ThaiPublica > เกาะกระแส > สมาชิกโครงการ “Phyathai Ultimate Trust Card” รพ.พญาไท 2 ร้องสคบ. ถูกยกเลิกสัญญารักษาตลอดชีพ

สมาชิกโครงการ “Phyathai Ultimate Trust Card” รพ.พญาไท 2 ร้องสคบ. ถูกยกเลิกสัญญารักษาตลอดชีพ

12 มีนาคม 2017


รายงานโดย ศาสตรกวิน ลภัสรดาเศรษฐ์ นักศึกษาฝึกงาน คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 สมาชิกโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) ของโรงพยาบาลพญาไท2 ในเครือโรงพยาบาล BDMS ได้เข้าร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เนื่องจากโรงพยาบาลพญาไท 2 ยกเลิกสัญญาบริการสุขภาพตลอดชีพ

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 สมาชิกโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) ของโรงพญาบาลพญาไท2 ใน เครือบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BDMS) ได้เข้าร้องเรียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เนื่องจากโรงพยาบาลพญาไท 2 ยกเลิกสัญญาบริการสุขภาพตลอดชีพ

สำหรับ BDMS เป็นกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนแบบครบวงจรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย ถือหุ้นใหญ่โดยนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ในสัดส่วนร้อยละ 18.26 ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มธุรกิจหลักๆ คือ กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล

อนึ่ง โรงพยาบาลในเครือ BDMS นอกจากโรงพญาบาลพญาไท 2 แล้ว ยังมีโรงพยาบาลกรุงเทพที่สมาชิกได้ถูกยกเลิกสัญญาโครงการไลฟ์พริวิเลจคลับ ซึ่งเป็นสัญญารักษาพยาบาลตลอดชีพเช่นเดียวกัน และได้มีการร้องเรียน สคบ.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ด้วย รวมทั้งได้มีการฟ้องร้องไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา

สมาชิกโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) ให้ข้อมูลว่า โครงการเกิดขึ้นในปี 2551 โดยขณะนั้นทางผู้บริหารโครงการได้ให้ข้อมูลแก่สมาชิกว่าเป็นโครงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันโรคและไม่ตรงกับการประกันภัยหรือประกันชีวิตอื่นๆ แต่เป็นการทำสัญญาบริการส่งเสริมสุขภาพทั้งการป้องกันและรักษาโรคตลอดชีพโดยไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลในการเข้ารับการรักษาแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน และไม่ว่าจะเป็นค่าแพทย์ ค่ายา ค่าตรวจเอ็กซเรย์ ค่าเครื่องมือพิเศษ ค่าห้อง ค่าผ่าตัด ค่าวิสัญญีแพทย์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยก่อนทำสัญญาเข้าเป็นสมาชิกนั้นต้องผ่านการตรวจร่างกายจากผู้บริหารโครงการและชำระค่าสมาชิกคนละ 1.5-2 ล้านบาท ซึ่งเป็นบุคคลที่โรงพยาบาลได้ทำการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกโครงการทั้งหมด 52 คน

นางสาวสสิธร องค์วาสิฏฐ์ หนึ่งในสมาชิกโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) เล่าว่า “ในตอนแรกมีตัวแทนจากทางโรงพยาบาลมาติดต่อว่ามีโปรแกรมนี้ เราก็ได้ไปดูสภาพโรงพยาบาล แล้วทางโรงพยาบาลก็บอกว่ามันเป็นสัญญาที่จะรักษาฟรีตลอดชีวิต ทุกโรคตลอดชีพ ตอนที่มาคุยเขาเสนอในราคา 1.5 ล้าน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก็บอกว่าให้รีบตัดสินใจ เพราะอาทิตย์หน้าต้องเพิ่มเป็น 2 ล้านแล้ว เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้รับการทักท้วงโดยธนาคารพาณิชย์รายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าหนี้ในตอนนั้น อ้างว่าในจำนวนเงินเท่านี้ รักษาฟรีตลอดชีพอาจจะไม่คุ้ม จะขอเพิ่มเป็น 2 ล้าน เลยต้องด่วนตัดสินใจเพราะอาทิตย์หน้าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านแล้ว จึงตอบตกลงไป”

นอกจากนี้ตนยังได้ปรึกษากับผู้อำนวยการโรงพยาบาลซึ่งขณะนั้นเป็นคนดูแลโปรแกรมนี้อยู่ ก็ยืนยันว่ามีการรักษาพยาบาลที่ดี จึงวางใจและตอบตกลง หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ราคาก็ขึ้นเป็น 2 ล้าน ตอนนั้นตนเข้าใจว่าโรงพยาบาลขาดเงินทุน ก็เลยมีการจัดตั้งโปรแกรมนี้เพื่อระดมทุนพัฒนาโรงพยาบาล และขณะนั้นโรงพยาบาลถ้าเปรียบกับโรงแรมก็เหมือนโรงแรม 2 ดาว แต่ 8 ปีที่ผ่านมาก็ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี และโรงพยาบาลมีพัฒนาการมาอยู่ในระดับ 4 ดาวและเปิดรักษาคนไข้ต่างประเทศเยอะมาก เพราะฉะนั้นเราเห็นพัฒนาการของโรงพยาบาลมาตลอด” นางสาวสสิธรกล่าว

ต่อมาในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ทางโรงพยาบาลพญาไท 2 ได้ออกจดหมายยกเลิกสัญญา Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) โดยเนื้อหาในจดหมายระบุว่าผู้สอบบัญชีของบริษัท โรงพยาบาลพญาไท 2 จำกัด ได้แจ้งให้บริษัทฯ ทำการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการดำเนินตามสัญญาและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการตามสัญญา Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) เพื่อให้ถูกต้องและเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ คือ ฉบับที่ 4 (ปรับปรุง 2558) ที่มีผลบังคับใช้กับงบการเงินของบริษัทฯ สำหรับปีที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไป เนื่องจากข้อตกลงเกี่ยวกับสัญญา Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) ที่บริษัทฯ ได้ทำไว้กับสมาชิกเข้าลักษณะเป็นสัญญาประกันภัยตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 4 (ปรับปรุง 2558) และที่ปรึกษากฎหมายมีความเห็นว่าสัญญาที่ได้ทำไว้เข้าลักษณะเป็นสัญญาประกันภัยตามบทบัญญัติของกฎหมายและตามแนวบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการตามสัญญาโครงการจึงถือได้ว่าเป็นการประกอบธุรกิจประกันภัยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นผลให้ข้อตกลงไม่อาจดำเนินต่อไปได้ บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องยุติสัญญาและยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์แก่ท่านสมาชิก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560

โดยทางบริษัท โรงพยาบาลพญาไท 2 จำกัด ได้มีข้อเสนอแก่สมาชิก คือ จะนำเงินค่าสมาชิกแรกเข้าที่ได้รับมาจากสมาชิกคืนให้เต็มจำนวน พร้อมทั้งจ่ายเงินค่าชดเชยเพิ่มอีกในอัตรา 10% ต่อปีของจำนวนเงินดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินค่าสมาชิกแรกเข้าจากสมาชิกจนถึงวันที่ยุติสัญญา (2 กุมภาพันธ์ 2560) โดยจะไม่มีการนำค่ารักษาพยาบาลของสมาชิกที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมานั้นมาหักออกแต่อย่างใดทั้งสิ้น และจะให้ส่วนลดเป็นกรณีพิเศษแก่ท่านสมาชิก ในกรณีที่สมาชิกเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ภายหลังจากที่มีการยุติสัญญา สมาชิกจะได้รับส่วนลดตลอดชีพในอัตรา 50% ของยอดรวมค่ายา ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อการรักษา ค่าห้อง ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

ทั้งนี้ทางบริษัทฯ จำเป็นต้องยุติสัญญาโดยด่วนและทันทีเนื่องจากเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม นับแต่วันที่ยุติสัญญา เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 3 มีนาคม 2560 เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นบริษัทฯ จะยังคงให้บริการแก่สมาชิกไปพลางๆ ก่อนโดยสมาชิกไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ทั้งนี้ ในการให้บริการดังกล่าวไม่ใช่เป็นการดำเนินการตามสัญญา Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) ต่อไปแต่อย่างใด เพียงเป็นการให้บริการเพื่อให้สมาชิกได้มีการปรับสภาพและวิธีของการเข้ารับบริการทางการแพทย์ให้ช่วงเปลี่ยนผ่าน

สมาชิก Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime)รายอื่น ได้ให้ข้อมูลว่า จากการยกเลิกสัญญาดังกล่าวนั้นเกิดผลกระทบต่อสมาชิกดังนี้ 1. หากสมาชิกไปหาหมอที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ต้องชำระเงินเอง 100% ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2560 เป็นต้นไป 2. สมาชิกบางคนขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง เช่น โรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน เป็นต้น 3. สมาชิกทุกคนต้องได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีและคำแนะนำจากแพทย์เพื่อป้องกันโรค เช่น การฉัดวัคซีนต่างๆ วิธีการออกกำลังกาย การทานอาหารให้ถูกต้อง เป็นต้น 4. สมาชิกเกษียณอายุส่วนใหญ่ได้ยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ตลอดจนประกันสังคมไม่สามารถต่ออายุกรมธรรม์คืนกลับไปได้ 5. สมาชิกเกษียณอายุไม่สามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยใหม่ได้อีก เนื่องจากสูงอายุและโรคที่มีอยู่

นางสาวสสิธรให้ความเห็นต่อว่า “เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบผู้บริหารของทางโรงพยาบาล ดิฉันก็ได้บอกว่า ถ้าเป็นกรณีที่โรงพยาบาลพ้นวิสัยที่จะทำการรักษา หรือเนื่องจากธุรกิจไปต่อไม่ได้ดิฉันยังพอเข้าใจได้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะโรงพยาบาลมีการเติบโตอย่างมากมาย จะมาบอกเลิกสัญญาเฉยๆ ไม่ได้ ลักษณะมันเหมือนการเอาเปรียบทางด้านธุรกิจ ด้านผู้บริหารก็อ้างว่ามันผิดสัญญาประกันภัย ดิฉันก็ได้ถามไปว่ามีผู้ใดร้องเรียนว่าสัญญาที่ทำกับเรามันผิดสัญญาประกันภัย ผู้บริหารก็อ้างว่าเป็นทีมที่ปรึกษากฎหมาย ดิฉันก็ได้ตอบไปว่า เฉพาะทีมที่ปรึกษากฎหมายเพียงทีมเดียวที่เป็นคนให้ความเห็นถึงกับเลิกสมาชิกมันเป็นไปได้อย่างไร คือถ้าเกิดมองอย่างนั้น ควรจะมีหนังสือถามไปที่หน่วยงานสักหน่วยงานหนึ่งยังดีเสียกว่า แต่ว่ามันไม่มีหลักฐานอะไรชี้ชัดเลย มันเป็นแค่คำแนะนำของที่ปรึกษากฎหมาย ดิฉันมองว่ามันไม่เพียงพอ ทางโรงพยาบาลมีหนังสือแจ้งมาว่าขอยกเลิกเพราะว่ามันเข้าข่ายกฎหมายประกันภัย และทางโรงพยาบาลไม่มีใบอนุญาตในการทำสัญญาประกันภัย ทำให้สัญญาโครงการนี้ดำเนินต่อไปไม่ได้ จึงมีการเสนอเงื่อนไขตามจดหมายจากทางโรงพยาบาล”

“หลังจากได้รับจดหมายยกเลิก เราก็มีหนังสือตอบไปว่าเราไม่ขอรับเงื่อนไขของทางโรงพยาบาลแล้วก็มีหนังสือแจ้งไปทางผู้บริหารว่าขอเข้าพบเพื่อเจรจา แล้วก็ได้มีการเข้าพบ แต่ทางผู้บริหารก็ยังยืนยันว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ อีกอย่างหนึ่ง เงื่อนไขที่เขาจะคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย และค่ารักษาพยาบาลลด 50% ก็ไม่ชัดเจน เพราะเงื่อนไข 50% ก็ไม่ได้ระบุว่ารวมหรือไม่รวมอะไรบ้าง เมื่อดิฉันขอดูตัวแนบท้ายสัญญาเงื่อนไขการรับเงินว่ามีอะไรระบุไว้บ้างและถามว่า 50% มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ทางโรงพยาบาลก็ไม่มีให้ จึงมองว่าเจตนาของโรงพยาบาลไม่สุจริต” นางสสิธรกล่าว

นางสสิธรกล่าวว่า ปัจจุบันมีสมาชิกที่ต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องเยอะ เพราะมันก็ 8 ปีมาแล้ว แต่ละคนโรคภัยไข้เจ็บก็มากขึ้นตามอายุ บางคนก็อายุเกิน 60 การที่ไปทำประกัน อย่างตนเองเมื่อก่อนมีประกันสุขภาพและประกันชีวิตก็ยกเลิกไปเพราะมีความรู้สึกว่าการที่เรามาซื้อสิทธิ์ตรงนี้มันคุ้มครองไปตลอดชีวิต ตนไม่ได้เผื่อสำรองเอาไว้เป็นค่ารักษาพยาบาล เพราะฉะนั้น ขณะนี้จะให้ตนไปซื้อประกันภัย ประกันสุขภาพอื่นๆ มันก็สายไปแล้ว อายุมันก็มากขึ้น มีโรคภัยมากขึ้น และตนมองว่าถึงแม้ว่าทางโรงพยาบาลจะมีข้อเสนอมาให้แต่มันทดแทนกันไม่ได้ ส่วนวันนี้ที่มาพบ สคบ. ก็เพื่อร้องเรียนว่าเรามีการยกเลิกโดยไม่เป็นธรรม ส่วนจะฟ้องผ่าน สคบ. หรือไม่นั้นจะขอแจ้งภายหลัง โดยข้อเรียกร้องของสมาชิกคือ ให้ทางโรงพยาบาลพญาไท 2 คงสัญญาเดิมไว้ และจากสมาชิกทั้งหมด 52 คนนั้นมีผู้ที่รับเงื่อนไขของทางโรงพยาบาลไปแล้วจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นแพทย์