ThaiPublica > เกาะกระแส > กรมศุลฯ ส่ง DSI สั่งฟ้อง “ซุปเปอร์ซาร่า” สำแดงเท็จนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี หลักฐานจีนมัดไม่ได้ผลิตมาเลเซีย

กรมศุลฯ ส่ง DSI สั่งฟ้อง “ซุปเปอร์ซาร่า” สำแดงเท็จนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี หลักฐานจีนมัดไม่ได้ผลิตมาเลเซีย

11 เมษายน 2017


นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร โฆษกกรมศุลกากร

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร ได้รวบรวมหลักฐานส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินคดีกับบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คัน ของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด

นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า หลังจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมศุลกากร แจ้งข้อกล่าวหาบริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด สำแดงถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) เป็นเท็จ กรณีนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 100 คันแรกไปแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ดำเนินการสั่งคดี ซึ่งทางบริษัทซุปเปอร์ซาร่าไม่ประสงค์จะขอระงับคดีในชั้นของกรมศุลกากร เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 ทางสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จึงสรุปสำนวนคดีพร้อมพยานหลักฐานส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ดำเนินคดีในชั้นศาลต่อไป

นายชัยยุทธกล่าวว่า สำหรับการดำเนินคดีกับผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีทั้ง 489 คัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม 100 คันแรก ผู้นำเข้ามีความผิดฐานสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จและหลีกเลี่ยงอากร มีความผิดตามมาตรา 99 และมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ส่วนที่เหลืออีก 389 คัน ผู้นำเข้าแจ้งถิ่นกำเนิดสินค้าในใบขนสินค้าว่าเป็นรถเมล์เอ็นจีวีที่ผลิตประเทศมาเลเซีย ขณะที่คณะกรรมการตรวจปล่อยรถของกรมศุลกากรตรวจพบเป็นรถเมล์ที่มีถิ่นกำเนิดประเทศจีน แต่ผู้นำเข้าขอสงวนสิทธิ์ที่จะหาหลักฐานโต้แย้งกรมศุลกากรภายหลัง และยอมจ่ายค่าภาษีในอัตรา 40% ของราคา เพื่อนำรถไปส่งมอบให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ต้องถือว่าผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีลอต 389 คัน มีความผิดฐานสำแดงถิ่นกำเนิดสินค้าเป็นเท็จด้วยเช่นกัน แต่มีโทษไม่หนักเท่ากับกรณีหลีกเลี่ยงภาษีอากร

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมศุลกากรมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ เพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้นำเข้าได้หรือไม่นายชัยยุทธกล่าวว่า “มั่นใจมาก เพราะกรมศุลกากรมีพยานหลักฐานหลายชิ้นที่สามารถพิสูจน์ในชั้นศาลได้ว่ารถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมดมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน เช่น ภาพถ่าย วิดีโอเทปขณะกำลังขนรถเมล์เอ็นจีวีสำเร็จรูปจากเรือบรรทุกสินค้าลงมาจอดที่ท่าเรือประเทศมาเลเซีย และหลักฐานจากประเทศต้นทางและปลายทาง ยืนยันได้ว่าเป็นรถที่ผลิตและประกอบที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ส่งออกจากประเทศจีนเป็นรถสำเร็จรูปส่งไปพักไว้ที่ท่าเรือประเทศมาเลเซีย ก่อนจะส่งออกมาประเทศไทย ซึ่งหลักฐานทั้งหมดผ่านการรับรองความถูกต้องจากทางการจีนและมาเลเซียแล้ว หลังจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังมั่นใจว่าได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ครบถ้วน จึงสรุปสำนวนคดีส่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการพิจารณาส่งฟ้องศาลต่อไป