ThaiPublica > เกาะกระแส > ป.ป.ช. มีมติชี้มูล “ศุภกิจ ริยะการ หรือสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ” ร่ำรวยผิดปกติ ให้ริบทรัพย์สิน กรณีโกง VAT

ป.ป.ช. มีมติชี้มูล “ศุภกิจ ริยะการ หรือสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ” ร่ำรวยผิดปกติ ให้ริบทรัพย์สิน กรณีโกง VAT

26 กุมภาพันธ์ 2016


จากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 นายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้นได้เปิดแถลงข่าวผลการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงการคลัง มีมติไล่ออกจากราชการ นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ หรือ นายศุภกิจ ริยะการ (ชื่อเดิม) อดีตข้าราชการซี 9 สรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 (บางรัก) ซึ่งถูกย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่สรรพากรพื้นที่นราธิวาส ตามข้อเสนอของคณะกรรมการสอบสวนวินัย กระทรวงการคลัง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้กับกลุ่มผู้ส่งออกเศษเหล็ก 30 ราย โดยไม่ได้ประกอบกิจการจริง ทำให้รัฐเสียหายอย่างร้ายแรง คิดเป็นวงเงิน 3,209 ล้านบาท

ล่าสุดวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 10.30 น. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายศุภกิจ ริยะการหรือสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 ร่ำรวยผิดปกติ ตามมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 โดยมีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน และต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งให้นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตร ตามแบบแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 79 รวมทั้งมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติของนายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ อดีตคู่สมรส บุตร และบุคคลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 นั้น

จ่าย vat 12 ล้าน

คืนเงินvat2607

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากธนาคารของนายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ ที่อยู่ในชื่อนายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ อดีตคู่สมรส และบุตร เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่าทรัพย์สินที่แจ้งข้อกล่าวหามีที่มาจากการขายทองคำแท่ง การกู้ยืมเงินจากบุคคลใกล้ชิด หรือการได้รับคืนเงินให้กู้ยืมจากญาติพี่น้องของคู่สมรส และอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นคำชี้แจงที่ฟังไม่ขึ้น จึงมีมติว่า นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ทั้งในชื่อของนายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ อดีตคู่สมรส บุตร และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่า 31,754,337.38 บาท

แต่เนื่องจากเงินในบัญชีเงินฝาก รวมเป็นเงิน 11,883,000 บาท ที่นายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ ได้มีการถอนไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากอื่น ซื้อที่ดิน และรถยนต์ ในชื่อของนายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ และบุตร รวมเป็นเงิน 3,917,317.25 บาท จึงเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติด้วย ส่วนเงินคงเหลือ จำนวน 7,965,682.75 บาท ให้ดำเนินการกับทรัพย์สินอื่นของนายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ อดีตคู่สมรส และบุตร ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราวแล้ว ทั้งนี้ ตามมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 80 และริบทรัพย์สิน ตามมาตรา 123/6 และมาตรา 123/8 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม