ThaiPublica > เกาะกระแส > ดีเอสไอพร้อมนำส่ง “พระธัมมชโย ” ให้ศาล – ระบุปปง.สอบทางเงิน อายัดทรัพย์สินวัดธรรมกายได้

ดีเอสไอพร้อมนำส่ง “พระธัมมชโย ” ให้ศาล – ระบุปปง.สอบทางเงิน อายัดทรัพย์สินวัดธรรมกายได้

14 มิถุนายน 2016


พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี กรมสอบสวนพิเศษ

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี กรมสอบสวนพิเศษ หรือดีเอสไอ เปิดเผยหลังการประชุมสอบสวนเพื่อลงมติในคดีพระเทพญาณมหามุนีหรือพระธัมชโยว่า ตามคดีที่ 27/2559 ว่าหลังจากพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการเมื่อวานนี้ทั้งหมดมี 13 แฟ้ม เป็นเอกสารกว่าหนึ่งหมื่นหน้า โดยอัยการได้รับเรียบร้อย ส่วนการเจรจา 3 ฝ่าย วันนี้เจรจากันเป็นครั้งที่ 3 ทางดีเอสไอประสงค์ให้ทางสงฆ์ได้ร่วมดำเนินการแก้ปัญหาในคดีนี้ด้วย ส่วนการดำเนินการตามหมายจับในส่วนของดีเอสไอยังคงดำเนินการตามหมายจับอยู่ เพราะเจ้าพนักงานต้องปฏิบัติการตามที่ศาลอนุมัติหมายจับอยู่แล้ว

“เมื่อศาลอนุมัติหมายจับแล้ว เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะต้องไปดำเนินการตามหมายจับ ต้องไปจับกุม ทั้งนี้เราได้ประสานไปยังพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจไปแล้ว ซึ่งได้เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าเมื่อผู้ต้องหามีหมายจับเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองทั่วไป หรือตำรวจสามารถดำเนินการได้ตามหมายจับได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ทางดีเอสไอกำลังดำเนินการอยู่ และหากถึงวันที่อัยการมีความเห็นทางคดีแล้ว อัยการอาจจะมีหนังสือแจ้งมาให้พาตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับไปพบ ในขั้นตอนดังกล่าว ส่วนดีเอสไอมีขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมยังต้องเจรจา พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า “จะเจรจาทำไมอีก ทำไมไม่จับกุมเลย เนื่องจากมีหมายจับแล้ว ต้องเรียนว่าการเจรจานี้ทางสงฆ์เขาอยากให้ผู้ปกครองสงฆ์ดำเนินการไป แต่การดำเนินการตามหมายจับของดีเอสไอ เราประเมินสถานการณ์ตลอดเวลาอยู่แล้ว เรามีคณะทำงานอยู่แล้ว ส่วนการเข้าจับกุมเลยก็ทำได้ แต่ทางเราก็ต้องประเมินสถานการณ์ว่าจะเกิดผลกระทบ จะมีการต่อสู้ขัดขวาง หรือเกิดความรุนแรงขึ้น เราก็ต้องประเมินด้วย” พ.ต.อ. ไพสิฐ กล่าว

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวต่อว่าในส่วนคดีอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับคดียักยอกนี้ประมาณ 10 คดี จะเร่งรัดในคดีที่เกี่ยวข้องกับนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล และคาดว่าในเดือนหน้าจะสรุปสำนวนคดีได้อีกประมาณ 2-3 คดี

สำหรับเรื่องการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ทางดีเอสไอได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ทางกรมได้มอบหมายให้ พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดี ดีเอสไอ ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลคดีนี้พิจารณา แต่ต้องเรียนว่าสำนวนเสร็จสิ้นไปแล้ว การเปลี่ยนหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ พ.ต.ท. สมบูรณ์ ส่วนท่าทีของวัดธรรมกายที่คลางแคลงใจพนักงานสอบสวน ดีเอสไอได้รับข้อคิดเห็นของวัดธรรมกายมา โดยทางวัดธรรมกายติดใจกับรายละเอียดการสอบสวน แต่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ดังนั้น ในการสอบสวน ท้ายที่สุดพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงและพยานเอกสาร เช่น เส้นทางการเงินต่างๆ เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามเอกสารเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับตัวบุคคล โดยย้ำว่า”คดีนี้ว่าด้วยพยานเอกสารเป็นหลัก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดีเอสไอจะประสานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินหรืออายัดทรัพย์วัดธรรมกายหรือไม่ พ.ต.ท. ไพสิฐ กล่าวว่า เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการดำเนินการในคดีตามความผิดมูลฐาน เมื่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอดำเนินการแล้วจะต้องส่งข้อมูลให้ ปปง. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางแพ่งต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการเจรจาวันนี้ถ้ายังไม่มีข้อสรุปทางดีเอสไอจะมีแผนเข้าไปจับกุมหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า “การดำเนินการของดีเอสไอ มี 5 ขั้นตอน แต่ละขั้นตอนไม่ได้ผูกพันซึ่งกันและกัน การดำเนินการตามหมายจับเราดำเนินการตั้งแต่ต้น รวมทั้งการดำเนินการตามหมายจับ เราไม่ได้รอ หากสถานการณ์หรือประเมินสถานการณ์แล้วเหมาะสมเราก็เข้าดำเนินการจับกุม และถ้าหากถึงวันที่อัยการมีความเห็นทางคดี การที่จะนำตัวไป ทางอัยการจะมีหนังสือแจ้งพนักงานสอบสวนให้นำผู้ที่ออกหมายจับไปพบ ในขั้นตอนนั้นทางดีเอสไอเราก็มีขบวนการดำเนินการอยู่แล้ว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากที่มีการประชุม 3 ฝ่ายในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ระหว่างพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขตพระอารามหลวง ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ โตรักษา ทีมที่ปรึกษา ด้านกฎหมาย วัดเขียนเขต พันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม การประชุมวันนี้เป็นการเจรจาครั้งที่ 3 เพื่อหาข้อสรุปในการดำเนินคดีพระธัมมชโย

โดยพระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขตพระอารามหลวง ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี และคณะเจรจาขอยุติบทบาท เนื่องจากทางดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้กับอัยการสูงสุดแล้ว ส่วนจะดำเนินการกับพระธัมมชโยหรือไม่นั้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับทางสงฆ์ แต่เป็นการกล่าวโทษของฝ่ายบ้านเมือง

ขณะที่พันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ กล่าวว่า แนวทางหลังจากนี้ จะดำเนินการตามหมายจับ ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ 1.การเข้ามอบตัวของพระธัมมชโยเอง ซึ่งจะต้องประสานไปยังอัยการเพื่อมอบตัวที่ศาล 2.การเข้าจับกุมตัวตามหมายจับซึ่งจะไม่มีการประกันตัว ทั้งนี้การออกหมายจับมีอายุ 15 ปี นับตั้งแต่วันที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สั่งจ่ายเช็คให้กับพระธัมมชโย ส่วนนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้สืบทราบแล้วว่าหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศใด ได้ทำการประสานเบื้องต้นไปยังประเทศปลายทางแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวถึงการดำเนินการตามพระธรรมวินัยของพระธัมมชโย ว่าเป็นการกระทำความผิดหรือไม่นั้นต้องหลังจากการดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยก่อน จึงจะพิจารณาความผิดทางพระธรรมวินัย

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ไทยพับลิก้าเคยรายงานเรื่องนี้ ว่าตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 เจ้าพนักงานสอบสวนอาจใช้เป็นข้ออ้างดำเนินการให้พระธัมมชโยพ้นจากสมณเพศได้

มาตรา29

อ่านเพิ่มเติม: ซีรีย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น