ThaiPublica > คอลัมน์ > The Labor of Things: แรงงานแห่งสรรพสิ่ง

The Labor of Things: แรงงานแห่งสรรพสิ่ง

29 กุมภาพันธ์ 2016


ณัฐเมธี สัยเวช

ปัจจุบัน เป็นที่พูดถึงกันมากว่าเรากำลังจะเข้าถึงโลกยุค Internet of Things (IoT) ซึ่งกล่าวโดยง่ายก็หมายถึง โลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของเรานั้นจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หรือก็คือ “อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง”

แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ที่กำลังจะเข้าสู่ยุค IoT หรือต่อให้เข้าสู่ยุค IoT ไปอีกสักหนึ่งหรือสองทศวรรษ ยุคที่อยู่กับเรามาช้านาน และคงจะอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อยในช่วงชีวิตนี้ก็คือ LoT ซึ่งหมายถึงยุคของ “Labor of Things” หรือก็คือ “แรงงานแห่งสรรพสิ่ง”

หากยุคของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่งคือโลกที่ทุกสิ่งในชีวิตเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ต ยุคของแรงงานแห่งสรรพสิ่งก็คือโลกที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงกับแรงงาน หรือคือมีแรงงานอยู่ในทุกสิ่งรอบตัวเรา

ทั้งที่ยุคของแรงงานแห่งสรรพสิ่งนั้นอยู่กับเรามานานแสนนาน อาจเรียกได้ว่าอยู่กันมาตั้งแต่สมัยที่มนุษย์เริ่มรวมตัวกันปลูกผักล่าสัตว์ แต่แรงงานทั้งหลายก็ถูกกันออกไปจากชีวิตเราในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะด้วยความคิดเรื่องการ “แบ่งงานกันทำ” ซึ่งทำให้ดูเป็นเรื่องธรรมดาธรรมชาติที่ต่างคนก็ต่างทำมาหากินในทิศทางของตัวเองไป หรือเรียกว่าทำตามหน้าที่, การมีภาพจำว่าแรงงานนั้นเป็นอีกชนชั้นหนึ่ง หรือก็คืออยู่ในกลุ่มความหมายเดียวกับกรรมกร หรือกระทั่งการมองว่าเป็นเพียงตัวแปรหนึ่งในสมการเศรษฐกิจตามแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งก็หมายความว่า ไม่ได้รับการระลึกถึงในฐานะมนุษย์

ในยุคสมัยที่ใช้เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างในปัจจุบัน การสามารถใช้เงินซื้อสิ่งต่างๆ มาใช้โดยที่ไม่ต้องผลิตเอง ก็ยิ่งทำให้มองเห็นแรงงานได้อยากขึ้นไปอีก หรือถ้าจะเห็น ก็เห็นเพียงแรงงานของตัวเองที่ใช้ทำงานไปเพื่อได้เงินมาซื้อของ แต่ไม่เห็นแรงงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในสังคม

ในขณะที่ “กำลังซื้อ” เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเรากับสินค้า แต่กำลังซื้อก็ได้ทำให้สะพานที่เชื่อมระหว่างตัวเรากับแรงงานคนอื่นๆ ในสังคมขาดลงไปด้วย

แรงงานหายไปจากความรับรู้ของเรา ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว แรงงานนั้นเกี่ยวข้องกับเราทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อมตั้งแต่เกิดจนตาย แรงงานไม่เพียงอยู่ในสินค้าต่างๆ แต่ยังอยู่ในปัจจัยสี่ทุกประการที่เราซื้อหามาได้ แม้กระทั่งที่ได้รับมาในรูปแบบของสวัสดิการสำหรับประชาชน

การมองไม่เห็นแรงงานคือการมองไม่เห็นชีวิตอื่นที่อยู่ร่วมสังคมเดียวกับเรา และเป็นชีวิตอื่นที่มีส่วนในการทำให้ชีวิตของเราดำเนินไปอย่างราบรื่นอีกด้วย

เราจะมองเห็นแรงงานได้อย่างไร ผมอยากลองเริ่มกันง่ายๆ โดยใช้รูปต่อไปนี้เป็นหลักนำทาง

IMG_4419

ในภาพคือข้าวมันเป็ดย่างหมูกรอบราคา 45 บาท ทว่า ลำพังแค่ผมมีเงิน 45 บาท ไม่ได้หมายความว่าผมจะซื้ออาหารจานนี้มารับประทานได้ แต่ที่ผมสามารถซื้ออาหารจานนี้มารับประทานได้ ก็เพราะมีลูกจ้างของร้านนำมาเสิร์ฟ และร้านอาหารแห่งนี้ทำมาขาย นั่นคือแรงงานในทางตรง หรือก็คือที่เห็นกันตรงหน้า

แต่ร้านอาหารแห่งนี้จะทำข้าวมันเป็ดย่างหมูกรอบมาขายให้ผมได้ไหม ถ้าไม่มีแรงงานในทางอ้อมที่อยู่ในภาคเกษตรกรรมหรือกระทั่งแรงงานที่อยู่ภายใต้เกษตรพันธสัญญา ที่เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก ปลูกข้าว ไหนจะแรงงานที่ขนหมู ขนเป็ด ขนผัก ขนข้าว ขนทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการทำข้าวมันเป็ดย่างหมูกรอบจากแหล่งผลิตแรกสุดมาส่งต่อเป็นทอดๆ ไปตลอดห่วงโซ่การผลิต จนในที่สุดมาถึงร้านอาหารที่นำทั้งหมดมารวมกันเป็นอาหารจานนี้ กระบวนการเช่นนี้มีในวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารทุกประเภท ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นกระบวนการอันก่อเกิดอาหารราคาถูกแสนถูก หรืออาจกระทั่งแพงลิบลิ่ว ซึ่งวัตถุดิบหรือกระทั่งอาหารเหล่านี้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนในสังคม (ที่มีเงินพอจะซื้อได้) คือช่วยให้สามารถซื้อวัตถุดิบต่างๆ มาปรุงอาหารโดยไม่ต้องทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ด้วยตัวเอง หรือกระทั่งซื้ออาหารสำเร็จรูปทานได้ ไม่ต้องเสียเวลาทำเอง ไม่ต้องเสียแรงที่เสียไปจนหมดแล้วกับงานที่ทำมาทั้งวัน

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว จานและช้อนส้อมที่ใช้ในการรับประทาน โต๊ะและเก้าอี้ที่ผมนั่ง เขียงและมีดที่ใช้ในการสับเป็ดและหมูกรอบ หม้อที่ใช้หุงข้าว ร้าน หรือแม้แต่ตะขอที่ใช้เกี่ยวเป็ด ไก่ และหมูกรอบ เพื่อแขวนโชว์ในตู้หน้าร้าน เหล่านี้ล้วนมีแรงงานผลิตขึ้นมาทั้งสิ้น

ถ้าลองมองย้อนไปให้ไกลที่สุด ในตอนที่เราเกิด ใช่เพียงบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นแรงงานทางตรงที่ช่วยให้เราคลอดได้อย่างปลอดภัย ทว่า แม้แต่กรรไกรที่ตัดสายสะดือของเรา หรือกระทั่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ก็มาทำหน้าที่ของมันได้เพราะมีแรงงานในทางอ้อมที่ผลิตและส่งต่ออุปกรณ์เหล่านั้นมาถึงเราในฐานะผู้ซื้อบริการสาธารณสุข ดุจเดียวกับห่วงโซ่การผลิตข้าวมันเป็ดย่างหมูกรอบที่กล่าวไป

ในการใช้ชีวิตแต่ละวัน สาธารณูปโภคที่เราได้ใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะถนน ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบขนส่งมวลชนต่างๆ หรือกระทั่งอินเทอร์เน็ต เหล่านี้ก็ล้วนมีสำเร็จได้ด้วยแรงงานทางตรงอย่างเจ้าพนักงานที่ติดต่อกับเรา และแรงงานทางอ้อมอย่างแรงงานที่ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ขึ้นมา หรือเอาง่ายๆ กว่านั้น แม่บ้านที่ออฟฟิศของคุณไม่ใช่หรือ ที่ทำให้สำนักงานสะอาดสะอ้าน คนงานก่อสร้างไม่ใช่หรือ ที่ทำให้เมื่อมีเงินแล้วคุณก็สามารถซื้อบ้านอยู่ สามารถซื้อคอนโดอาศัย สามารถเข้าเรียนในโรงเรียน สามารถทำงานในตึกรามไม่ว่าเล็กน้อยหรือใหญ่โตก็ตาม (ต่อให้งานของคุณคือหาบเร่แผงลอยบนฟุตบาทก็เถอะ)

ยามที่เราเจ็บป่วย เราต้องกลับไปพบกับการรักษาพยาบาลอีกครั้ง แน่นอน เราได้พบเจอแรงงานทั้งทางตรงและทางอ้อมดุจเดียวกับเมื่อครั้งเราเกิด แต่ในคราวนี้ ยังมีแรงงานทางอ้อมของอ้อม ที่อาจผ่านมาในรูปภาษีและเงินหักจ่ายต่างๆ อันนำมาซึ่งประกันสังคมหรือโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า

หรือกระทั่งในยามที่เราตาย นอกจากแรงงานทางตรงอย่างสัปเหร่อ หรือกระทั่งพระสงฆ์ที่อำนวยการบำเพ็ญกุศล ก็ยังมีแรงงานทางอ้อมที่ผลิตดอกไม้จันทน์ และถ้าว่ากันให้ถึงที่สุด ก็มีเหล่าคนงานก่อสร้างที่สร้างศาลาสวดศพ เมรุเผาศพ (ศาสนาอื่นๆ ที่ไม่ใช่พุทธก็สามารถเทียบเคียงได้ในลักษณะนี้เช่นกัน) ที่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ชีวิตของเราจบลงโดยสมบูรณ์ตามวัฏจักรและความเชื่อตามศาสนาของตน

ทั้งหมดนี้ น่าจะเพียงพอทำให้เห็นว่า ชีวิตของเรานั้น ไม่ได้ดำเนินไปอย่างครบถ้วนควรเป็นด้วยตัวเราเพียงคนเดียว และไม่ได้ดำเนินไปได้เพียงเพราะมีเงินเพียงอย่างเดียว แต่ความพยายามและเงินทองของเรามีค่าในเชิงการอุปโภคและบริโภคได้ก็เมื่อมีแรงงานมากมายทั้งทางตรงทางอ้อมที่อยู่ในกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่มีแรงงานทั้งทางตรงทางอ้อมมากมายที่ทำงานของตัวเองแต่ก็มีส่วนช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตไปข้างหน้าได้ตามกำลังของตัวเอง เราเองก็กำลังเป็นทั้งแรงงานทางตรงและทางอ้อมที่ทำงานของตัวเองแต่มีส่วนให้ชีวิตแรงงานอื่นๆ ในสังคมดำเนินชีวิตไปข้างหน้าด้วยเช่นกัน

เราต่างเป็นแรงงานของกันและกัน ดังนั้น อะไรที่เราคาดหวังจากการทำงาน แรงงานอื่นๆ ก็ย่อมมีความคาดหวังไม่ต่างไปจากเรา และสิ่งที่เราและคนอื่นๆ ต้องการจากการทำงานนั้น ก็คงไม่มีอะไรมากมายไปกว่าความมั่นคงในชีวิต

ในความกังวลที่สังคมมีต่อความเป็นปัจเจก ที่ลือกันว่าเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ความน่ากลัวอีกประการไม่ใช่แค่การตัดขาดตัวเองจากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง คนใกล้ชิด แต่คือการไม่อาจรับรู้หรือจงใจจะไม่รับรู้ ว่าเราล้วนเชื่อมโยงกับทุกคนในสังคมในทางใดทางหนึ่ง และหนึ่งในทางที่ว่านั้นก็คือความเป็นแรงงาน ที่โดยแก่นแท้แล้วล้วนเป็นมนุษย์ มีเลือด มีเนื้อ มีความหวัง อย่างไม่แตกต่างกัน