ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “ออกหมายจับ อดีต ปธ. สอ.จุฬาฯ โกงพันล้าน!” และ “ยูไนเต็ดแอร์ไลน​์เผยนโยบายใหม่ สละที่นั่งได้ 3 แสน”

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ : “ออกหมายจับ อดีต ปธ. สอ.จุฬาฯ โกงพันล้าน!” และ “ยูไนเต็ดแอร์ไลน​์เผยนโยบายใหม่ สละที่นั่งได้ 3 แสน”

29 เมษายน 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 22-28 เม.ย. 2560

  • ออกหมายจับ อดีต ปธ. สอ.จุฬาฯ โกงพันล้าน
  • บิ๊กป้อม” แจงอนุมัติซื้อเรือดำน้ำแล้ว ยัน “จำเป็น”
  • เผย ไล่ “ธาริต” ออกจากราชการแล้ว
  • กสทช. ตั้งอนุฯ คุมการกระจ่ายภาพ-เสียงผ่านเน็ต
  • ยูไนเต็ดแอร์ไลน​์เผยนโยบายใหม่ สละที่นั่งได้ 3 แสน
  • ออกหมายจับ อดีต ปธ.สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ โกงพันล้าน!

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์กระปุกดอทคอม (https://goo.gl/0lG8Ac)

    วันที่ 23 เม.ย. 2560 เว็บไซต์สำนักข่าวหลายแห่งรายงานว่า ศาลอาญารัชดา ได้อนุมัติหมายจับ รศ. ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อายุ 79 ปี อดีตประธานกรรมการดำเนินการ สหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน

    จากรายงานของเว็บไซต์คมชัดลึกนั้น การออกหมายจับดังกล่าวสืบเนื่องมาจากกรณีที่มีการรวมตัวกันแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ว่า รศ. คนดังกล่าวหลอกเพื่อนอาจารย์เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยให้ลงทุนซื้อโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) เพื่อแลกผลตอบแทนร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อมากกว่า 160 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 1,400 ล้านบาท ก่อนหอบเงินหลบหนีไป และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมามีผู้เสียหาย 58 คน

    และตามรายงานของเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจผู้เสียหายรายหนึ่งให้การว่า เมื่อปี 2558 ได้นำเงินที่สะสมอยู่กับสหกรณ์ออมทรัพย์มาร่วมลงทุนในสหกรณ์ล็อตเตอรี่ที่ผู้ต้องหาตั้งขึ้นมา โดยจะมีเงินปันผลให้ร้อยละ 1 เปอร์เซ็นที่ผ่านมาได้เงินปันผลมาโดยตลอดจึงได้เพิ่มเงินลงทุนไปอีกรวมแล้วประมาณ 3 ล้านบาท จนเมื่อเดือนมีนาคม 2560 กลับไม่ได้รับเงินปันผลเมื่อโทรติดต่อไปกลับไม่สามารถติดต่อ จนสุดท้ายได้ข่าวว่าผู้ต้องหาได้ถอนเงินหลบหนีไปแล้ว

    สำหรับกรณีดังกล่าวมีบางรายหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนตั้งแต่หลักล้านบาทสูงสุด 70 ล้านบาทขณะนี้มีผู้ถูกหลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนไปแล้วกว่า 160 รายรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท

    “บิ๊กป้อม” แจงยิบ อนุมัติซื้อเรือดำน้ำแล้ว ยัน “จำเป็น”

    พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากากรระทรวงกลางโหม
    ที่มาภาพ: http://www.matichon.co.th/?p=539536

    เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความชัดเจนกรณีที่ ครม. อนุมัติเงียบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจากสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เรื่องนี้อธิบายมานานแล้ว ซึ่งการซื้อเราจะซื้อทีละลำเพราะกว่าจะได้ลำหนึ่งใช้เวลา 5-6 ปี จึงได้มีการวางแผนระยะยาว ซึ่งโครงการนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี กว่าจะได้ทั้งหมด 3 ลำ ยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ไม่น่าจะมีอะไรที่น่าสงสัย ในเรื่องการจัดซื้อจัดหาก็จะต้องทำให้โปร่งใส ซึ่งครั้งนี้เป็นการซื้อในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) โดยตรง และสาเหตุที่กองทัพเรือเลือกซื้อจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเนื่องจากมีเหตุผล เพราะราคาถูกมากเมื่อเทียบกับ 9 ประเทศ ทุกประเทศแพงกว่าทั้งหมด ซึ่งนอกจากมีราคาแพงแล้วยังไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ติดมาด้วย และสามารถดำน้ำได้นานสูงสุด 21 วัน โดยรายละเอียดต่างๆ กองทัพเรือจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ส่วนการใช้งบประมาณในการจัดซื้อนั้นทางกองทัพเรือจะดำเนินการร่วมกับสำนักงบประมาณ เพราะงบประมาณในการจัดซื้อครั้งนี้เป็นของกองทัพเรือโดยเฉพาะ ไม่ใช่งบกลาง ถือเป็นการใช้งบประมาณต่อเนื่องของกองทัพเรือในแผนพัฒนากองทัพเรือ ซึ่งแต่ละกองทัพก็มีแผนพัฒนาของแต่ละกองทัพอยู่แล้ว

    นอกจากนี้ พล.อ. ประวิตร ยังได้ตอบคำถามต่างๆ กับสื่อ โดยสรุปได้ดังนี้

    เรื่องงบประมาณ
    – ทั้งหมด 36,000 ล้านบาท ในจำนวน 3 ลำ ส่วนรายละเอียดจะแบ่งจ่ายอย่างไรสื่อไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ใช้เวลาทั้งหมด 11 ปี เป็นการทยอยจ่าย รวมทั้งยืนยันว่าพิจารณาอย่างโปร่งใส รอบคอบ และไม่แพง

    มีเงื่อนไขพิเศษว่าจีนต้องซื้ออะไรจากไทยหรือไม่
    – เงื่อนไขพิเศษมีเพียงอย่างเดียวคือประเทศจีนมอบอาวุธยุทโธปกรณ์และขีปนาวุธยิงจ่ายจากใต้น้ำสู้อากาศฟรี

    ทำไม ครม. เห็นชอบแล้วไม่มีแถลงเป็นทางการ
    – เพราะเป็นเอกสารลับ และยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการอนุมัติเงียบ ครม. ทั้งคณะรู้ทั้งหมด ที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ชี้แจงให้ประชาชนทราบนั้น เดี๋ยวมันก็ทราบกันเอง ถึงเวลามันก็ทราบ

    พูดได้หรือไม่ว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ให้กำเนิดเรือดำน้ำ
    – ไม่ใช่ พูดเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นของเก่าที่กองทัพเรือเป็นผู้ริเริ่ม ตนไม่ใช่ผู้เริ่ม ถ้าบอกว่าตนเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดเรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้สนับสนุนเหมือนกัน ครม. ทุกคนก็สนับสนุนทั้งหมด

    ประโยชน์ของเรือดำน้ำ ครม. ชุดนี้อนุมัติจัดซื้อคืออะไร
    – มีความจำเป็นอย่างแน่นอน พูดมาแล้วหลายครั้ง ต้องยอมรับว่าในประเทศอาเซียนหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ทุกประเทศมีทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะเวียดนามมีถึง 12 ลำ ประเทศที่อยู่ใกล้ทะเลทั้งหมดมีการเตรียมการจัดซื้อจัดหาเรือดำน้ำ เพราะมีความจำเป็นจะต้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติในระยะทาง 200 ไมล์ทะเล ซึ่งประเทศไทยก็จำเป็นต้องมี

    มีหลักประกันอะไรว่าอนาคตเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะอนุมัติให้ซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3
    – เราทำแผนไว้เช่นนี้ ถ้าไม่อนุมัติก็ไม่อนุมัติถ้ามองไม่เห็นถึงความจำเป็น แต่กองทัพเรือเขาต้องเสนอแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องเอางบไปทำและสร้างอย่างอื่น ไม่เห็นจะเป็นอะไร จากนี้ไปเลิกพูดถึงเรื่องเรือดำน้ำเสียที ไปดำอย่างอื่นแทน

    เผย ไล่ “ธาริต” ออกจากราชการแล้ว

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://goo.gl/qO37K7)

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2560 แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า หลังจาก ป.ป.ช. ส่งสำนวนการไต่สวน และรายงานความเห็นกรณีชี้มูลความผิดนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติ ไปยัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการ เนื่องจากตามมาตรา 80 (4) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระบุว่า หากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ใช่ นักการเมือง ประธานศาล และผู้บริหารระดับสูง ที่ถูกชี้มูลความผิดร่ำรวยผิดปกติ ให้ประธาน ป.ป.ช. แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาให้สั่งลงโทษ แต่ที่ผ่านมาเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ตอบกลับมาว่า ให้ส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาสำนักนายกรัฐมนตรีแทน เนื่องจากแม้ พล.อ. ประยุทธ์ จะเป็นผู้บังคับบัญชาทุกส่วนราชการทั้งหมด แต่ผู้บังคับบัญชาสำนักนายกรัฐมนตรีคือผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายธาริต สำนักงาน ป.ป.ช. จึงส่งหนังสือให้ลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการไปยังผู้บังคับบัญชาของสำนักนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่ง ล่าสุดเท่าที่ทราบข่าวคือ มีการไล่นายธาริตออกจากราชการแล้ว

    กสทช. ตั้งอนุฯ คุมการกระจ่ายภาพ-เสียงผ่านเน็ต

    วันที่ 24 เม.ย. 2560 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดประชุมบอร์ดนัดพิเศษ โดยมีวาระเกี่ยวกับการกำกับดูแลการให้บริการบรอดแคสต์บนโครงข่ายนอกเหนือจากโครงข่ายกระจายเสียงและโครงข่ายโทรทัศน์แบบเดิม หรือบริการ OTT (Over-The-Top)

    โดย พ.อ. นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด กสทช. นัดพิเศษ ได้มีมติให้การบริการ OTT ที่เป็นการแพร่เสียงและภาพผ่านโครงข่ายอื่น นอกจากโครงข่ายบรอดแคสต์แบบเดิม ถือเป็นบริการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยได้มอบหมายให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งบอร์ดได้กำหนดอายุการทำงานของคณะอนุกรรมการไว้ 1 ปี

    ยูไนเต็ดแอร์ไลน​์เผยนโยบายใหม่ สละที่นั่งได้ 3 แสน

    วันที่ 27 เม.ย. 2560 เว็บไซต์บีบีซีไทยรายงานว่า สายการบินยูไนเต็ด แถลงว่า จะเสนอค่าชดเชย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 344,000 บาท) ให้แก่ผู้โดยสารที่ยอมสละที่นั่งบนเที่ยวบินซึ่งมีการจองบัตรโดยสารเกินจำนวน

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนทบทวนกรณีที่เกิดขึ้นช่วงต้นเดือนนี้ หลังนายแพทย์เดวิด เตา ผู้โดยสาร ได้รับบาดเจ็บจากการถูกใช้กำลังบังคับให้ลงจากเที่ยวบินซึ่งจะเดินทางจากนครชิคาโกไปยังเมืองหลุยส์วิลล์ของสหรัฐฯ เพื่อให้ลูกเรือของสายการบินได้นั่งไปแทน

    เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสโจมตีและประณามสายการบินอย่างรุนแรง ภาพที่น่าตกใจถูกแชร์ต่อและมีผู้ชมออนไลน์นับล้านครั้ง ทำให้สายการบินต้องออกมาตรการเสนอค่าชดเชย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ดังกล่าว นอกจากนี้ยังเสนอให้ค่าชดเชยแก่ลูกค้าทุกคนในเที่ยวบินด้วย

    ส่วนส่วนมาตรการใหม่ที่เกิดจากรายงานการสอบสวนกรณีนายแพทย์เตานั้นรวมถึง

    – จะไม่มีการขอร้องผู้โดยสารที่นั่งประจำที่แล้วให้ลุกขึ้นโดยไม่สมัครใจ
    – กำหนดให้ลูกเรือต้องจองที่นั่งก่อนเครื่องบินขึ้น 60 นาที
    – จัดการอบรมพนักงานเพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดได้