ThaiPublica > เกาะกระแส > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ > ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 มี.ค. 2560: “โปรดเกล้าฯ ถอดสมณศักดิ์ ‘ธัมมชโย’ พศ. ยัน ‘ไม่ใช่สึก’ และ “ปิดตำนานนักข่าวคนจริง อาลัย “เจ๊ยุ” สิ้นลมอย่างสงบ

ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 มี.ค. 2560: “โปรดเกล้าฯ ถอดสมณศักดิ์ ‘ธัมมชโย’ พศ. ยัน ‘ไม่ใช่สึก’ และ “ปิดตำนานนักข่าวคนจริง อาลัย “เจ๊ยุ” สิ้นลมอย่างสงบ

11 มีนาคม 2017


ประเด็นฮอตรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 4-10 มี.ค. 2560

  • โปรดเกล้าฯ ถอดสมณศักดิ์ “ธัมมชโย” พศ. ยัน “ไม่ใช่สึก”
  • “กินหรู-อยู่เลิศ” เปิดงบดูงานหน่วยงานทั้งหลาย ละลายแม่น้ำหรือนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปิดตำนานนักข่าวคนจริง อาลัย “เจ๊ยุ” สิ้นลมอย่างสงบ
  • นายกฯ โยนหินมาประชาชนปาหินกลับ “ประยุทธ์” ยัน ไม่ขึ้น VAT
  • “ห้ามมาห้ามกลับไม่โกง” คนละหมัด “เกาหลีเหนือ-มาเลย์” ห้ามคนอีกชาติออกนอกประเทศ
  • โปรดเกล้าฯ ถอดสมณศักดิ์ “ธัมมชโย” พศ. ยัน “ไม่ใช่สึก”

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ข่าวสด (https://www.khaosod.co.th/?p=241855)
    ภาพ “พระธัมมชโย”ปล่อยนกพิราบ หน้ากุฏิใกล้ๆภายในวัดพระธรรมกาย วันที่ 3 พฤษภาคม 2559 (ตามแถลงการณ์วัดพระธรรมกาย)

    เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2560 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนสมณศักดิ์ ด้วยพระเทพญาณมหามุนี (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีกระทำความผิดข้อหาร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ตามที่ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ ที่ 942/2559 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2559 และยังถูกกล่าวหาในคดีอาญาฐานอื่นอีกหลายฐานความผิด ซึ่งอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องในบางคดีด้วยแล้ว แต่พระเทพญาณมหามุนีไม่ยอมมอบตัวตามหมายเรียก และได้หลบหนีคดีดังกล่าว จึงไม่สมควรดำรงอยู่ในสมณศักดิ์ต่อไป และได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต่อไปแล้ว

    บัดนี้ ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ถอดถอน พระเทพญาณมหามุนี (พระไชยบูลย์ สุทธิผล) ออกจากสมณศักดิ์ ตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 2560 ประกาศ ณ วันที่ 5 มี.ค. 2560 ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

    อย่างไรก็ดี พ.ต.ท. พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ชี้แจงว่า กรณีที่หลายฝ่ายมองว่า การถอดสมณศักดิ์ เป็นการสึกพระธัมมชโยด้วย นั้น ตนขอชี้แจงว่า การถอดออกจากสมณศักดิ์ กับการสึก เป็นคนละเรื่องกัน ต้องแยกให้ชัดเจน ถอดสมณศักดิ์ คือ การถอดออกจากการเป็นพระราชาคณะชั้น เทพ สำหรับกระบวนการสึกนั้น ต้องให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการตามระบบพระธรรมวินัย ซึ่งแยกจากกฎหมายบ้านเมือง

    “กินหรู-อยู่เลิศ” เปิดงบดูงานหน่วยงานทั้งหลาย ละลายแม่น้ำหรือนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์ไทยพับลิก้า https://thaipublica.org

    วันที่ 7 มี.ค. 2560 เว็บไซต์ไทยพับลิก้ารายงานเปิดเผยงบดูงานต่างประเทศของนักศึกษาหลักสูตร “นิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย” (นธป.) ของวิทยาลัยรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการเดินทางไปยังสหราชอาณาจักร สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และสาธารณรัฐอินเดีย รวมเงินงบประมาณที่ขอรับจัดสรร จำนวน 16,005,341 บาท โดยโครงการ “จ้างเหมาบริการในการจัดหาบัตรโดยสารเครื่องบิน โรงแรมที่พัก การบริการเอกสาร และพาหนะรับส่งในการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ณ สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐไอร์แลนด์” ระหว่างวันที่ 15-25 กรกฎาคม 2559 วงเงินงบประมาณ 10,478,306 บาท และโครงการ “จัดจ้างผู้ประกอบการให้บริการด้านการเดินทางและที่พักในการศึกษาดูงานตามโครงการอบรมหลักสูตร นธป. รุ่นที่ 4 ณ สาธารณรัฐอินเดีย” ระหว่างวันที่ 5-10 มีนาคม 2559 วงเงินงบประมาณที่ได้รับการสรรจัด 5,527,035 บาท

    ทั้งนี้ ได้กำหนดขอบเขตงานจ้างเหมาบริการ เช่น
    1. จัดหาตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศไป-กลับ ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด (กรุงเทพฯ-อินเดีย-กรุงเทพฯ)
    2. จัดหาตั๋วเครื่องบินภายในสาธารณรัฐอินเดีย ชั้นธุรกิจและชั้นประหยัดสำหรับการเดินทางภายในประเทศ 3 เที่ยวบิน (พาราณสี-มุมไบ, มุมไบ-ออรังกาบัด, ออรังกาบัด- มุมไบ)
    3. จัดการพาหนะสำหรับเดินทางภายในสาธารณรัฐอินเดีย คือ รถโค้ชปรับอากาศสภาพดี จำนวนไม่น้อยกว่า 2 คัน
    4. จัดหาที่พัก โดยจัดเตรียมห้องพักเดี่ยวและห้องพักคู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว ในทำเลที่เหมาะสม โดยผู้ว่าจ้างจะพิจารณาราคาค่าเช่าห้องพักภายในอัตราที่ทางราชการกำหนด
    5. จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ ตลอดระยะเวลาการเดินทางตามที่ตกลงกัน
    6. ดำเนินการถ่ายภาพให้แก่คณะเดินทางตลอดระยะเวลาการเดินทาง โดยช่างภาพที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในการถ่ายภาพ พร้อมบันทึกภาพลงแผ่นดีวีดีบันทึกข้อมูลส่งมอบให้ผู้ว่าจ้าง

    ทั้งนี้ นักศึกษาหลักสูตร นธป. รุ่นที่ 4 ได้จัดทำรายงานการศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร จำนวน 1 เล่ม ความหนา 8 หน้ากระดาษเอสี่ (รวมปก) โดยระบุว่าไปได้เดินทางศึกษาดูงาน 6 องค์กร คือ ศาลสูงบอมเบย์ มหาวิทยาลัย Dr. Babasaheb Ambedkar Marathwada University (BAMU) เมืองออรังกาบัด, ศาลสูงไอร์แลนด์ มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟ The Honorable Society Of The Inner Tempol และหอสมุดแห่งชาติอังกฤษ

    ขณะเดียวกัน ทางด้านหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มีการการออกมาชี้แจงถึงกรณีการใช้งบประมาณดำเนินการโครงการฝึกอบรมหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่น 8 วงเงิน 18.6 ล้านบาท โดย พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต.รักษาการเลขาธิการ กกต. ชี้แจงว่า วงเงินดังกล่าวเป็นงบในการดำเนินการทั้งโครงการ ซึ่งรวมไปถึงการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ไม่ใช่งบดูงานต่างประเทศเพียงอย่างเดียวตามที่มีสื่อบางสำนักนำเสนอ ที่ผ่านมาในการฝึกอบรมทุกรุ่นก็จะใช้งบประมาณนี้ การใช้งบในรุ่นนี้ไม่ได้สูงเกินปกติ แต่ทั้งนี้งบแต่ละรุ่นจะมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้เข้ารับการอบรมและระยะเวลาในการอบรม

    ปิดตำนานนักข่าวคนจริง อาลัย “เจ๊ยุ” สิ้นลมอย่างสงบ

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์เดลินิวส์ (https://goo.gl/CUaTzG)

    เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2560 นายปรัชญาชัย ดัชถุยาวัตร โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการเสียชีวิตของนางยุวดี ธัญญสิริ หรือเจ๊ยุ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล ว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของนางยุวดี และถือเป็นการสูญเสียบุคลากรที่สำคัญในวงการวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งเจ๊ยุได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนมานานกว่า 40 ปี เป็นที่ยอมรับของคนในแวดวงสื่อและสาธารณชนทั่วไป  ในโอกาสนี้ สมาคมนักข่าวฯ และองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพนางยุวดี ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ เวลา 18.00 น. ณ ศาลา 10  วัดโสมนัสราชวรวิหาร

    โฆษกสมาคมนักข่าวฯ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ สมาคมนักข่าวฯ จะหารือกับองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติและรำลึกถึงคุณูปการของนางยุวดีต่อวิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป ทั้งนี้ ในโอกาสวันนักข่าวเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2559 สมาคมนักข่าวฯ ได้ทำหนังสือ “เส้นทาง…คนหนังสือพิมพ์” ซึ่งบันทึกประวัติเรื่องราวและประสบการณ์ของคนหนังสือพิมพ์ จำนวน 17 คน และเป็นการเชิดชูเกียรติให้นักหนังสือพิมพ์อาวุโสที่รวมถึงนางยุวดีด้วย
                    
    “หลังจากเจ๊ยุไม่ได้ทำงานประจำที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ได้เข้ามาที่สมาคมนักข่าวฯเป็นประจำทุกๆเช้า  ได้พบปะพี่น้องในแวดวงสื่อมวลชน และได้พูดคุยกับนักข่าวอาวุโสหลายคนและกรรมการสมาคมนักข่าวฯ เรื่องร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. ของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่าอย่าไปยอมให้รัฐมาคุมสื่อ ขอให้คัดค้านให้ถึงที่สุด เจตนารมย์ของเจ๊ยุเป็นพลังที่สำคัญอีกท่านหนึ่งที่จะทำให้พี่น้องในวงการสื่อรวมพลังคัดค้านกฎหมายคุมสื่อฉบับนี้ให้ถึงที่สุด”นายปรัชญาชัย กล่าว
                   
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการเสียชีวิตของนางยุวดี บรรดาผู้สื่อข่าวหลายสำนักข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ได้โพสต์รูปภาพและข้อความในเฟซบุ๊กของแต่ละคน เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของนางยุวดี  สำหรับพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพนางยุวดี ที่ศาลา 10 วัดโสมนัสราชวรวิหาร ในวันที่ 11 มี.ค. 2560 เวลา 17.00 น. นั้น พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีดังกล่าว

    นายกฯ โยนหินมาประชาชนปาหินกลับ “ประยุทธ์” ยัน ไม่ขึ้น VAT

    ที่มาภาพ: เว็บไซต์วอยซ์ทีวี (https://goo.gl/zpDVFm)

    วันที่ 9 มี.ค. 2560 เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุถึงงบประมาณของประเทศว่า ประเทศไทยอยู่ด้วยระบบทุนนิยมเสรี ซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ และมีภาษีจากข้าราชการ ที่มีการเสียภาษีเต็มจำนวนทั้งหมด ขณะที่ประชาชนจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ซึ่งยังอยู่ที่ร้อยละ 7 มาหลายปี แต่หากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 (เป็นร้อยละ 8) จะทำให้รายได้ประเทศเพิ่มขึ้นกว่าแสนล้านบาท ทำให้งบประมาณของรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อเอางบประมาณดังกล่าวไปทำในสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง ขณะเดียวกันราคาสินค้าไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ตูดขาด แต่เดินด้วยความระมัดระวังและมีภูมิคุ้มกันอยู่ตลอด สามารถบริหารจัดการได้ เงินกู้ต่างๆ อยู่ในกรอบทั้งหมด และหนี้สาธารณะลดลง

    นายกรัฐมนตรี เผยว่า สิ่งที่กำลังลงทุนจะเกิดมูลค่า และรายได้ในปีหน้าและปีต่อไป ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ หลายอย่างรัฐบาลไม่สามารถทำเร็วมากได้ เพราะยังติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย ดังนั้นขออย่าทำอะไรตามใจมากนัก

    ทว่า ในวันต่อมา เว็บไซต์วอยซ์ทีวีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีย้ำยังไม่มีแนวคิดเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม 1% อย่างที่สื่อเสนอข่าว พร้อมบอก สื่อเขียนข่าวพาดหัวให้มีความขัดแย้งเพราะอยากให้คนชื้อ “น่ารังเกียจ” แต่ไม่ใช่ทุกคน สื่อที่รักตนยังมีอยู่ เพราะทุกวันนี้ บางสื่อเองยังไม่เข้าใจ เอาเรื่องดีๆ เขียนโยนได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ 4.0 เรื่องพระ เอาไปโยงกันไว้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ตนพูดในทุกวันศุกร์ กว่า 3 ปี ปีละ 52 ครั้ง รวมแล้วกว่า 150 ครั้ง ก็แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย

    ต่อเรื่องเดียวกันนั้น พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากเจตนาที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรี จึงมีการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้อง เพราะนายกฯ เพียงต้องการชี้ให้เห็นว่า เมื่อประชาชนเสนอข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือมายังรัฐบาลหลายเรื่อง แต่รายได้หลักของรัฐบาลมาจากการเก็บภาษีแต่เพียงอย่างเดียว แล้วจะนำเงินที่ไหนไปจ่าย ฉะนั้น หากประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ หรือได้รับเงินจากภาครัฐ ประชาชนก็ต้องรู้จักเสียสละด้วย โดยได้ยกตัวอย่างว่า หากประชาชนจ่ายภาษี VAT เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 ก็จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 100,000 ล้านบาท

    ไม่โกง “ห้ามมาห้ามกลับ” คนละหมัด “เกาหลีเหนือ-มาเลย์” ห้ามคนอีกชาติออกนอกประเทศ

    วันที่ 7 มี.ค. 2560 เว็บไซต์เนชั่นทีวีรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือแจ้งสถานทูตมาเลเซียในกรุงเปียงยางว่า พลเมืองชาวมาเลเซียทั้งหมดในเกาหลีเหนือ จะไม่ได้รับอนุญาตออกนอกประเทศชั่วคราว จนกว่าความปลอดภัยของนักการทูตและพลเมืองเกาหลีเหนือในมาเลเซียจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ผ่านการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย

    ขณะที่กระทรวงมหาดไทยมาเลเซียตอบโต้ทันที โดยห้ามเจ้าหน้าที่และนักการทูตเกาหลีเหนือออกนอกจากมาเลเซีย แต่คำสั่งไม่รวมถึงพลเมืองเกาหลีเหนือ

    ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติเลวร้ายลงเรื่อยๆ นับจากเกิดเหตุลอบสังหารคิม จอง-นัมพี่ชายต่างมารดาของคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์เมื่อ 13 ก.พ. และเกาหลีเหนือวิจารณ์การสอบสวน