลจากประชาชน ส่วนนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบก่อนเช่นกัน

“ยืนยันว่าการกระทำลักษณะนี้ผมยังไม่อนุญาตให้มีการพบปะหารือกันเป็นคณะใหญ่ๆ แบบนี้ ในการพูดคุยกันคงไม่พ้นเรื่องการเมือง ก็อยากขอร้องกันไว้ก่อน อย่าเพิ่งเลย จะทำให้เกิดความวุ่นวาย รอให้ถึงเวลาก่อนแล้วกัน เพราะจะมีผลกระทบต่อการทำงานของผมเวลานี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ต่อกรณีที่ทหารค้นบ้านพักนักการเมืองหลายท่านแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้ถูกมองว่า คสช. กำลังเล่นเกมการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนได้มีการทำความเข้าใจกับหน่วยงานในพื้นที่แล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลว่าอาจเป็นคนใกล้ชิดหรือลูกน้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด แต่ไม่ได้พาดพิงถึงตัวผู้ใหญ่ เป็นเพียงเรื่องของลูกน้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอโทษหากทำให้เสียชื่อและเกียรติยศ เมื่อไม่พบว่า กระทำความผิดก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยืนยันว่าไม่ได้เล่นเกมการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

เอาจริง ตร. ซื้อขายตำแหน่ง-ยัน “ทหาร” ไม่เคยมีปัญหา

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีนายทหารยศพลเอกแอบอ้างชื่อนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนบุคคลระดับสูงในรัฐบาล เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ในโครงการโซลาร์ฟาร์มขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของ อผศ. และกระทรวงกลาโหม จะต้องตรวจสอบข้อมูลว่ามีการหลงเชื่อผู้แอบอ้างได้อย่างไร ซึ่งกรณีดังกล่าวสมารถสอบถามกลับมาที่ตน หรือ พล.อ. ประวิตร ก็ได้ โดยยืนยันว่าจะเก็บข้อมูลเป็นความลับให้ รวมถึงการตรวจสอบการแต่งตั้งเครือญาติ ขออย่าเพิ่งด่วนสรุป ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะต้องรอกระบวนการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน

ต่อกรณีปัญหาการซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายนายตำรวจ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจมาหลายครั้ง ครั้งนี้จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้เกิดผลกระทบในวงราชการเกี่ยวกับความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นราชการพลเรือนหรือทหาร

“ยืนยันได้ว่าไม่มีในหน่วยงานทหารแน่นอนเพราะทหารจะต้องโตตามตำแหน่ง ตามสายบังคับบัญชาที่กำหนดไว้ ในส่วนข้าราชการกับตำรวจต่างมีกฎหมายที่ต่างกันกำกับไว้ ผมกำลังให้ไปแก้ว่าจะมีกฎหมายมาควบคุมหน่วยงานได้อย่างไรเพื่อมาควบคุมการประพฤติมิชอบ รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหานี้ ตอนนี้ข้าราชการรุ่นใหม่ก็มีมาก ผสมกับราชการเดิมที่อยู่มานาน ซึ่งเป็นรอยต่อ วันนี้ต้องเอาทั้งหมดมารวมกันให้ได้แล้วเดินหน้าต่อไปให้ได้ หลายอย่างกฎหมายก็ต้องปรับปรุง และขอบคุณนักการเมืองบางพรรคที่ให้ข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งในครั้งนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ขอชาวสวนยางเข้าใจ อย่าเคลื่อนไหวกดดัน รบ.

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามกรณีมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำว่า มาตรการที่นำเข้า ครม. วันนี้เป็นการขยายเวลาให้กับมาตรการทั้ง 4 มาตรการที่เคยได้ดำเนินการไปก่อนหน้า ซึ่งทางเกษตรกรได้ให้คำแนะนำว่าต้องหามาตรการควบคุมดูแลตามกฎหมายพระราชบัญญัติการยางที่ออกมาใหม่ ต้องมีหน่วยงานที่เข้าดูแลผู้ประกอบการด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเข้าทำงาน

“สิ่งสำคัญต้องเข้าใจกระบวนการต่างๆ วันนี้มีการจับกลุ่ม มีตลาดซื้อล่วงหน้า ทำให้ราคายางพาราแกว่งตามกลไกการค้าเสรี ซึ่งรัฐบาลได้พยายามแก้ปัญหาในส่วนนี้ ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมา ราคายางพาราเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 2 บาท แต่ยังต้องเตรียมรองรับการเปิดฤดูกาลใหม่ด้วย ขอให้รอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงในส่วนนี้ สำหรับเกษตรกรที่จะมาเคลื่อนไหวอย่าเพิ่งมาเคลื่อนไหวกับผมเลย ฝากทำความเข้าใจด้วย ปัญหาทุกปัญหาเกิดมาหลายรัฐบาลแล้ว อย่าถึงขั้นเรียกร้องให้ปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกเลย เพราะไม่ใช่สาเหตุ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ชี้โรงไฟฟ้าอย่างไรก็ต้องสร้าง

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบคำถามเรื่องของปัญหาพลังงานว่า ตนก็ให้แนวทางไปแล้วโดยจะต้องหาทางเพิ่มปริมาณสำรองไฟฟ้าให้ได้ แต่จะเป็นไปในแนวทางไหนก็ต้องไปว่ากันมา ว่าจะจัดการแบบไหน อย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น ส่วนความขัดแย้งเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ แล้วค่อยไปทำในวันข้างหน้า อะไรที่ทำได้ก่อนก็ต้องทำเพื่อเพิ่มปริมาณไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันนี้มีปัญหาที่งานหลายอย่างของรัฐบาลเดินไม่ได้เพราะติดกฎหมายเดิมของแต่ละหน่วยงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ดินของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) หรือกฎหมายของกรมป่าไม้ กฎหมายกระทรวงเกษตร เป็นคนละฉบับหมด กรณีดังกล่าวต้องหาทางบูรณาการเพื่อให้แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ หลายเรื่องไปถึงศาลปกครองทำให้เกิดการหยุดการปฏิบัติงาน ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น เช่น น้ำมันที่ลานกระบือหยุดการผลิตไป ทราบหรือไม่ว่าเสียหายเท่าไร

ได้เป้าหมายมือบึ้ม รพ.พระมงกุฎแล้ว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่าขณะนี้ยังพูดไม่ได้ แต่ได้เป้าหมายมาแล้ว ซึ่งต้องสอบสวนต่อไปว่ามีความเกี่ยวพันกับเรื่องอะไร ขณะที่กรณีความคืบหน้าจับกุมการซื้อขายอาวุธสงครามที่ จ.ตราด โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านนั้น ตนขอว่าอย่าไปตั้งเป้าว่าจับได้กี่คน แต่ให้ดูตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ว่าสามารถดำเนินคดีได้กี่คน กี่คดี ซึ่งได้ดำเนินการเหมือนกันทุกคดี หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมยังเกิดขึ้นอยู่ ทั้งที่รัฐบาลมีอำนาจเต็ม จึงขอให้ดูกรณีที่จับกุมคนร้ายได้บ้าง หลายคดีได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว ซึ่งแต่ละคดีก็มีความยากง่ายแตกต่างกัน ก็ต้องให้เวลาทำงาน

ต่อกรณีแจ้งเตือนการก่อความไม่สงบที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นการแจ้งเตือนภายในของฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่การปิดบังข้อมูลประชาชน แต่รัฐก็ต้องไปหาวิธีการ รัฐจะทำหน้าที่อะไร รัฐจะไปบอกหน่วยงานในพื้นที่ให้ระมัดระวัง ส่วนเรื่องการก่อการร้าย รัฐบาลได้ให้ความสำคัญโดยได้มีการหารือความร่วมมือต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะในขณะนี้เทคโนโลยีของโลกไร้พรมแดน ซึ่งจะต้องช่วยคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และต้องมีการระดมความคิดของหลากหลายคน

สำหรับกรณีนักธุรกิจในพื้นที่ จ.นราธิวาส ร้องเรียนเรื่องฝ่ายความมั่นคงปิดด่าน ช่องทางผ่านแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อป้องกันการก่อการร้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้จะดูเพียงเรื่องความมั่นคงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูเรื่องของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งได้สั่งการให้มีการลาดตระเวนเพิ่มขึ้นแล้ว พร้อมกับการนำเทคโนโลยีเข้าใช้ แต่ก็มีราคาสูง พร้อมกล่าวไปถึงกรณีของกล้องซีซีทีวีซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ระวังภัยนั้น หากมีความชำรุดจะต้องมีการซ่อมแซมทันที

4 คำถาม นายกฯ กี่คนตอบก็พร้อมฟัง ขออย่าเป็นเครื่องมือใครพอ

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีการเปิดให้ประชาชนตอบ 4 คำถามว่า เรื่องดังกล่าวทุกคนให้ความสำคัญกับ 4 คำถามของตนมากไปหรือเปล่า ไม่จำเป็นว่าประชาชนจะต้องมากดไลค์ถึง 6 ล้านคน เพราะจะกี่ล้านคน หรือคนเดียว ตนก็รับฟังทั้งหมด แต่ประเด็นคำถามว่าจะเลือกตั้งเร็วหรือไม่เร็วตนไม่ได้ถามแบบนั้น เพราะการเลือกตั้งก็เป็นไปตามกระบวนการอยู่แล้ว และขั้นตอนกฎหมายมีอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่ได้สนใจว่าจะเลือกตั้งเร็วหรือไม่

“อย่าไปเป็นเครื่องมือของใครเขานั่นสำคัญ วันนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องการทำโพลกดไลค์ เห็นหรือไม่ที่มีการจับชาวต่างชาติที่ไปตั้งกันอยู่จังหวัดสระแก้วเพื่อรับจ้างกดไลค์ ฉะนั้น คุณไม่ต้องมาไลค์ให้ผม เพราะผมไม่เชื่อหรอก ในวันนี้เงินจ้างได้หมด เทคโนโลยีไปไกล ถ้าไปให้ความสำคัญในการสร้างความรับรู้ทางโซเชียลอย่างเดียวคงไม่ได้ จะต้องสร้างอย่างที่ผมพยายามจะพูด และนายกฯ ก็ไม่ได้ทำงานคนเดียว เราทำงานเป็นคณะทำงาน การเป็นนายกฯ ไม่ใช่เหนื่อยหรือไม่เหนื่อย แต่นายกฯ ห่วงกังวลทุกเรื่อง ทั้งเรื่องประชาชนมีรายได้น้อยจะแก้ไขอย่างไร เศรษฐกิจประเทศจะเป็นอย่างไร น้ำขาดแคลน น้ำท่วมกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่ตนกังวลทั้งหมด ซึ่งความกังวลจะนำไปสู่การขับเคลื่อนและการออกนโยบาย ซึ่งตนไม่อาจกล่าวอ้างว่ากังวลมากกว่าคนอื่น แต่ตนยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้สำเร็จได้โดยเร็วและดีที่สุด” นายกรัฐมนตรีกล่าว

สั่งหาพื้นที่ให้แผงลอย หลังจัดระเบียบทางเท้า

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมให้คนเกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน เช่น เปิดพื้นที่ให้มีการออกกำลังกายในวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยจัดตามสวนสาธารณะ ให้มีกิจกรรมระหว่างครอบครัว แต่ไม่ตั้งโครงการใหม่และไม่ใช้งบประมาณจำนวนมาก เนื่องจากสวนสาธารณะก็มีอยู่ในทุกจังหวัดอยู่แล้ว

“นอกจากนั้นผมยังให้แนวทางไปยังกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้มีสถานที่สำหรับการค้าขาย โดยอาจจัดหาพื้นที่ เช่น ค่ายทหาร โรงเรียน ใช้สถานที่ราชการให้เกิดประโยชน์ จัดระเบียบอย่างดี ไม่ค้าขายข้างถนนจนเกะกะการจราจร ซึ่งผิดระเบียบ กำลังให้ไปคิดอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ สำหรับเงินนอกระบบรัฐบาลได้ดำเนินการกับโพยก๊วนและการพนันออนไลน์ ซึ่งสามารถทำให้เงินผิดกฎหมายออกไปจากระบบได้เป็นจำนวนมาก” นายกรัฐมนตรีกล่าว

มติ ครม. มีดังนี้

พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

ขยายสิทธิภาษี ดึงห้างหุ้นส่วน-คณะบุคคล สู่นิติบุคคล

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ครม. ได้อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ …..)  พ.ศ. …..  เพื่อขยายผลในการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล จากเดิมที่กำหนดประเภทบุคคลที่จะสามารถใช้สิทธิทางภาษีเฉพาะบุคคลธรรมดา เป็นให้เพิ่มห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลให้สามารถประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคลโดยได้รับยกเว้นภาษีการโอนทรัพย์สินสำหรับเริ่มต้นธุรกิจ

แจงลงทะเบียนคนจน 14 ล้านราย – ชง 971.93 ล้านบาท สำรวจปัญหาเชิงลึก

นายณัฐพรกล่าวว่า กระทรวงการคลังได้รายงานจำนวนผู้มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยต่อ ครม. ว่ามีจำนวน 14 ล้านราย โดยส่วนใหญ่จะลงทะเบียนผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 7 ล้านราย, ธนาคารออมสิน 3 ล้านราย และธนาคารกรุงไทย 2 ล้านราย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ ครม. ได้เห็นชอบให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จ้างและฝึกอบรมนักศึกษาจำนวน 70,000 คน เพื่อลงสำรวจปัญหาเชิงลึกกับผู้มาลงทะเบียน เพื่อศึกษาความต้องการและความจำเป็นของผู้มีรายได้น้อยภายในเดือนสิงหาคม โดยกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้สนับสนุนจัดหานักศึกษาที่สนใจให้ ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ทำแบบสอบถามที่จะใช้ โดยโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณจากงบกลางปี 2560 จำนวน 971 ล้านบาท

อนุมัติตั้ง “NBN-NGBC” ลดซ้ำซ้อน “TOT-CAT” ตามแผนปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งบริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด หรือ NBN และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด จากแผนการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่ประสบปัญหาขาดทุนหลังจากเสียรายได้จากสัมปทานที่ทยอยหมดอายุไป รวมไปถึงมีการดำเนินการที่ทับซ้อนกัน

โดยบริษัทแรกจะเน้นไปที่การลงทุนและบริการโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศเป็นหลัก โดยอาศัยสินทรัพย์ประเภทโครงข่ายภายในประเทศและใยแก้วนำแสง และให้ทีโอทีถือหุ้น 100% ขณะที่บริษัทที่ 2 จะเป็นการลงทุนและให้บริการระหว่างประเทศและถือสินทรัพย์ระหว่างประเทศ เช่น เคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศ เป็นต้น และให้ กสท ถือหุ้น 100%

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่วิเคราะห์ฐานะบริษัทอย่างละเอียด หรือ Due Deligence แล้วเสร็จ อาจจะมีการปรับโครงสร้างของสินทรัพย์และผู้ถือหุ้นให้มีความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ 2 บริษัทดูแลโครงการอินเทอร์เน็ตประชารัฐในอนาคตด้วย

มาตรการช่วยสวนยาง

นายณัฐพรกล่าวว่า ครม. เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายธรรมชาติมีมติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2560 จำนวน 4 โครงการ 1) โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพารา โดยขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการต่อไปอีก 3 ปี และให้ดำเนินการตามวงเงินสินเชื่อเดิม 10,000 ล้านบาท และให้ ธ.ก.ส. จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ เพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่สถาบันเกษตร 3% จำนวน 300 ล้านบาทต่อปี รวม 900 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเบี้ยประกันภัย 0.36% จำนวน 36 ล้านบาทต่อปี รวม 108 ล้านบาท

2) โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง จากเดิมให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบความถูกต้องและจ่ายเงินให้เจ้าของสวนยางและคนกรีดยางแล้วจำนวนเงิน 10,484.88 ล้านบาท แบ่งเป็นเจ้าของสวนยาง 711,832 ครัวเรือน วงเงิน 6,407.2 ล้านบาท และคนกรีดยาง 675,751 ครัวเรือน วงเงิน 4,077.68 ล้านบาท

ในครั้งนี้ให้ขยายขอบเขตโครงการอีกจำนวน 11,460 ครัวเรือน เนื่องจากเกษตรกรที่มีสิทธิไม่ได้แจ้งเข้าร่วมโครงการภายในเวลาที่กำหนด

3) โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางและโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยขออนุมัติให้ขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ทั้ง 2 โครงการให้กับ ธ.ก.ส. ออกไปจากเดิมสิ้นเดือนพฤษภาคม 2560 เป็นปี 2563 แทน ซึ่งปัจจุบันมีวงเงินคงเหลือ 28,406 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแรก 19,406.69 ล้านบาท และโครงการที่ 2 วงเงิน 8,768.17 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาค้ำประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส. ต่อไปด้วย

4) โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยางในครั้งนี้ขออนุมัติดำเนินโครงการโดยการยางแห่งประเทศไทย วงเงินเท่ารอบที่ผ่านมา 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 จนถึงเดือนเมษายน 2562 และระยะเวลาในการอนุมัติวงเงินกู้จนสิ้นสุดการชำระเงินกู้ตามโครงการ 1 ปี แต่ไม่เกินวันที่ 30 เมษายน 2562

ชงออก ม.44 ดันรถไฟไทยจีน ตัดผ่านที่ดิน สปก. ได้

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมใช้อำนาจตาม ม.44 สำหรับกรณีรถไฟไทย-จีน เนื่องจากติดประเด็นปัญหากฎหมายหลายประการ ดังนี้

1) การก่อสร้าง ซึ่งต้องอาศัยวิศวกรและสถาปนิกจีน แต่ตามกฎหมายระบุว่าจำเป็นต้องสอบใบอนุญาต ซึ่งฝ่ายจีนมองว่าตนเองมีความเชี่ยวชาญด้านรถไฟมากกว่าแต่ต้องมาสอบข้อสอบของไทยที่มีความเชี่ยวชาญน้อยกว่า ส่วนนี้อาจจะกำหนดให้ต้องเข้าอบรมเกี่ยวกับเส้นทางหรือภูมิประเทศของไทยเพิ่มเติมแทน

2) พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างใหม่ที่กำหนดให้โครงการที่มากกว่า 5,000 ล้านบาทจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ตามกฎหมาย ซึ่งอาจจะทำให้โครงการล่าช้าและต้องขอยกเว้นก่อน

3) ขาดราคากลาง เนื่องจากเป็นการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยจีน ซึ่งอาจจะกำหนดเป็นราคามาตรฐานอ้างอิงแทน

4) ขอหนังสือรับรองจากรัฐบาลจีน ถึงการเลือกบริษัทคู่สัญญาต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมาการเจรจาเป็นการเจรจาผ่านสภาพัฒน์ของจีนเท่านั้น

5) เรื่องเส้นทางที่อาจจะผ่านป่าสงวนแห่งชาติหรือที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถนำไปใช้ก่อสร้างได้ จำเป็นต้องใช้อำนาจตาม ม.44 ยกเว้น

เห็นชอบเยียวยาผู้ประสบเหตุการเมือง

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ครม. มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอ ในการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2556-2557 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 และให้นำหลักการดังกล่าวไปใช้กับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี 2555 รวมทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร

โดยเงินยังชีพรายเดือนที่จะให้แก่บุตรผู้เสียหายกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพที่ได้รับเงินยังชีพรายเดือนจนกระทั่งจบการศึกษาปริญญาตรี ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้เบิกจ่ายนั้น ในครั้งนี้ขอเปลี่ยนให้ได้รับเงินยังชีพรายเดือนจบปริญญาตรีใบแรกใบเดียว โดยอายุไม่เกิน 25 ปี และปรับเงินทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องที่ให้เด็กกำพร้าหรือเด็กที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากบิดา มารดา หรือผู้อุปการะเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ ที่กำลังศึกษาอยู่ มีสิทธิได้รับจนจบปริญญาตรีหลักสูตรแรก หลักสูตรเดียว อายุไม่เกิน 25 ปี

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติเห็นชอบในหลักการการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้

  1. กรณีค่าจัดการศพ ให้ความช่วยเหลือแก่วีรชนในกรณีที่เสียชีวิตอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 รายละ 20,000 บาท
  2. ให้ความช่วยเหลือเงินดำรงชีพแก่วีรชนและญาติวีรชนในอัตราเดียวกัน โดยให้ความช่วยเหลือในอัตรารายละ 3,000 บาทต่อเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต  ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2560 และให้ พม. จัดทำหลักฐานว่า ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ได้รับการเยียวยาที่เหมาะสมแล้ว และจะไม่ขอเรียกร้องขอรับเงินช่วยเหลืออื่นใดจากทางราชการอีก

สั่งติดตามความคืบหน้าเกษตรแปลงใหญ่

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวข้อง ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเกษตรแปลงใหญ่ ว่ามีจำนวนเกษตรกรเท่าไรแล้วที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น ในการพยายามให้ชาวนาลดการปลูกข้าวนาปรัง และให้เปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นเพื่อแก้ปัญหาข้าวล้นตลาด โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูถึงความเหมาะสม ว่าพื้นที่ใดควรปลูกอะไร จำนวนเท่าไหร่ เพื่อให้สมดุลตามกลไกตลาด

ครม. เห็นชอบตั้งโฆษกประจำรองนายกฯ

พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. พิจารณารับทราบรายชื่อการแต่งตั้งโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้

  • พล.ต. คงชีพ ตันตระวาณิชย์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เป็นโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี
  • พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร
  • พล.ร.ต. รณัชย์ เทพวัลย์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย) เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ พล.ร.อ. ณรงค์
  • พล.อ.อ. มณฑล สัชณุกร ประธานคณะทำงานรองนายกฯ และอดีตโฆษกกองทัพอากาศ เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง
  • นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
  • นายไชยา ยิ้มวิไล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นโฆษกประจำรองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ปรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือน ที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ โดยปี จะอนุโลมเป็นปีสุดท้าย และจะเริ่มปรับในปี เช่น อธิบดี ปรับเป็นอธิบดี เพื่อให้ขอบเขตงานมีความชัดเจน เป็นระเบียบ ไม่เป็นไปตามใจ โดยขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม