ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 มี.ค. 2560: “สังคมกังขา วิสามัญฯ เยาวชนนักกิจกรรมลาหู่ ‘ขนยา-ปาระเบิดสู้?'” และบังคับแล้ว ค้าขายออนไลน์

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 มี.ค. 2560: “สังคมกังขา วิสามัญฯ เยาวชนนักกิจกรรมลาหู่ ‘ขนยา-ปาระเบิดสู้?'” และบังคับแล้ว ค้าขายออนไลน์

25 มีนาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 18-24 มี.ค. 2560

  • สังคมกังขา วิสามัญฯ เยาวชนนักกิจกรรมลาหู่ “ขนยา-ปาระเบิดสู้?”
  • บังคับแล้ว ค้าขายออนไลน์ รายละเอียดสินค้าต้องชัด
  • แท็กซี่เผยปัญหา ค่าโดยสารไม่สะท้อนต้นทุน – อูเบอร์ ยัน ให้บริการต่อ
  • พุทธะอิสระยอมรับ “ประมาทเลินเล่อ” คลิปคุย ผอ.พศ. หลุด
  • ระทึกลอนดอน ขับรถชนคน-มีดแทงตำรวจ
  • สังคมกังขา วิสามัญฯ เยาวชนนักกิจกรรมลาหู่ “ขนยา-ปาระเบิดสู้?”

    ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวแก้ไขปัญหาเยาวชนไร้สัญชาติ ที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม ณ จุดตรวจสกัดยาเสพติดที่บ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
    ที่มาภาพ: เครือข่ายสื่อชนเผ่าพื้นเมือง ผ่านเว็บไซต์บีบีซีไทย (http://bbc.in/2nKyeeF)

    หลังจากวันที่ 17 มี.ค. 2560 มีรายงานว่า ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ นักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเรียกร้องให้เกิดแก้ไขปัญหาเยาวชนไร้สัญชาติ ถูกวิสามัญฆาตกรรม ณ จุดตรวจสกัดยาเสพติดที่บ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก็ได้เกิดกระแสความสงสัยในข้อเท็จจริงของกรณีดังกล่าวกระหึ่มไปทั่วสังคมออนไลน์

    โดยจากรายงานของเว็บไซต์ประชาไท เจ้าหน้าที่อ้างว่าพบยาบ้าจำนวนราว 2,800 เม็ดในรถที่ชัยภูมินั่งมาโดยมีพงศนัย แสงตะหล้า เป็นคนขับมา จากนั้น ชัยภูมิพยายามขัดขืนการจับกุม โดยหยิบมีดจากหลังรถพยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ และวิ่งหลบหนีไปในป่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตามไปพบว่า ผู้ตายกำลังจะปาระเบิดชนิดขว้างสังหารใส่ จึงได้ทำการวิสามัญโดยยิงเข้าที่ตัวผู้ตาย 1 นัด

    ทว่า จากการรายงานของไทยพีบีเอส คำให้การของพยานในที่เกิดเหตุนั้นกลับไม่เป็นไปในทางเดียวกันกับเจ้าหน้าที่ โดยพยานระบุว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ ชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ ตอนที่ชาวบ้านจะเข้าไปใกล้ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่า “ไม่ต้องเข้าใกล้ มันไม่มีอะไร มันยังไม่ตาย” และมีคำให้การพยานแวดล้อมสถานที่เกิดเหตุยืนยันว่าได้ยินเสียงปืน 3 นัด โดย 2 นัดแรกเกิดขึ้นก่อนที่นายชัยภูมิจะวิ่งไปในที่จุดที่ถูกยิงเสียชีวิต ต่อมาได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด และเห็นชัยภูมิล้มลง “ชาวบ้านเห็นเยอะแยะ อยู่ในรถลากเขาออกมาซ้อม เหยียบหน้าเขาไว้ แล้วยิงขู่สองนัด พอหลุดจากที่ทหารซ้อม พอหลุดไป ก็วิ่งหนี พอวิ่งหนี ทหารก็ไล่ยิง แล้วไม่ให้ชาวบ้านเข้าใกล้ด้วย”

    นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตโดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่า เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปของคนในพื้นที่ว่าด่านดังกล่าวเป็นด่านถาวรและมีการตรวจจับยาเสพติดอย่างเข้มข้น จึงน่าสงสัยว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น นายชัยภูมิยังจะกล้าพกพาอาวุธและยาเสพติดผ่านด่านดังกล่าวจริงๆ หรือ นอกจากนี้ ยาบ้าที่พบนั้น เมื่อดูจากหีบห่อแล้วพบว่าเป็นของกลุ่มว้า แต่ปรกติแล้วหากชาวลาหู่จะขนยาบ้า ก็จะขนยาบ้าของชาวลาหู่ด้วยกัน ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์อีกแบบและมีราคาถูกกว่าของว้า

    ต่อกรณีดังกล่าว จากการรายงานของเว็บไซต์มติชนออนไลน์และเว็บไซต์เดลินิวส์ พล.ต.ท. พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 บอกว่า จากการให้การของพงศนัยนั้น ระหว่างที่เดินทางมาด้วยกัน ชัยภูมิมีการใช้โทรศัพท์ติดต่อกับผู้อื่นด้วยภาษาพื้นเมืองหลายครั้ง และ ผบช.ภ.5 ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของชัยภูมิ พบว่ามีเงินฝากเข้าในธนาคารบัญชีโรงเรียนสัปดาห์ละหลักพันบาท และมีการจับจ่ายใช้สอยอย่างมือเติบ ยิ่งไปกว่านั้น ชัยภูมิยังเคยถูกตำรวจล่อซื้อยา มีหลักฐานครบทุกอย่างแต่หลบหนีการจับกุมไปได้ และในคดีนั้นทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานและกำลังจะออกหมายจับอยู่แล้ว

    อย่างไรก็ดี ก็ได้มีการตั้งแคมเปญในเว็บไซต์ change.org รวบรวมรายชื่อเพื่อให้มีการเปิดเผยภาพที่บันทึกไว้ในกล้องวงจรปิดของด่านที่เกิดเหตุ โดยอ้างอิงรายละเอียดจากข่าวที่ว่า พล.ท. วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเป็นการตั้งด่านตามปกติสามารถตรวจสอบได้จากกล้องวงจรปิด CCTV

    บังคับแล้ว ค้าขายออนไลน์ รายละเอียดสินค้าต้องชัด

    วันที่ 20 มี.ค. 2560 เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 44 พ.ศ. 2560 เรื่องการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและบริการ ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือออนไลน์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

    “โดยที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๐ เห็นควรกำหนดให้มีการกำกับดูแลการแสดงราคาและรายละเอียดเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าและ บริการผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสในการเปรียบเทียบ ราคาหรือค่าบริการก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๙ (๕) มาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จึงออกประกาศดังต่อไปนี้

    ข้อ ๑ ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ เป็นต้นไป

    ข้อ ๒ ในประกาศนี้ “ผู้ประกอบธุรกิจ” ได้แก่ ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ผ่านระบบพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์

    ข้อ ๓ ให้ผู้ประกอบธุรกิจแสดงราคาจำหน่าย ค่าบริการ รวมถึงประเภท ชนิด ลักษณะ ขนาด น้ำหนัก และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ โดยการเขียน พิมพ์ หรือกระทำให้ปรากฏ ด้วยวิธีอื่นใดในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบออนไลน์ของผู้ประกอบธุรกิจนั้น ในลักษณะที่ชัดเจน ครบถ้วน เปิดเผย สามารถอ่านได้โดยง่าย การแสดงราคาจำหน่ายสินค้า ค่าบริการตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงราคาต่อหน่วย ราคาหรือ ค่าบริการนั้นจะมีตัวเลขภาษาใดก็ได้ แต่ต้องมีตัวเลขอารบิคอยู่ด้วย สำหรับข้อความหรือรายการที่แสดงควบคู่กับราคาจำหน่ายหรือค่าบริการต้องเป็นภาษาไทย แต่จะมีภาษาอื่นด้วยก็ได้

    ข้อ ๔ กรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากราคาจำหน่ายสินค้าหรือ ค่าบริการที่ให้บริการที่แสดงไว้ตามข้อ ๓ ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องแสดงค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วนและเปิดเผย โดยแสดงไว้ควบคู่กับการแสดงราคาจำหน่ายสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการ

    ข้อ ๕ การแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้าหรือค่าบริการที่ให้บริการตามข้อ ๓ ต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่าย หรือค่าบริการที่ให้บริการ ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายหรือให้บริการแก่ผู้ซื้อต่ำกว่า ราคาจำหน่าย หรือค่าบริการที่แสดงไว้

    ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐

    อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
    ประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ”

    แท็กซี่เผยปัญหา ค่าโดยสารไม่สะท้อนต้นทุน – อูเบอร์ ยัน ให้บริการต่อ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (https://goo.gl/89Pv9V)

    เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า วันที่ 20 มี.ค. 2560 ตัวแทนแท็กซี่เข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงคมนาคมกรณี Grab-Uber แย่งลูกค้า โดยนายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยถึงปัญหาที่แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารว่าต้องการให้กระทรวงคมนาคมทบทวนโครงสร้างค่าโดยสารในปัจจุบันให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เนื่องจากสาเหตุหลักของการปฏิเสธผู้โดยสารนั้นเป็นเพราะไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ไม่คุ้มค่าที่จะไปส่งผู้โดยสาร และยังเปิดเผยว่า ตนสนับสนุนแนวทางที่กรมขนส่งทางบกจะทำแอปพลิเคชัน Smart Taxi ที่พัฒนาโดยคนไทย ยกระดับแท็กซี่ไทยด้วยความปลอดภัยในการติดกล้องวงจรปิด และการใช้บัตรแสดงตัวตนผู้ขับขี่

    ทางด้านของอูเบอร์นั้น เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2560 นางเอมี่ กุลโรจน์ปัญญา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายรัฐสัมพันธ์สื่อสารองค์กรประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของอูเบอร์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม และตัวแทนจากมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11.) เพื่อแก้ไขปัญหาการให้บริการที่ผิดกฎหมาย โดยนำรถส่วนบุคคล หรือรถป้ายดำมาวิ่งให้บริการเป็นรถโดยสารสาธารณะ หรือรถป้ายเหลืองว่า ที่ประชุมได้ตกลงร่วมกันเฉพาะประเด็นให้มีการศึกษาความเหมาะสมร่วมกันเท่านั้น โดยอูเบอร์ไม่ได้รับปากเรื่องจะยุติการให้บริการแต่อย่างใด โดยยืนยันที่จะเดินหน้าให้บริการต่อไป เพราะบริการของอูเบอร์ไม่ได้ผิดกฎหมาย เพียงแต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับระบบบริการร่วมเดินทางของอูเบอร์มากกว่า ขณะที่อินโดนิเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ มีกฎหมายรองรับและสามารถให้บริการได้ ส่วนกรณีที่เครือข่ายสมาชิกถูกทางการไล่จับและปรับนั้น ที่ผ่านมาอูเบอร์ได้ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

    พุทธะอิสระยอมรับ “ประมาทเลินเล่อ” คลิปคุย ผอ.พศ. หลุด

    พระพุทธะอิสระ
    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ (https://goo.gl/F2dNzk)

    วันที่ 22 มี.ค. 2560 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า จากกรณีได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านทางเฟซบุ๊ก เช่น ตื่นเถิดชาวพุทธ โดยคลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นภาพพระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม กำลังสนทนาทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท. พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยทางพระพุทธะอิสระได้สอบถามถึงความคืบหน้าการดำเนินงานกรณีวัดพระธรรมกาย ขณะที่ผอ.พศ.ยืนยันไม่ทราบเรื่องที่พระพุทธะอิสระได้แอบอัดคลิปเอาไว้ และล่าสุดทาง ผอ.พศ. ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กับผู้ที่ปล่อยคลิปและผู้ที่ตัดต่อคลิปแล้ว

    จากกรณีดังกล่าว หลวงปู่พระพุทธะอิสระ ให้สัมภาษณ์กับ “เดลินิวส์ออนไลน์” ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเพิ่งจะเห็นข้อมูลเมื่อเช้านี้ โดยทาง ผอ.พศ. ได้โทรฯ มาคุยว่าสิ่งที่พูดกันถึงเรื่องการดำเนินคดีกับทางศาลสงฆ์ เพราะเราเป็นคนโทรฯ ไปถามเองว่าคืบหน้าถึงไหนอย่างไร ขณะที่ทาง ผอ.พศ. ได้อธิบายให้ฟังว่าติดขัดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งตนเองในฐานะที่เคยเป็นเจ้าคณะปกครองเคยใช้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ก็ทราบว่ามีขั้นตอนอย่างไรในการที่จะดำเนินการได้เลย จึงแนะนำทาง ผอ.พศ. ไปว่าถ้าเป็นไปได้น่าจะทำตามนี้ อย่างนี้น่าจะทำได้ เพราะเจ้าคณะปกครอง เจ้าคณะจังหวัดจะสั่งได้ทุกเรื่องซึ่งหากไม่ขัดต่อระเบียบปฏิบัติของคณะสงฆ์มันทำได้ทั้งนั้น เจ้าคณะจังหวัดสามารถไปรักษาการณ์แทนจังหวัดต่างๆได้หรือไม่ก็ให้เจ้าคณะตำบล อำเภอไปทำหน้าที่ก็ได้ หากเห็นว่าบุคคลที่รักษาการณ์แทนอยู่นั้นอาจจะมีปัญหาเรื่องเป็นปรปักษ์ต่อการสืบสวนสอบสวนเอาคนผิดมาลงโทษมันก็สามารถจะแต่งตั้งคนนอกเข้าไปได้ เราก็แนะนำ ผอ.พศ. ไป

    หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า แต่ประเด็นคือมีคนเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่และเป็นเหมือนกับพระพุทธะอิสระเป็นผู้บัญชาการ ผอ.พศ. ไปประมาณนั้น และเราก็ต้องยอมรับผิดกับ ผอ.พศ. ว่าเราประมาทเลินเล่อไปปล่อยให้สิ่งเหล่านี้หลุดออกไปได้ ก็ต้องขออภัย ผอ.พศ. ส่วนเรื่องที่ทาง ผอ.พศ. ไปแจ้งความกล่าวทุกข์ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้เพราะเขาเสียหาย ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายและตกใจอะไร เพราะพระพุทธะอิสระไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิปอยู่แล้ว เล่นไม่เป็นเรื่องพวกนี้ ไม่เคยใช้อินเตอร์เน็ตไอที อย่างไรก็ตามคนที่ปล่อยคลิปเป็นคนใกล้ตัวเราปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ซึ่งในวันที่ 23 มี.ค. จะให้คนที่ปล่อยคลิปซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายรวบรวมข้อมูลไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

    ระทึกลอนดอน ขับรถชนคน-มีดแทงตำรวจ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/?p=266787)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานโดยอ้างบีบีซีถึงสรุปเหตุการณ์ระทึกขวัญกลางกรุงลอนดอนที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 22 มี.ค. 2560 ว่า เริ่มต้นจากเหตุการณ์ที่คนร้ายขับรถยนต์ไล่ชนผู้คนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์ ใกล้กับอาคารรัฐสภาและบิ๊กเบน แลนด์มาร์กของกรุงลอนดอน จากนั้นรถคันดังกล่าวขับพุ่งไปชนรั้วเหล็กจนแน่นิ่ง คนร้ายลงมาจากรถแล้วมุ่งหน้าต่อไปยังตึกรัฐสภา ตรงเข้าแทงตำรวจที่รักษาความปลอดภัยอยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่นายอื่นยิงสกัดเข้าใส่คนร้าย โดยพยานได้ยินเสียงเตือนก่อน ตามด้วยการยิงกระสุน 3 นัด

    ทั้งนี้ จากเหตุดังกล่าว ตำรวจแถลงจำนวนผู้เสียชีวิตว่ามีอย่างน้อย 4 ราย โดยรายหนึ่งเป็นเข้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกแทง ส่วนผู้บาดเจ็บนั้นมีกว่า 40 ราย

    มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นตรงกับวันครบรอบ 1 ปี การก่อการร้ายที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดยสมาชิกสายสุดโต่งที่เชื่อมโยงถึงกองกำลังอิสลาม หรือไอเอส สังหารเหยื่อ 32 ราย ขณะที่อังกฤษเองเพิ่งใช้มาตรการห้ามผู้โดยสารเครื่องบินนำแล็ปท็อปขึ้นเครืี่องบางสายการบิน เนื่องจากได้รับรายงานเสี่ยงภัยก่อการร้ายจากไอเอส