ThaiPublica > เกาะกระแส > สปท. โชว์หลักฐานยันสัมปทานดิวตี้ฟรีไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เลิกสัญญาคิง เพาเวอร์ไม่เสียค่าโง่

สปท. โชว์หลักฐานยันสัมปทานดิวตี้ฟรีไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เลิกสัญญาคิง เพาเวอร์ไม่เสียค่าโง่

19 พฤษภาคม 2017


นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2560 เวลา 10.30 น. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงข่าว ณ ห้องผู้สื่อข่าวพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังประชุม ครม. วันที่ 16 พฤษภาคม 2560 ว่าได้รับทราบข้อเสนอแนะ 5 ข้อของ สปท. ให้ปลดบอร์ด AOT และเลิกสัญญาสัมปทาน ต้องไปดูข้อกฎหมายให้ชัดเจนนั้น

นายชาญชัยกล่าวว่า รายงานที่ สปท. เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปนั้นเป็นรายงานที่มีความสมบูรณ์และชัดเจนในเรื่องการทำผิดกฎหมาย เริ่มตั้งแต่ก่อนที่จะลงนามในสัญญาสัมปทาน มีการหลีกเลี่ยง หรือไม่ ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) ทั้งกรณีโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรและโครงการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันจัดทำรายงานเท็จหลายกรณี

“เริ่มตั้งแต่การคำนวณราคามูลค่าทรัพย์สินของรัฐและเอกชน ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ผู้บริหารหารของ ทอท. ทราบดีว่า การร่วมลงทุนกับภาคเอกชนรายใดก็ตามภายในสนามบินสุวรรณภูมิต้องนำทรัพย์สินของรัฐตั้งแต่ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง มาคำนวณหามูลค่าพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ และไม่ให้นำค่าเสื่อมมาหักลดมูลค่าของโครงการ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่แจ้งต่อ ทอท. ช่วงเดือนมีนาคม 2550 ภาคเอกชนจะลงทุนเท่าไหร่ มีรายการอะไรบ้าง ต้องจัดทำแผนการลงทุนส่งให้ ทอท. พิจารณา รวมทั้งให้นำวงเงินลงทุนในการซื้อสินค้าคงคลังเพื่อจำหน่าย (สต็อกสินค้า) มาคำนวณรวมอยู่ในมูลค่าโครงการด้วย โดย ทอท. ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น”

นายชาญชัยกล่าวว่าคณะกรรมการ ทอท. สมัย พล.อ. สะพรั่ง กัลญาณมิตร เป็นประธาน บอร์ด ทอท. ตรวจพบการดำเนินโครงการดังกล่าวไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ จึงสั่งยกเลิกสัญญาฯ ทางบริษัท คิง เพาเวอร์ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นโจทก์ ฟ้อง ทอท. ให้ปฏิบัติตามสัญญาโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และเรียกค่าเสียหาย 48,074 ล้านบาท ส่วนบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ทอท. ให้ปฏิบัติตามสัญญาโครงการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ และเรียกค่าเสียหาย 20,878 ล้านบาท ระหว่างที่ ทอท. ถูกกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ฟ้องแพ่ง มีกรรมการ ทอท. บางคนตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ประเมินราคามูลค่าโครงการ

นายชาญชัยกล่าวต่อว่า ในคำบรรยายฟ้องที่ยื่นต่อศาลแพ่ง สัญญาแรกระบุชัดเจน บริษัท คิง เพาเวอร์ดิวตี้ ฟรี จำกัด ได้ลงทุนในกิจการร้านค้าปลอดอากรบนเนื้อที่ 5,000 ตารางเมตร ทั้งสิ้น 1,091 ล้านบาท สัญญาที่ 2 บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ลงทุนตกแต่งร้านค้าในพื้นที่ที่ใช้ในกิจกรรมเชิงพาณิชย์ 20,000 ตารางเมตร กว่า 1,700 ล้านบาท จากคำบรรยายฟ้องที่แสดงต่อศาลแพ่ง ถือเป็นการยอมรับว่าโครงการนี้มีมูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ฝ่ายเดียว ยังไม่นับในส่วนของ ทอท. ลงทุน ตนจะมอบหลักฐานคำฟ้องทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาด้วย

ต่อมา รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ชนะการเลือกตั้ง พล.อ. สะพรั่ง ลาออก ก็มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน ก็มีการเจรจาไกล่เกลี่ย รวมทั้งนำผลสรุปรายงานการประเมินมูลค่าโครงการของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่ขัดแย้งกับข้อมูลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ทอท. และขัดแย้งกับข้อมูลการลงทุนที่ปรากฏอยู่ในคำฟ้องตามที่กล่าวข้างต้น มาประกอบการยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องต่อศาลแพ่ง ต่อมา ศาลแพ่งได้สั่งให้ 2 ฝ่ายมาฟังผลการพิจารณาของศาล และตัดสินให้โจทก์ถอนฟ้องได้ และทำการบันทึกเป็นหลักฐานว่าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงยอมความกันอย่างไร

“พยานหลักฐานและข้อเท็จจริงทั้งหมด ผมจะส่งให้นายกฯ พิจารณา อย่าง กรณี ทอท. อ้างถึงรายงานของบริษัทที่ปรึกษาการเงิน คำนวณมูลค่าโครงการไม่ถึง 1,000 ล้านบาท มันขัดแย้งกับคำบรรยายฟ้องของบริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ที่ระบุว่าได้ลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท โดยหลักการไม่น่าจะนำมาใช้ประกอบคำร้องขอถอนฟ้องได้ จำเลยบอกไม่ถึง 1,000 ล้านบาท แต่โจทก์บอกเกิน จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน แต่เป็นเรื่องของกลุ่มอุปถัมภ์ที่มีความซับซ้อน มีความยิ่งใหญ่มาก จนทำให้เกิดความวุ่นวาย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม” นายชาญชัยกล่าว

นายชาญชัยกล่าวว่า การที่ สปท. เสนอนายกรัฐมนตรีให้บอกเลิกสัญญาครั้งนี้ ยืนยันไม่เสียค่าโง่ใดๆ ทั้งสิ้น และยังเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ได้อีกไม่น้อยกว่า 27,000 ล้านบาท ตามสัญญากำหนดให้ผู้รับสัมปทานต้องจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ให้แก่ ทอท. ในอัตรา 15% ของรายได้จากยอดขาย แต่ในกรณีของการขายสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรในเมืองนำมาส่งมอบที่สนามบิน ปรากฏว่าในช่วง 5 ปีแรกที่เริ่มดำเนินการ จ่ายในอัตรา 0.45% และใน 5 ปีหลังจ่ายในอัตรา 3% เท่านั้น

ประเด็นทั้งหมดนี้ตนได้รายงานให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รับทราบแล้วเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2560 โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ สปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบหาผู้กระทำความผิด เกิดขึ้นในช่วงไหน ผิดกฎหมายอะไร แยกให้ชัดเจนระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับเอกชน โดยคณะอนุกรรมาธิการฯ สปท. จะประชุมร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน, ผู้ตรวจการแผ่นดิน, ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2560 เวลา 9.00 น. ที่อาคารรัฐสภา เพื่อหาข้อสรุปผู้กระทำผิดและจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ที่มีการแนบพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้