ThaiPublica > เกาะกระแส > นายกฯ เผย สนช. เตรียมอัญเชิญพระบรมโอรสาธิราชฯ เป็น รัชกาลที่ 10 – ไฟเขียว มาตรการเที่ยวช่วยชาติ ลดภาษีสูงสุด 30,000 บาท

นายกฯ เผย สนช. เตรียมอัญเชิญพระบรมโอรสาธิราชฯ เป็น รัชกาลที่ 10 – ไฟเขียว มาตรการเที่ยวช่วยชาติ ลดภาษีสูงสุด 30,000 บาท

29 พฤศจิกายน 2016


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทีมาภาพ : www.thaigov.go.th
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการประชุมคณะรัฐมนตรี โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน

ในวันเดียวกันนี้เวลา 11.19 น. ที่รัฐสภา เป็นวันที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประชุมวาระพิเศษครั้งที่ 76/2559 เพื่อดำเนินการตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ประกอบกับมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เรื่อง การสืบราชสันตติวงศ์

ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในฐานะประธานรัฐสภา จะเป็นผู้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสืบไป

สำหรับขั้นตอนต่อไป คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงรับขึ้นครองราชย์ และประธานสภาประกาศต่อสาธารณชนลงราชกิจจานุเบกษา

สนช. เตรียมอัญเชิญพระบรมโอรสาธิราชฯ เป็น รัชกาลที่ 10

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงการประชุมนัดพิเศษของ สนช. ว่า วันนี้เป็นภารกิจสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่ดำเนินการตามขั้นตอนการอัญเชิญรัชทายาทเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์ตามรัฐธรรมนูญ พระราชประเพณี และกฎมณเฑียรบาล ทุกประการ โดยขั้นตอนได้กำหนดไว้ตามกฎหมายมาแล้ว 25 ปี และเนื่องจากพระราชบัลลังก์ว่างลง จึงต้องมีการสถาปนาพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งมีการแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้ว (พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงเป็นผู้สถาปนาไว้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515)

วันนี้ ครม. มีมติรับทราบ และเป็นการเริ่มต้นกระบวนการ โดยทำหนังสือแจ้งไปยัง สนช. จากนั้น เมื่อ สนช. รับทราบ ก็จะได้อัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 ต่อไป ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี

เมื่อถามว่า ประชาชนต้องเตรียมตัวอย่างไรกับการที่มีพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า จะต้องเตรียมตัวอะไร เราก็อยู่กับพระมหากษัตริย์มาตลอดชีวิต ก่อนหน้านี้ได้เตรียมตัวอะไรหรือไม่

เมื่อถามถึงการแต่งกายและการถวายพระพรของประชาชน พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า เป็นกระบวนการภายใน เพราะวันนี้เป็นขั้นตอนเริ่มต้น

นายกฯ ยัน ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ไม่ล้ำอำนาจบริหาร-ไม่เลื่อนเลือกตั้ง

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งเกี่ยวกับการทำงานตามยุทธศาสตร์ของชาติ ว่า เพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติดำเนินได้ในช่วงที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ จึงให้ กรธ. ชี้แจงเกี่ยวข้องกับการทำกฎหมายลูกที่ทำร่วมกับสภาพัฒน์ฯ ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ย้ำว่า ยุทธศาสตร์แห่งชาตินี้จะไม่ทับซ้อนกับอำนาจบริหารของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่จะเข้ามาทำหน้าที่

“ผมคงเกี่ยวข้องเฉพาะแผนที่ 12 ก่อน คือ ช่วงปี 2560-2564 ถือว่าอยู่ในช่วงของปีแรกของแผน สภาพัฒน์ฯ จะทำเริ่มต้นไว้ให้ ยุทธศาสตร์แห่งชาตินี้ก็เพื่อประโยชน์และความยั่งยืนของประเทศ อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง ขอร้องอย่าพูด ไม่เกิดประโยชน์ ” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า จะดำเนินการตามโรดแมปสู่การเลือกตั้ง ส่วนจะมีปัจจัยกระทบต่อโรดแมปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในและต่างประเทศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเอง

ไทยติดท็อป 3 เหลื่อมล้ำ นายกฯ ตัดพ้อ สถานการณ์แบบนี้ ใครก็แก้ไม่ได้

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยติด 3 อันดับแรกที่มีช่องว่างระหว่างรายได้ของคนรวยและคนจนมากที่สุด ของ Credit Suisse’s Global Wealth Report 2016 ว่า ต้องดูว่าเกิดจากอะไร เกิดจากการสร้างความสมดุลของการเติบโตเศรษฐกิจภายในประเทศพอหรือยัง ซึ่งตนก็ตอบได้ว่ายัง รัฐบาลเสริมสร้างความเข้มแข็งในพื้นที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และเราไม่สามารถบังคับคนทุกคนให้ทำตามได้หมด เพราะขึ้นอยู่กับความสมัครใจ

พล.อ. ประยุทธ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า “ผมยกตัวอย่าง มีการส่งเสริมให้ทำเกษตรแปลงใหญ่ วันนี้เราก็ทำได้มากพอสมควร แต่ก็ยังไม่มากพอ เพราะวันนี้เราทำให้เขาระแวงรัฐ แต่ก็ต้องเห็นใจ ว่าอย่างน้อยเราก็ได้เริ่มต้นไว้ แล้ววันนี้ก็มีงบประมาณลงไปในส่วนท้องถิ่น อำเภอ ตำบล จังหวัด นั่นคือการสร้างความเข้มแข็งให้เขา ไม่ใช่เอาเงินไปแจก ให้เขานำงบไปจัดสรรตามความต้องการเอง เหมือนเราให้เบ็ดตกปลาเขาไป แล้วเรามีแหล่งน้ำที่มีปลาเยอะให้เขาหรือยัง ถ้าเราสร้างสภาวะภายในประเทศให้ดูไม่ปลอดภัย ไม่มีเสถียรภาพ มีข่าวความขัดแย้งกัน ไม่ใช่เพราะผมอยู่แล้วทำไม่ได้หรือทำได้ ใครอยู่ก็ทำไม่ได้ ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ ยังมีคนพยายามบิดเบือนอยู่ทุกวันนี้”

นายกฯ สงสัย หลายคดีที่สังคมสนใจ สังคมได้อะไร

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาผู้มีอิทธิพลตามผับบาร์ว่า รัฐบาลมีแผนปราบปรามผู้มีอิทธิพลอยู่แล้ว และถือเป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้น ในหลายๆ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายก็มีอยู่หลายคดีที่ผู้คนให้ความสนใจ แต่อย่าลืม เราต้องมาทบทวนว่า คดีนั้นๆ เป็นคดีระหว่างใครกับใคร แล้วทำไมต้องเอาคนทั้งประเทศทั้งหมดเข้าไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์เหล่านั้นด้วย

“ถามว่าสังคมได้ประโยชน์อะไร หรือได้แต่สนุกทุกวัน แล้วเจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ มีแต่กดดันทุกทาง เพราะฉะนั้น ให้โอกาสเจ้าหน้าที่ทำงานบ้าง และทุกอย่างก็มีกฎหมายอยู่แล้ว อย่าไปให้ท้ายใครทั้งสิ้น ผมก็ไม่เคยให้ท้ายใคร ทุกคนก็อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันไม่ว่าจะเป็นฐานันดรใด ผิดก็คือผิด ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายเช่นกัน” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มาภาพ: www.thaigov.go.th

มติ ครม. ที่สำคัญอื่นๆ มีดังนี้

ไฟเขียวมาตรการเที่ยวช่วยชาติ ใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่.. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2559) โดยให้สามารนำค่าใช้จ่ายค่าบริการแก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและค่าที่พักโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม สำหรับเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคม 2559 ตามที่จ่ายจริงรวมกันทั้งหมดไม่เกิน 15,000 บาท

เมื่อรวมกับมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าบริการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือค่าที่พักโรงแรม สำหรับเดินทางในประเทศ ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2559 แล้วประชาชนจะได้รับยกเว้นภาษีไม่เกิน 30,000 บาท โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 150 ล้านบาท และจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท

“มาตรการนี้ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับบ้าน ซึ่งจะช่วยให้รายได้ประเทศไม่รั่วไหล เป็นการดึงมัคคุเทศก์ให้เข้าสู่ระบบ และตรวจสอบโรงแรมและที่พักให้ทำการจดทะเบียนให้ถูกต้อง เนื่องค่าใช้จ่ายที่จะนำมาลดหย่อนภาษีได้เฉพาะกรณีธุรกิจนำเที่ยวและที่พักดังกล่าวได้จดทะเบียนถูกต้องแล้วเท่านั้น สำหรับค่าตั๋วเดินทางนั้นหากเป็นการจองผ่านบริษัททัวร์ก็สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน” นายณัฐพรกล่าว

เห็นชอบชาวประมงกู้เปลี่ยนอาชีพ แก้ประมง IUU

นายณัฐพรกล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ในการเพิ่มวัตถุประสงค์การให้เงินให้แก่ชาวประมงที่ขอเปลี่ยนอาชีพ ตามโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวประมง “ประมงไทยก้าวไกลสู่สากล” ในกรอบวงเงิน 500 ล้านบาท จากเดิมมีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือชาวประมงกรณีต้องการปรับปรุงเรือประมง หรือเปลี่ยนเครื่องมือการทำประมง รวมทั้งอุปกรณ์ส่วนควบให้ถูกต้อง พร้อมขยายเวลาการดำเนินโครงการไปถึงวันที่ 30 เมษายน 2560 จากเดิมจะสิ้นสุดใน 31 ธันวาคม 2559

“ปัจจุบันมีผู้เข้าโครงการฯ แล้วจำนวน 129 ราย วงเงินกู้ 148 ล้านบาท ซึ่งยังคงเหลือ 352 ล้านบาท ที่สามารถดำเนินการและพร้อมสนับสนุนประชาชานที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพได้ เนื่องจากชาวประมงจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมโครงการแต่มีวัตถุประสงค์ต้องการเปลี่ยนอาชีพ โดยเฉพาะชาวประมงในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา จ.สงขลา และพื้นที่ จ.จันทบุรี จะขอเปลี่ยนอาชีพเป็นการเพาะปลูก การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง เลี้ยงสัตว์ทางการเกษตร เช่น วัว แพะ หมู ไก่ไข่ หรือการแปรรูปสัตว์น้ำ” นายณัฐพรกล่าว

แก้กฎหมายนิติบุคคล-ปิโตรเลียม ใช้สกุลเงินอื่นคำนวณภาษี

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อให้บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการกำหนดให้ใช้เงินสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช้สกุลเงินไทยในการคำนวณรายได้ รายจ่าย และกำไรสุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้ปิโตรเลียม {ร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….}

การแก้ไขดังกล่าวถือเป็นการยกระดับระบบบัญชีให้เป็นมาตรฐานสากล สอดคล้องกับรายงานการเงินระหว่างประเทศ ไม่เกิดความลักลั่นด้านมาตรฐานการบัญชีกับมาตรฐานภาษี เนื่องจากในอดีตมาตรฐานบัญชีให้ใช้เงินสลุกหลัก ส่วนมาตรฐานภาษีให้ใช้เงินสกุลไทย ผู้ประกอบการจึงต้องทำ 2 บัญชี และมาตรการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยจูงใจให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาจัดตั้งสำนักงานใหญ่ (IHQ) ในประเทศไทย ตลอดจนการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทยมากขึ้นด้วย พร้อมยืนยันว่ามาตรการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลแต่อย่างใด

“ที่ผ่านมา ในการเสียภาษีประจำปีของบริษัท ห้างหุ้นส่วน และนิติบุคคล ต้องใช้เงินสกุลไทยตามประมวลรัษฎากร รวมไปถึงการคำนวณภาษีเงินได้จากปิโตรเลียมเป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีอากร ต่อไปจะสามารถใช้เงินสกุลหลักที่ใช้ในการดำเนินงานมาคำนวณภาษีได้เลย เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริง ไม่เกิดผลกระทบจากความผันผวนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่จะมีนัยต่อกำไรขาดทุนของบริษัท” นายกอบศักดิ์กล่าว

“ประวิตร” เล็งแก้ผักตบฯ 6 ล้านตัน – ถก 3 หน่วยงานแก้รถติด แยกรัชโยธิน

พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุม ครม. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รายงานการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ซึ่งผลสำรวจล่าสุดพบว่ามีมากถึง 6.2 ล้านตัน ปัจจุบันสามารถกำจัดผักตบชวาไปได้ 1.2 ล้านตัน โดยมีหน่วยงานหลักที่ดำเนินการ คือ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย

โดยได้จัดให้มีคณะกรรมการในระดับนโยบาย คณะขับเคลื่อน และคณะปฏิบัติ รวมถึงให้มีการสำรวจและจัดทำแผนปฏิบัติงาน มีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2559 – มีนาคม 2560 แบ่งพื้นที่และหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการแบบบูรณาการทั้งในระดับแม่น้ำสายหลัก และแม่น้ำสายรอง รวมถึงแหล่งน้ำอื่นๆ

“ที่ผ่านมาปัญหาและอุปสรรคของการจัดเก็บผักตบชวา คือ เรื่องเครื่องมือ เครื่องจักร และกำลังพลไม่เพียงพอ การหาที่ทิ้งผักตบชวา และการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วของผักตบชวา รวมถึงความร่วมมือของประชาชน ซึ่งภาครัฐอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดเก็บผักตบชวา โดยมีการกำหนดให้ในวันที่ 4 ธันวาคม 2559 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย มีการจัดกิจกรรมรณรงค์การกำจัดผักตบชวาทั่วประเทศ ที่วัดบางไผ่นารถ ต.บางไทรป่า อ.บางเลน จ.นครปฐม” พ.อ. หญิงทักษดา กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ. ประวิตร ยังได้รายงานต่อที่ประชุม โดยยืนยันถึงการรื้อสะพานข้ามแยกรัชโยธิน และได้เตรียมเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง, กรุงเทพมหานคร และกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) เพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาจราจรอันเกิดจากการรื้อสะพานดังกล่าว เนื่องจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทดลองปิดการจราจรไปแล้ว 3 วัน เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก

เห็นชอบ พ.ร.บ.นโยบายการกีฬาฯ ยกมาตรฐาน สร้างรายได้ประเทศ

พ.อ. อธิสิทธิ์ ไชยนุวัตร ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีมติเห็นชอบในหลักการ ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการกีฬาแห่งชาติ โดยมีสาระเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ จัดทำนโยบาย และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการกีฬา เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการด้านกีฬาอย่างเป็นระบบ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสุขภาพของประชาชน และการพัฒนาสู่การเป็นเลิศด้านกีฬา

กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดให้มีการจัดทำนโยบาย ระบบบริหาร การจัดโครงสร้างของหน่วยงาน การจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมในการส่งเสริมด้านกีฬา รวมทั้งสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมกีฬา อีกทั้งยังกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และกำหนดให้มีการจัดทำแผนการพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ระยะเวลา 5 ปี โดยจะต้องมีรายละเอียดในการกำหนดแผนในการพัฒนากีฬาด้านต่างๆ รวมถึงการพัฒนากีฬาเพื่อส่งเสริมอาชีพ สุขภาพ คนพิการ วิทยาศาสตร์การกีฬา และการสร้างรายได้ประเทศ

“นอกจากนี้ ครม. ได้เห็นชอบแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2560-2564 โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้ประชากรทุกภาคส่วนมีความสนใจในการออกกำลังกายและเล่นกีฬา ให้นักกีฬาไทยประสบความสำเร็จทั้งในระดับอาเซียน เอเชีย และโลก รวมทั้งให้อุตสาหกรรมกีฬาของไทยช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศ” พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าว

เห็นชอบ พ.ร.บ.ส่งเสริมเด็กและเยาวชนฯ

พ.อ. อธิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยมีสาระสำคัญในการกำหนดบทบัญญัติเพิ่มเติม เรื่องการจัดตั้งสภาเด็กและเยาวชนตำบล สภาเด็ก และเยาวชนเทศบาล รวมถึงสภาเด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพมหานคร กำหนดให้การดำเนินการใดๆ จะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด คุณภาพชีวิต และความต้องการพื้นฐาน ของเด็กและเยาวชน สนับสนุนและส่งเสริมการร่วมมือทางการศึกษาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กพิการ เด็กที่มีข้อจำกัดทางการเรียนรู้ และเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ให้สามารถเปิดกว้างได้