ThaiPublica > เกาะกระแส > อนาคตที่สดใสของธุรกิจบ่อนคาสิโนในเอเชีย บทเรียนจาก Las Vegas Model และ Singapore Model

อนาคตที่สดใสของธุรกิจบ่อนคาสิโนในเอเชีย บทเรียนจาก Las Vegas Model และ Singapore Model

16 มีนาคม 2017


รายงานโดย ปรีดี บุญซื่อ

ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Casino#/media/File:Casino_slots2.jpg

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก ได้ผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้มีการดำเนินธุรกิจบ่อนคาสิโนแบบถูกกฎหมายขึ้นมาเป็นครั้งแรก แม้ว่าการพนันในรูปอื่นๆ เช่น Slot Machine หรือการแข่งเรือยนต์ จะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่น ภายในปีนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเสนอกฎหมายลูกให้รัฐสภาพิจารณาเรื่องการควบคุมผลกระทบของบ่อนการพนัน เช่น การป้องกันเรื่องคนติดการพนัน หรือการที่กลุ่มอาชญากรจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้

หากกฎหมายนี้ผ่านรัฐสภา ในปีหน้า เมืองใหญ่ๆ ก็สามารถเริ่มดำเนินการให้มีแหล่งคาสิโนขึ้นมาได้ในรูปแบบ Entertainment Complex หรือ Integrated Resort ที่จะมีทั้งโรงแรม แหล่งบันเทิง และบ่อนการพนัน อยู่รวมกันในที่เดียวกัน เป็นที่คาดหมายกันว่า เมืองที่จะมีคาสิโนในรูปแบบ Integrated Resort คือ โตเกียว โอซาก้า และโยโกฮามา

ขุมทองใหม่ของธุรกิจคาสิโน

นิตยสาร Nikkei Economic Review รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทนายหน้าการลงทุนชื่อ CLSA ได้จัดงานการพบปะกันระหว่างนักลงทุนต่างชาติที่สนใจจะลงทุนธุรกิจบ่อนคาสิโนในญี่ปุ่น นาย Sheldon Adelson ผู้บริหาร Las Vegas Sands บอกว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่คนชอบเสี่ยงพนันอยู่แล้ว เพราะมีเครื่องเล่นเกมมากมาย โครงการคาสิโนในญี่ปุ่นจะใช้เงินลงทุนถึง 10 พันล้านดอลลาร์

พวกนักลงทุนในธุรกิจบ่อนคาสิโนลอบบี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่จะให้ญี่ปุ่นมีบ่อนคาสิโนอย่างถูกกฎหมาย แต่เนื่องจากคนญี่ปุ่นที่สนับสนุนเรื่องนี้มีน้อยมาก ทำให้การผ่านกฎหมายล่าช้ามาหลายปี พวกที่สนับสนุนการเปิดคาสิโนบอกว่า ธุรกิจคาสิโนจะช่วยผลักดันการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่อยู่ในภาวะชะงักงันมาหลายปี นักการเมืองญี่ปุ่นที่สนับสนุนการเปิดบ่อนคาสิโนก็พูดว่า คาสิโนจะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของญี่ปุ่นอีก 1% แต่การไปฟังเรื่องผลดีทางเศรษฐกิจของบ่อนคาสิโนจากนักลงทุนและเจ้าของธุรกิจนี้ก็เหมือนกับไปฟังเรื่องผลดีของการสร้างเขื่อนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง

แต่คนญี่ปุ่นที่คัดค้านเห็นว่า บ่อนคาสิโนจะส่งผลด้านลบต่อสังคม และทำให้จำนวนอาชญากรรมเพิ่มขึ้น คนญี่ปุ่นมีอายุเห็นว่า คนญี่ปุ่นและเยาชนติดเกม Pachinko และ Slot Machine อยู่แล้ว รัฐบาลจึงควรศึกษาผลกระทบด้านลบให้มากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลก็ให้ความมั่นใจว่า บ่อนคาสิโนจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เช่น อนุมัติให้คาสิโนออกไปตั้งอยู่ในพื้นที่กระจายออกไป แทนที่จะกระจุกตัวเป็นศูนย์การพนันต่างๆ และหาทางป้องกันไม่ให้คนท้องถิ่นเป็นลูกค้าขาประจำของบ่อนคาสิโน เช่น คนญี่ปุ่นจะถูกเก็บเงินค่าเข้าบ่อนพนัน วิธีการนี้เป็นส่วนหนึ่งของบ่อนคาสิโนแบบ Singapore Model ที่แตกต่างจากบ่อนคาสิโนแบบ Las Vegas Model

คาสิโน Las Vegas Model

บ่อนคาสิโนที่ถูกกฎหมายจะดำเนินธุรกิจในเงื่อนไขเศรษฐกิจที่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ เพราะตามปกติแล้ว บ่อนคาสิโนพวกนี้จะได้รับใบอนุญาตเป็นการเฉพาะจากรัฐ ทำให้ธุรกิจนี้สามารถสร้างผลกำไรในอัตราที่สูงเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ธุรกิจทั่วไปจะมีผลกำไรปีหนึ่ง 5-8% จากยอดขาย แต่ธุรกิจบ่อนคาสิโนจะมีกำไร 30-50% จากรายได้ ซึ่งถือกันว่าเป็นเรื่องปกติของธุรกิจนี้ การคืนทุนก็อาจจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี

ในปัจจุบัน ภาพลักษณ์ด้านลบต่างๆ ของบ่อนการพนันก็เปลี่ยนไป เช่น เป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย นักการเมืองและนักลงทุนจะใช้คำว่า “การบันเทิงคาสิโน” หรือ “เกมพนัน” แทนคำว่า “บ่อนการพนัน” ธุรกิจที่เดิมเคยดำเนินการโดยพวกมิจฉาชีพ หรืออาศัยเงินที่มาจากธุรกิจใต้ดิน ก็กลายมาเป็นธุรกิจที่บริหารงานโดยคนที่เรียนจบด้าน MBA และมีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทตรวจสอบบัญชี PwC เคยมีรายงานว่า ในปี 2009 บ่อนคาสิโนในสหรัฐฯ มีรายได้สูงถึง 57 พันล้านดอลลาร์ และในเอเชีย 21 พันล้านดอลลาร์ พวกนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จึงบอกว่า นับวัน รายได้จากลอตเตอรี บ่อนคาสิโน และการพนันถูกกฎหมายอื่นๆ จะแซงหน้ารายได้ของธุรกิจบันเทิงอื่นๆ

ในสหรัฐอเมริกา เมื่อนักการเมืองท้องถิ่นต้องการให้มลรัฐของตัวเองอนุญาตให้มีบ่อนคาสิโนขึ้นมา ก็มักจะพูดถึงตัวอย่างการเติบโตที่รวดเร็วของเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา ที่ความเจริญมาจากเศรษฐกิจการพนัน ปีหนึ่งมีเงินลงทุนใหม่ๆ เข้าไปหลายพันล้านดอลลาร์ แต่คาสิโนของลาสเวกัสมีกำเนิดและเติบโตขึ้นมาในสภาพทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ ที่แตกต่างจากบ่อนคาสิโนในปัจจุบัน ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง คาสิโนในลาสเวกัสถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1931 และตั้งขึ้นมาในพื้นที่ทะเลทรายที่แทบไม่มีคนอาศัยหรือมีเศรษฐกิจต่างๆ ของท้องถิ่นเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

บ่อนคาสิโนในลาสเวกัสเป็นธุรกิจถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 1931 ทำให้การพนันเหมือนเป็นการส่งออกธุรกิจบริการอย่างหนึ่ง แบบเดียวกับการท่องเที่ยว ที่มาภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Casino#/media/File:Las_Vegas_Strip.png

ในทางเศรษฐศาสตร์ ต้นทุนซ่อนเร้นของการพนันแบบบ่อนคาสิโนมีปรากฏให้เห็นหลายอย่าง เช่น เงินที่เหลือใช้จำนวนมากของผู้บริโภคในท้องถิ่น ถูกดึงเข้าไปสู่แหล่งการพนัน แทนที่จะถูกนำใช้จ่ายในกิจกรรมเศรษฐกิจอื่นๆ ของท้องถิ่น เช่น โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ บ่อนคาสิโนที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความมั่งคั่งใหม่ๆ แต่อาศัยเงินเหลือใช้ของคนท้องถิ่นจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า การกินเนื้อตัวเองของชุมชน หรือ Cannibalization สภาพแบบเดียวกับบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ 2 อย่างที่แข่งกันเอง ถ้าผู้บริโภคซื้อสินค้าอย่างหนึ่ง ก็ไม่ซื้ออีกอย่างหนึ่ง

เมื่อเกิดบ่อนคาสิโนขึ้นในลาสเวกัส อุตสาหกรรมหลักของรัฐเนวาดา คือ การทำเหมืองแร่และการเลี้ยงวัว รัฐเนวาดาจึงไม่มีเงินที่จะไปสนับสนุนธุรกิจคาสิโน อุตสาหกรรมดั้งเดิมพวกนี้ก็ไม่ใช่แหล่งที่คนท้องถิ่นจะใช้จ่ายเงิน เงินที่ไหลเข้าสู่บ่อนคาสิโน จึงไม่ใช่เงินที่หันเหจากธุรกิจอื่นๆในท้องถิ่น แต่เป็นเงินที่มาจากนักท่องเที่ยวจากต่างรัฐใช้หมดไปกับการพนัน เงินพวกนี้ก็กลับมาหมุนเวียนอยู่ในท้องถิ่น เช่น รายได้ของคนงานในบ่อนคาสิโนถูกนำมาใช้จ่ายในท้องถิ่น หรือบ่อนคาสิโนซื้อบริการต่างๆ จากบริษัทในท้องถิ่น การหมุนเวียนของเงินจากกิจกรรมในลักษณะนี้เป็นกระบวนการที่นักเศรษฐศาสตร์เรียกว่า Multiplier Effect

บ่อนคาสิโนของลาสเวกัสยังมีความได้เปรียบในแง่ที่ว่า เนวาดาเป็นรัฐแรกที่คาสิโนเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ทำให้เนวาดาผูกขาดธุรกิจนี้มานานถึง 50 ปี ก่อนที่เมือง Atlantic รัฐนิวเจอร์ซีจะเปิดให้มีบ่อนคาสิโนขึ้นมาในปี 1978 การผูกขาดเรื่องการพนันที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐเดียวในสหรัฐฯ ทำให้การพนันเหมือนกับเป็นธุรกิจส่งออกด้านบริการของรัฐเนวาดา ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาเล่นการพนัน จะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างรัฐ

นักท่องเที่ยวจากต่างรัฐพวกนี้ หากมีปัญหาเกิดขึ้นติดตามมาจากการเล่นพนันจนหมดเนื้อหมดตัว คนพวกนี้ก็นำปัญหากลับไปยังรัฐที่ตัวเองอาศัยอยู่ ไม่ได้ทิ้งไว้ในรัฐเนวาดา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการตกงาน หรือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เพราะหนี้สินจากการพนัน

คาสิโน Singapore Model

ในปี 2010 สิงคโปร์มีบ่อนคาสิโนแบบ Integrated Resort เกิดขึ้น 2 แห่ง คือ สวนสนุก Sentosa และโรงแรม Marina Bay Sands ในปี 2005 นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง สนับสนุนให้มีการเปิดบ่อนคาสิโนในสิงคโปร์ เพราะเห็นว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้ ในสมัยนายกรัฐมนตรีลี กวนยู คัดค้านมาตลอดเรื่องการเปิดบ่อนคาสิโนในสิงคโปร์ แต่ในที่สุด ลี กวนยู ก็เปลี่ยนความคิด และให้การสนับสนุนโดยบอกว่า การปฏิเสธการพนันจะทำให้โลกมีภาพลักษณ์ด้านลบต่อสิงคโปร์ว่า “เรายังคงหยุดอยู่กับที่เดิม พยายามอนุรักษ์สิงคโปร์ในแบบเก่าๆ คือเป็นเมืองที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่มีหมากฝรั่ง”

The Marina Bay Sands ของสิงคโปร์ มีบ่อนคาสิโนแบบ Integrated Resort คนสิงคโปร์จะเข้าไปต้องเสียค่าธรรมเนียมการเข้าบ่อน ที่มาภาพ: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/f9/Marina_Bay_Sands

การท่องเที่ยวของสิงคโปร์บอกว่า บ่อนคาสิโน 2 แห่ง สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1-2% ให้กับเศรษฐกิจโดยรวมของสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนราวๆ 10 ล้านคนในปี 2009 เพิ่มเป็น 16.4 ล้านคนในปี 2016 รายได้จากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นจาก 15.5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ในปี 2009 ก่อนที่จะมีคาสิโน เป็น 24.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2016 นอกจากนี้ ยังเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนธุรกิจการจัดประชุม การสัมมนา และการแสดงสินค้าของสิงคโปร์ ซึ่งในปี 2009 มีทั้งหมด 123 งาน เพิ่มเป็น 175 งานในปี 2013

ก่อนที่ญี่ปุ่นจะผ่านกฎหมายอนุญาตให้มีการตั้งบ่อนคาสิโนขึ้นมา ในเดือนธันวาคม 2016 นักการเมืองท้องถิ่นของโอซาก้าได้เดินทางไปดูงานบ่อนคาสิโนในสิงคโปร์ เพื่อไปศึกษาว่า สิงคโปร์ดำเนินการอย่างไรในการป้องกันผลกระทบของบ่อนคาสิโนต่อสังคม เพราะจุดเด่นของบ่อนคาสิโนแบบ Singapore Model คือ รูปแบบดำเนินงานที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง บ่อนคาสิโนในเขมร ที่ห้ามไม่ให้คนท้องถิ่นเข้าไปเล่นการพนัน กับบ่อนคาสิโนของมาเก๊า ที่เปิดให้คนท้องถิ่นเข้าไปเล่นการพนันได้เสรี

Singapore Model วางหลักเกณฑ์เข้มงวดกับนักพนันท้องถิ่น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ เพราะบ่อนคาสิโนไม่ได้สร้างความมั่งคั่งใหม่ขึ้นมา แต่มาอาศัยเงินของคนในประเทศแทน และปัญหาผลกระทบทางสังคมจากการติดการพนัน เพราะคนท้องถิ่นที่ติดพนันจะส่งผลกระทบด้านลบต่อสังคม ที่ต่างจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะนำปัญหาอันเกิดจากการพนันติดตัวกลับไปประเทศตัวเอง

สิงคโปร์มีวิธีการหลายอย่างที่กีดกันไม่ให้คนท้องถิ่นที่ติดการพนันเข้าไปยังบ่อนคาสิโน เช่น การห้ามตัวเอง การห้ามโดยครอบครัว และการห้ามโดยอัตโนมัติ เช่น คนท้องถิ่นสามารถแจ้งว่าตัวเองไม่ขอเข้าไปบ่อนคาสิโน ครอบครัวสามารถแจ้งชื่อคนในครอบครัว ที่ไม่ต้องการให้เข้าไปเล่นการพนัน และคนที่ล้มละลาย หรือได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ จะห้ามเข้าคาสิโนโดยอัตโนมัติ เป็นต้น หน่วยงานชื่อ National Council on Problem Gambling (NCPG) เป็นองค์กรที่ดำเนินการจัดทำรายชื่อคนที่ถูกห้ามเข้าบ่อนคาสิโน ซึ่งในปี 2016 มีทั้งหมด 3 แสนกว่าราย

นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีระเบียบที่กำหนดให้คนท้องถิ่นเข้าบ่อนคาสิโนได้เพียงเดือนละครั้ง ที่อาจจะมาจากการยื่นเรื่องของนักพนันเอง หรือจากครอบครัว คนท้องถิ่นเข้าบ่อนคาสิโนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมค่าเข้าครั้งละ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับค่าธรรมเนียมรายปีแบบเข้าได้ไม่จำกัดครั้ง มาตรการกีดกันคนท้องถิ่นทำให้เห็นชัดว่า สิงคโปร์มีเป้าหมายให้บ่อนคาสิโนเป็นจุดดึงดูดนักพนันต่างประเทศ และต้องการให้นักท่องเที่ยวอยู่ในสิงคโปร์นานขึ้น

การเติบโตของธุรกิจบ่อนคาสิโนในเอเชีย มีปัจจัยสำคัญที่มาจากลูกค้าที่เป็นนักท่องเทียวชาวจีน ซึ่งเพิ่มสูงมากในแต่ละปี และยังจะมีจำนวนที่เพิ่มได้อีกมากในอนาคต บางประเทศในเอเชีย อย่างเช่น มาเก๊า นักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนถึง 50% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศมีสัดส่วน 9% ของประชากรจีน 1.36 พันล้านคน เกาหลีใต้มีอัตรา 38% ของประชากร และไต้หวัน 56% เพราะฉะนั้น การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของคนจีนจึงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก

The Venetian Macao เป็นบ่อนคาสิโนแบบ Integrated Resort ของมาเก๊า ที่คนท้องถิ่นเข้าไปเล่นการพนันได้เสรี ที่มาภาพ :https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8d/Venetian_Macau.jpg

ธุรกิจบ่อนคาสิโนที่จะเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อส่วนรวม ต้องอาศัยรูปแบบทั้ง Las Vegas Model และ Singapore Model คือ เป็นการสร้างมูลค่าใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจขึ้นมา แบบเดียวกับคาสิโนในลาสเวกัส ที่บ่อนคาสิโนมีฐานะเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยว บ่อนคาสิโนจึงเป็นการส่งออกธุรกิจบริการอย่างหนึ่ง ที่นักเดินทางจากต่างรัฐและต่างประเทศนำเงินเข้ามาเล่นการพนัน

ขณะเดียวกัน การควบคุมผลกระทบของธุรกิจนี้ ก็ต้องอาศัย Singapore Model เพื่อสร้างมาตรการกีดกันคนในท้องถิ่นที่จะเข้าไปเล่นการพนัน การสร้างมาตรการกีดกันนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพราะคนส่วนใหญ่ของสังคมล้วนคัดค้านเรื่องที่จะให้การพนันเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ข้อเท็จจริงที่จะพิสูจน์ในเรื่องนี้ก็คือว่า ในประเทศต่างๆ ไม่มีกลุ่มองค์กรประชาชน หรือ NGO ใดๆ เลย ที่สนับสนุน หรือล็อบบี้ให้การพนันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย